ตอนที่ 1039 ความดื้อรั้นของทั้งสอง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีมองไปยังซวนอีแล้วกล่าวเชิงหยอกล้อขึ้น “ดูสิ เจ้านายของเจ้าฉลาดกว่าเจ้าตั้งมากมาย”

“นายน้อย ถึงต่อให้เจ้าหนูนี่เป็นนักปรุงยา ถึงแม้ว่ายาหัวใจมหาจักรพรรดินั้นจะไม่ใช่ยาเม็ดขั้นสวรรค์ แต่ว่าสำหรับยาเม็ดขั้นปฐพีแล้ว ระดับความยากเย็นในการสกัดมันออกมานั้นไม่น้อยเลย เขา…เขาสามารถที่จะสกัดมันออกมาได้หรือ?”

บนโลกนี้มีนักปรุงยาวิปริตที่เป็นสตรีผู้นั้นผู้เดียวก็เพียงพอแล้ว หากว่ายังโผล่มาอีกคนละก็ เช่นนั้นก็บ้าไปแล้ว

มู่เฉียนซีถามขึ้น “ซวนอี เจ้าคอยรอดูเถอะ! ป้องกันโรงเตี๊ยมเอาไว้ให้ดี อย่าได้ให้ใครเข้ามารบกวนข้าก็พอแล้ว”

“นายน้อย!”

ซวนอียังคงไม่เชื่อมู่เฉียนซีอยู่เช่นเดิม พึ่งพาเจ้าเด็กนี่ช่างไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเสียเลยจริง ๆ

แต่ปรากฏว่าผู้เป็นนายของเขากลับกล่าวออกมา “ทำตามที่เฉียนเยี่ยว่า”

ผู้อาวุโสหลิงมิได้เข้ามายุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ นักปรุงยาคนอื่น ๆ เองก็ยากที่จะสกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่ดีที่สุดออกมาได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงได้ตัดสินใจยอมที่จะเชื่อนาง

เมื่อมองไปที่ดวงตาอันมั่นใจและเปล่งประกายนั้น เขาก็อดที่จะเชื่อถือไม่ได้

คำสั่งของนายน้อยจะมิเชื่อมิได้ ซวนอีกล่าว “เจ้าหนู เจ้าอย่าได้ให้นายน้อยของพวกเราผิดหวังเล่า!”

มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอน”

“ก่อนที่ข้าจะสกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิได้สำเร็จ ผู้ใดก็ตามจะเข้ามามิได้” มู่เฉียนซีมองไปทางเฟิงอวิ๋นซิวแล้วกล่าว

เฟิงอวิ๋นซิวพยักหน้ารับ “ได้ เจ้าวางใจเสียเถอะ!”

จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เข้าไปปรุงยาในห้องของนาง ด้วยพลังวิญญาณในตอนนี้หากจะสกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิสักเม็ดหนึ่งมันก็มิใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงพลังวิญญาณไม่เพียงพอในตอนที่ทำการสกัดยาอยู่นั้น มู่เฉียนซีได้ทำการเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว จากนั้นก็ได้ทุ่มเททั้งกายใจไปสกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิ

จนกระทั่งเหลือเวลาอีกไม่มากก็จะถึงการประมูลในครั้งที่หนึ่งแล้ว

ซวนอีค่อนข้างเป็นกังวล “นายน้อย? เจ้าหนูนั่นยังไม่ออกมา เขาจะทำล้มเหลวและไม่กล้าออกมาพบหน้ากันหรือไม่?”

“พวกเราต้องรีบไปให้ถึงสถานที่ประมูลของจักรพรรดิโอสถ มิเช่นนั้นแล้วเกรงว่าคงจะพลาดการประมูลนี้ไป ไม่อาจที่จะรอเขาได้แล้ว”

ไม่ว่าซวนอีจะเป็นกังวลอย่างไร ผู้เป็นนายของเขานั้นก็ยังคงสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

ในตอนนี้เองกลิ่นหอมของยาก็ได้ลอยออกมาจากห้องของมู่เฉียนซี ทำให้คนทั้งโรงเตี๊ยมสามารถได้กลิ่นหอมนี้ได้

ในที่สุดซวนอีก็หยุดพร่ำบ่น “กลิ่นหอมเข้มข้นของยาหัวใจมหาจักรพรรดิเช่นนี้ นี่…นี่เขากำลังจะทำสำเร็จแล้วหรือ?”

มุมปากของเฟิงอวิ๋นซิวเกิดรอยยิ้มบาง ๆ ขึ้น “คงใกล้จะสำเร็จแล้ว”

ตลอดทั้งวันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการได้มาซึ่งยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่ดีที่สุด พวกเขาราวกับบ้าคลั่งไปแล้วก็มิปาน

และตอนนี้กลิ่นหอมอันเข้มข้นของยาเม็ดนี้ก็ได้ลอยออกไป ทำให้เหล่าคนที่บ้าคลั่งพวกนั้นเริ่มให้ความสนใจกับโรงเตี๊ยมแห่งนี้เข้าแล้ว

มีผู้สกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิในที่แห่งนี้ เพียงแค่ได้กลิ่นหอมของมันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายไปทั้งกายและใจแล้ว

คุณภาพของยาหัวใจมหาจักรพรรดินี้จะต้องไม่ธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน!

จะต้องตามหาและเอายาเม็ดนี้มาให้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาก็สามารถที่จะได้มาซึ่งแผ่นเหล็กสีดำแผ่นนั้น

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

เงาร่างหนึ่งเงา สองเงา…สิบเงา ผู้ที่เข้ามายิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซวนอีสีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาและยืนคุ้มกันที่ด้านหน้าของโรงเตี๊ยมเอาไว้พลางกล่าว “หากพวกเจ้ายังกล้าเข้ามาใกล้กว่านี้อีกเพียงก้าวเดียว เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

หนึ่งในคนเหล่านั้นยิ้มแล้วกล่าว “พวกเราก็แค่อยากมาเยี่ยมเยียนนักปรุงยาผู้นั้น และอยากที่จะขอโอสถจากเขาก็เท่านั้นเอง เรามิได้มีเจตนาร้าย”

“ถึงแม้ว่าเขาจะสกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิออกมาได้ แต่มันก็ไม่ถือว่าเป็นของพวกเจ้า พวกเจ้ารีบจากไปเสีย” ซวนอีรีบไล่พวกเขาไปในทันที

“ยาเม็ดระดับเช่นนี้ ผู้แข็งแกร่งจึงจะมีสิทธิ์ที่จะได้มันมา ในเมื่อเจ้ามาขวางกั้นเอาไว้เช่นนี้ก็อย่าได้หาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”

ว่าแล้วพวกเขาก็เริ่มลงมือ

ไหนเลยที่องครักษ์ข้างกายเหล่านั้นของเฟิงอวิ๋นซิวจะเป็นพวกกระจอกงอกง่อย ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต่อสู้กันขึ้นมาแล้ว

แต่ทว่าผู้คนที่มารวมตัวกันนั้นยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ พวกซวนอีที่มีเพียงไม่กี่คนนั้นก็ยากที่จะกันเอาไว้ได้ทั้งหมด

เสียงอันสง่างามเสียงหนึ่งได้ลอยมา “เหล็กแผ่นนั้น อวิ๋นซิวจะต้องได้มันมา”

ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะไพเราะแต่จิตสังหารที่แฝงมาด้วยนั้นช่างทำให้เหล่าผู้คนล้วนรู้สึกยำเกรง

เมื่อพวกเขาเห็นบุรุษผู้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติในชุดคลุมสีดำผู้นั้นเดินออกมา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“นายน้อยอวิ๋นซิว!”

“พวกเราหุนหันพลันเล่นไปเสียแล้ว ที่แท้ก็เป็นนักปรุงยาของนายน้อยอวิ๋นซิวที่กำลังปรุงยาอยู่ มิน่าล่ะถึงได้ก่อให้เกิดความโกลาหลเช่นนี้ได้”

“เข้าใจผิด เป็นการเข้าใจผิดไป!”

ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะได้แผ่นเหล็กนั้นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปล่วงเกินอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่มีอนาคตไกลของโลกทั้งสี่ทิศ

ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะล่วงเกินตำหนักตงจี๋ซึ่งเป็นกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสามเพียงแห่งเดียวของแดนตะวันออก

พวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อเฟิงอวิ๋นซิวและไม่กล้าที่จะเข้ามาแย่งชิง

ถึงต่อให้กลิ่นของยานี้หอมแล้วอย่างไรเล่า? นั่นก็ไม่แน่ว่ามันจะเป็นยาที่มีคุณภาพดีที่สุดหรอก

ทุกคนต่างล่าถอยกันออกไป เงาร่างสีม่วงเงาหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันสง่างาม

เขามองไปยังเฟิงอวิ๋นซิวแล้วกล่าว “นายน้อยอวิ๋นซิว จะให้ข้าพบนักปรุงยาผู้นั้นหน่อยมิได้หรือ?”

“เป็นเจ้า!” สำหรับโม่จิ่นแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวเคยพบกับเขามาก่อนแล้วก็จดจำเขาได้

“ของสิ่งนั้นข้าจำเป็นที่จะต้องได้มา”

โม่จิ่นกล่าว “แต่ทว่าเพื่อนายท่านของข้า ข้าเองก็จำเป็นที่จะต้องได้มาซึ่งของสิ่งนั้นเช่นกัน”

เขามองไปยังเฟิงอวิ๋นซิวแล้วกล่าว “ข้าอยากจะขอคำแนะนำจากนายน้อยอวิ๋นซิวสักหน่อย ถ้าหากว่าข้าชนะ เช่นนั้นนายน้อยอวิ๋นซิวจะต้องมอบยานั้นที่นักปรุงยาผู้นั้นปรุงออกมาให้ข้าเป็นเช่นไร?”

ในตอนที่ผู้อื่นพากันยอมแพ้นี้เอง บุรุษในชุดสีม่วงผู้นี้กลับกล้าท้าประลองกับนายน้อยเฟิงอวิ๋นซิว ช่างกล้าดียิ่งนัก!

ทุกคนต่างเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา “คนผู้นี้เป็นใครถึงได้กล้ามาล่วงเกินตำหนักตงจี๋?”

“เขานั้น…ถ้าหากข้าจำไม่ผิดละก็ เขาเป็นรองหัวหน้าของหอหมอปีศาจ”

“หอหมอปีศาจเป็นหอโอสถที่ไม่มีระดับขั้นแม้แต่ขั้นเดียว กลับกล้าที่จะมาล่วงเกินสำนักนิกายระดับสาม หรือว่าเขาจะเป็นบ้าไปแล้ว”

เฟิงอวิ๋นซิวมีความดื้อรั้นของเฟิงอวิ๋นซิว ส่วนโม่จิ่นเองก็มีเช่นกัน เขาสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าหากผู้เป็นนายของเขามีพลังวิญญาณธาตุไฟ ทักษะการปรุงยาของนางจะต้องยิ่งฝืนลิขิตสวรรค์ไปยิ่งกว่านี้เป็นแน่

เฟิงอวิ๋นซิวพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ ข้าสามารถตอบตกลงกับเจ้าได้”

บึ้ม! ทั้งสองได้ต่อสู้กันในทันที

โม่จิ่นได้กินยากระดููกมังกรเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังความสามารถ ระดับของเขานั้นห่างกับอวิ๋นซิวเพียงไม่มากนัก

แต่ทว่าเฟิงอวิ๋นซิวที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในโลกทั้งสี่ทิศ ชื่อนี้มิได้มาด้วยการคุยโวอย่างแน่นอน

ปัง ปัง ปัง! หลังจากได้ประมือกันไปหลายสิบกระบวนท่าโม่จิ่นก็ได้พ่ายแพ้เสียแล้ว

เขาถึงขั้นรู้สึกได้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวนั้นตั้งใจออมมือให้

เจ้าเด็กนี่อันตรายเกินไปนัก โม่จิ่นพึมพำกับตนเอง

โม่จิ่นนั้นไม่ยอมและได้ต่อสู้กับเฟิงอวิ๋นซิวอีกครั้ง ส่วนมู่เฉียนซีก็ได้สกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิเสร็จออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เสียงกระทบกระแทกที่ด้านนอกนั้นไม่เบา คงจะมีผู้ที่ได้กลิ่นยาเม็ดนี้แล้วรีบมุ่งเข้ามา

ปรากฏว่าเมื่อมู่เฉียนซีเดินออกไปก็เห็นเงาร่างสีม่วงและสีดำพุ่งตัดกันไปมาอยู่กลางอากาศ

ปัง! เสียงหนึ่งดังขึ้น เงาร่างสีม่วงนั้นได้ถูกโจมตีกระเด็นลอยออกมา

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เจ้าแพ้แล้ว!”

“บัดซบ!” โม่จิ่นหงุดหงิดเป็นที่สุด

มู่เฉียนซีเองก็ตะลึงงันที่โม่จิ่นกับเฟิงอวิ๋นซิวได้สู้กันขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าโม่จิ่นยังไม่ยอมและต้องการที่จะพุ่งเข้าไปอีกนั้น มู่เฉียนซีก็ได้เปิดปากกล่าวขึ้น “อวิ๋นซิว การประมูลใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเราควรที่จะออกเดินทางแล้วหรือไม่?”

เมื่อได้ยินเสียงเสียงนี้ สายตาของเหล่าผู้คนต่างจับจ้องไปที่ตัวของเด็กหนุ่มผู้ที่เดินออกมานี้

เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ได้งดงามเท่านายน้อยอวิ๋นซิวแต่เขาก็หล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง

เขาคงมิใช่นักปรุงยาผู้ที่สกัดยาหัวใจมหาจักรพรรดิออกมาหรอกกระมัง? นี่ล้อเล่นอะไรกัน?

เกรงว่าอายุของเขาจะยังน้อยกว่านายน้อยอวิ๋นซิวเสียอีก!