ตอนที่ 2098 มันเกิดอะไรขึ้น?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 2098 มันเกิดอะไรขึ้น?

“เราจะทำอย่างไรดี?” เจียงเหยาถามผู้อาวุโสจ้าวเยว่อย่างวนกระวาย

เพราะคำนึงถึงความปลอดภัยของเธอ ตู้ชิงหย่วนจึงไม่ยอมบอกใครว่าเธอกำลังจะเดินทางไปไหน ไม่มีใครสักคนในตำหนักคว้าดาวที่รู้เรื่องนี้

ด้วยทุกอย่างที่เธอทำลงไป แน่นอนว่าเธอมั่นใจว่าปกปิดร่องรอยของตัวเองได้มิดชิด แทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกนั้นจะตามตัวเธอพบ

ผู้อาวุโสจ้าวเยว่พลันนึกอะไรได้บางอย่าง เธอรีบนำตราหยกอันหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บสมบัติ “ก่อนหัวหน้าจะจากไป เธอบอกให้ฉันหักตราหยกอันนี้ถ้าหากเธอไม่กลับมา…”

ทันทีที่พูดจบ จ้าวเยว่ก็หักตราหยก

วิ้งงงงง!

เกิดแสงสว่างวาบ ตัวอักษรหลายแถวปรากฏขึ้นกลางอากาศ

“ถ้าฉันไม่ได้กลับสู่ตำหนักคว้าดาว ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตำหนักคว้าดาวจะต้องเป็นจางเซวียนจากสำนักดาบเมฆเหินเท่านั้น ปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพสูงสุดและเชื่อฟังคำสั่งของเขาโดยปราศจากเงื่อนไข”

เมื่ออ่านตัวอักษรเหล่านั้นจบ ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่กับเจียงเหยาสบตากันก่อนจะรีบหันไปมองจางเซวียน

จางเซวียนก็งงงันกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ตู้ชิงหย่วนแสดงเจตจำนงให้เขารับตำแหน่งหัวหน้าตำหนักคว้าดาวต่อจากเธอ…มันเกิดอะไรขึ้น?

เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาเห็นภาพลวงตาภาพหนึ่งอยู่ถัดจากข้อความนั้น จางเซวียนเลิกคิ้วขณะรีบชี้ภาพดังกล่าวและถามว่า “สุภาพสตรีที่อยู่ตรงนั้นคือหัวหน้าของพวกคุณใช่ไหม?”

ภาพลวงตานั้นคือเทพเจ้าที่เคยปรากฏตัวในทวีปแห่งปรมาจารย์เมื่อครั้งที่อำมาตย์เฉินหย่งประกอบพิธีกรรมเพื่อเรียกหลัวลั่วชิง

ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่พยักหน้า “นั่นคือหัวหน้าของเรา”

“ผมนึกแล้ว…” จางเซวียนพยักหน้าก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ

เขาคาดเดาไว้แล้วตอนที่ได้รู้ว่าประชากรท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะคว้าดาวคือเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่น

อีกนิดเดียวเขาก็จะได้รู้ความจริงใครจะไปคิดว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นตอนนี้?

สุภาพสตรีผู้นี้น่าจะเป็นคนเดียวในทวีปที่ถูกลืมที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลัวลั่วชิงและรู้ว่าเธอจากไปที่ไหน ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตู้ชิงหย่วนจริงๆ แหล่งข้อมูลเดียวของเขาก็จะหายไป

ตอนแรก เขาออกจะประหลาดใจที่ตู้ชิงหย่วนมอบตำแหน่งหัวหน้าตำหนักคว้าดาวคนต่อไปให้เขา แต่หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก็พอเข้าใจเหตุผล

กลุ่มอำนาจเดียวที่เก่งกาจพอจะบีบบังคับเธอ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักรบขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปที่ถูกลืมให้จนมุมได้ก็คือหอเทพเจ้า

และผู้เดียวที่มีพละกำลังมากพอจะสู้กับหอเทพเจ้าได้ก็คือตัวเขา, เจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่ผู้ทำความเข้าใจเจตจำนงเพลงดาบของเทพเจ้าได้สำเร็จ!

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ชื่อหลิวหยางกับเจิ้งหยางจะฟังดูไม่คุ้นหูกับคนอื่นๆ แต่เธอคือผู้ช่วยชีวิตหวู่เฉินไว้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ตู้ชิงหย่วนจะพอรู้ข้อมูลบางส่วนจากอีกฝ่าย และคาดเดาได้ว่าชื่อเหล่านั้นล้วนเป็นเขา

ก็เพราะพละกำลังและอิทธิพลของจางเซวียนในทวีปที่ถูกลืมที่ทำให้เธอไว้วางใจมอบตำหนักคว้าดาวให้ เพื่อให้เขานำพาตำหนักคว้าดาวผ่านช่วงเวลาคับขันนี้ไปให้ได้

“เจ้าสำนักจาง” เจียงเหยาหันมาประสานมือให้จางเซวียน “พวกเราเชื่อว่าหัวหน้าตู้มีเหตุผลที่ออกคำสั่งแบบนั้น และเราก็เต็มใจทำตามคำสั่งของเธอ ไม่ทราบว่าคุณมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร?”

ทั้งคู่ได้เห็นอสูรขั้นกึ่งสรวงสวรรค์ทั้ง 4 ตัวของจางเซวียนมากับตา จึงไม่สงสัยเรื่องความเก่งกาจของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ตู้ชิงหย่วนก็เป็นคนฉลาดและระแวดระวังมาก พวกเขาไว้ใจการตัดสินใจของเธอ

“ในเมื่อหัวหน้าตู้ไว้ใจผม ผมก็ยินดีรับตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่ของตำหนักคว้าดาว” จางเซวียนพยักหน้า

เขาเคยคิดว่าการเป็นผู้นำของแต่ละสำนักสร้างความยุ่งยากไม่น้อย แต่หอเทพเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเหนือความคาดหมายของเขา เพื่อตอบโต้คนเหล่านั้น…6 สำนักใหญ่จะต้องผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ก็ต้องมีใครสักคนที่บงการและชี้นำได้

ถ้าเขาได้เป็นหัวหน้าตำหนักคว้าดาว ก็จะมีความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นอีกมาก

ที่สำคัญกว่านั้น ตำหนักคว้าดาวยังสามารถติดต่อหลัวลั่วชิงได้ ต่อให้ตอนนี้ตู้ชิงหย่วนจะหายตัวไปก็ตาม

“ขอบคุณมาก เจ้าสำนักจาง” ผู้อาวุโสที่ 1 จ้าวเยว่โค้งคำนับอย่างงาม “พวกเราจะไปจัดเตรียมพิธีสถาปนาเดี๋ยวนี้ ระหว่างนี้ คุณพักผ่อนในที่พักที่เราเตรียมไว้ให้ก่อนก็แล้วกัน การเดินทางจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายคงสร้างความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย กลุ่มคนจากอีก 5 สำนักใหญ่คงจะมาถึงพรุ่งนี้”

5 สำนักใหญ่จะมารวมตัวกันเพื่อหารือรายละเอียดของการรับมือกับสะพานเบื้องบน คงจะดีหากจัดพิธีสถาปนาตอนที่มีกลุ่มคนจาก 5 สำนักใหญ่มาเป็นสักขีพยานและเป็นเกียรติให้

พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมตู้ชิงหย่วนถึงเสนอชื่อเจ้าสำนักดาบเมฆเหินคนใหม่ให้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตำหนักคว้าดาวของเธอ และพูดกันตามตรง ก็ยังรู้สึกขัดข้องใจอยู่บ้าง แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งนี้จะนำพาประโยชน์มาให้มากมาย

การมีผู้นำย่อมทำให้รากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละสำนักมั่นคงขึ้น พวกเขาจะรับมือกับหอเทพเจ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าเดิม

“ผมเข้าใจแล้ว” จางเซวียนพยักหน้า “ระหว่างนี้ผมจะเข้าไปที่หอสมุดของตำหนักคว้าดาวก่อน”

แม้เขาจะสำเร็จวรยุทธระดับอมตะขั้นสูงแล้ว แต่ก็ไม่อาจยกระดับวรยุทธได้อีกจนกว่าจะรวบรวมเทคนิควรยุทธได้มากพอที่จะประมวลเคล็ดวิชาเทียบฟ้าของวรยุทธระดับอมตะขั้นสูง

“ได้สิ ให้ฉันพาคุณไปนะ” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่พูด

เธอรีบพาจางเซวียนไปที่หอสมุดก่อนจะจากไปเพื่อจัดเตรียมพิธีสถาปนา

จางเซวียนรีบถ่ายโอนหนังสือทั้งหมดที่อยู่ภายในหอสมุด

ครึ่งวันให้หลัง เขาก็ออกจากหอสมุดแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องลับ

สมกับเป็นกลุ่มอำนาจที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้า ตำหนักคว้าดาวมีหนังสือเทคนิควรยุทธจำนวนมหาศาล มากกว่าสำนักดาวเจ็ดดวงเสียอีก โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ

หนังสือที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณในสำนักอื่นนั้นจัดว่าพื้นๆหากเทียบกับที่นี่

“ประมวล!”

หอสมุดเทียบฟ้ากระตุก แล้วหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณทั้งหมดก็ถูกประมวลขึ้นเป็นศาสตร์แห่งจิตวิญญาณเทียบฟ้าของวรยุทธระดับอมตะขั้นสูง

ไม่นานหลังจากนั้น จางเซวียนก็ประมวลเทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงทั้งหมดที่เขารวบรวมได้

เขาพลิกหน้าหนังสือที่ถูกประมวลขึ้นใหม่ด้วยนิ้วอันสั่นเทา หลังจากพิจารณาแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ยังเหลือข้อบกพร่องอยู่ 3 ข้อ แต่แก้ไขได้ด้วยการใช้ของบางอย่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา…”

แม้เทคนิควรยุทธระดับอมตะขั้นสูงของตำหนักคว้าดาวจะมีจำกัด แต่ก็โชคดีที่พวกเขารวบรวมภูมิปัญญาและประสบการณ์การฝึกฝนวรยุทธของนักรบอมตะขั้นสูงมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว

“หยดน้ำสีเงิน โลหะกระจ่างดาว หญ้าใบขบ…”

ทั้ง 3 อย่างนี้ สามารถแก้ไขข้อบกพร่องข้อหนึ่งได้ แต่พวกมันล้วนเป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่าสูงอย่างน่าทึ่ง มีค่ามากกว่าคริสตัลเพชรที่สำนักดาวเจ็ดดวงใช้ที่ทะเลพลัดดาวเสียอีก

“เราบังเอิญเก็บหญ้าใบขบมาได้จำนวนหนึ่งจากเมืองแห่งมิติที่ถูกทำลาย ศักยภาพของมันสูงกว่าที่พบได้ทั่วๆไป เพราะฉะนั้นก็ไม่มีปัญหา…” จางเซวียนรีบสำรวจข้าวของต่างๆที่เขามีอยู่

เมืองแห่งมิติที่ถูกทำลายมีอันตรายอยู่โดยรอบ แต่ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในสถานที่แห่งนั้นก็ยังดึงดูดนักรบรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้ฝ่าอันตรายเพื่อเดินทางเข้าไป

ในครั้งนั้น ก่อนที่จางเซวียนจะพบกับอสูรเสื่อมถอย เขาได้เก็บสมุนไพรทุกชนิดที่หาได้ และโชคดีที่หญ้าใบขบเป็นหนึ่งในนั้น

“ส่วนโลหะกระจ่างดาว…โป๊ะเชะ! ในแหวนเก็บสมบัติของไป่ซวนเฉิงมีอยู่ก้อนหนึ่ง!”

จางเซวียนแอบถอดแหวนเก็บสมบัติของเจ้าสำนักไป่ซวนเฉิงมา และก่อนหน้านี้ก็รีบตรวจสอบข้าวของที่อยู่ในนั้นแล้ว มีของล้ำค่ามากมายหลายชนิด, อาวุธระดับอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ 2 ชิ้น, สมุนไพรล้ำค่า, สินแร่ และทรัพยากรหลากหลายที่ใช้ในการฝึกฝนวรยุทธ ซึ่งโลหะกระจ่างดาวก็เป็นหนึ่งในนั้น

ด้วยเหตุนี้ อย่างเดียวที่เขายังขาดอยู่ก็คือหยดน้ำสีเงิน

เขาเคยอ่านเรื่องราวของมันในหนังสือมาก่อน ก็เหมือนกับลูกมังกรทะเลเหนือ หยดน้ำสีเงินมีอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทร ทำให้พบเจอได้ยากมาก แม้แต่สำนักดาวเจ็ดดวงที่มีเครือข่ายข้อมูลข่าวสารอันกว้างใหญ่และสายสัมพันธ์ที่กว้างขวางก็ยังไม่รู้เงื่อนงำว่าจะหาหยดน้ำสีเงินได้ที่ไหน

“บางทีเราควรเข้าไปดูที่หอนิรันดร์ น่าจะดีกว่าถ้าหาซื้อมันได้ ไม่อย่างนั้นคงลำบาก”

ในเมื่อรายละเอียดของมันปรากฏในหนังสือ ก็หมายความว่าจะต้องมีใครสักคนในโลกที่เคยใช้มันมาก่อน ซึ่งกลุ่มอำนาจเดียวที่มีเครือข่ายข้อมูลข่าวสารกว้างขวางกว่าสำนักดาวเจ็ดดวงก็คือหอนิรันดร์

หอนิรันดร์มีสาขาอยู่ทั่วทั้งทวีปที่ถูกลืม และนักรบส่วนใหญ่ก็เข้าสู่หอนิรันดร์บ่อยๆ แม้เขาจะยังคงแคลงใจในหอนิรันดร์หลังจากปะทะกับฟู่เฉิงสื่อ แต่ก็รู้สึกว่านี่คือความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่มีอะไรบอกได้ว่าเขาจะพบหยดน้ำสีเงินเมื่อไหร่

ถ้าเขายกระดับวรยุทธไปเป็นนักรบอมตะขั้นสูงสรวงสวรรค์ได้สำเร็จ ก็จะมีภาษีดีกว่าในการรับมือกับเหล่านักรบของหอเทพเจ้า

เมื่อคิดขึ้นได้ จางเซวียนออกจากห้องแล้วรีบตามหาผู้อาวุโสจ้าวเยว่

“นี่คือตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลของวรยุทธระดับอมตะขั้นสูง ตำหนักคว้าดาวตั้งอยู่บนเกาะคว้าดาวอันห่างไกล เราจึงไม่แยกตัวออกจากหอนิรันดร์ฝ่ายนอก คุณเข้าสู่หอนิรันดร์จากที่นี่ก็ได้” ผู้อาวุโสจ้าวเยว่พูดขณะยื่นตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลให้

“ขอบคุณมาก” จางเซวียนตอบยิ้มๆ

ส่วนเจียงเหยาก็มองจางเซวียนอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย ก่อนในที่สุดจะพูดขึ้น “ระวังตัวด้วยนะ ฉันไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ตอนนี้ไม่มั่นใจแล้วว่าหอนิรันดร์ยังควรค่าแก่การไว้ใจอยู่หรือเปล่า”

“ผมรู้ ผมจะระวังตัว” จางเซวียนตอบอย่างเคร่งขรึมก่อนจะจากไป

เขาเข้าสู่ห้องลับและทรุดตัวลงนั่ง กำตราสัญลักษณ์นิรันดร์กาลไว้ในมือ จากนั้นก็จ้องเขม็งที่ผนังตรงหน้า

เมื่อลองนึกดู*…สองครั้งก่อนที่เราเข้าสู่หอนิรันดร์ก็เกิดการลอบสังหารจากนักรบของหอเทพเจ้าตามมาแล้วคราวนี้จะเป็นแบบเดิมไหม?*

หลังจากที่เขาเข้าสู่หอนิรันดร์ของเมืองอู๋ไห่เพื่อซื้อยาเม็ดอมตะขั้นสุดยอด ก็ถูกพวกนั้นลอบโจมตี เหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองที่เมืองปี้หยวน

เขาเคยคิดว่ามันออกจะแปลกที่ในครั้งนั้นหอเทพเจ้าระบุตัวตนของเขาได้ถูกต้อง ซึ่งเขาก็วนเวียนอยู่แถวนั้นอีกพักใหญ่เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าหอเทพเจ้ามองทะลุการปลอมตัวของเขาได้จริงๆหรือไม่

หรือว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับหอนิรันดร์?