ตอนที่ 1062 ช่วยหน่วยทหารของเฮ้อซานเตา (1)

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 1062 ช่วยหน่วยทหารของเฮ้อซานเตา (1)

มิมีผู้ใดรู้ว่าสงคราม ณ เมืองต้าติ้งได้เริ่มขึ้นแล้ว

ไป๋ยู่เหลียนนำทหาร 4 กองทัพ จำนวน 400,000 นายรีบเร่งเดินทางมาอย่างเงียบ ๆ

จากการคำนวณเวลาแล้ว คาดว่าเฮ้อซานเตาคงเริ่มต่อสู้กับกองทัพอสนีบาตแล้ว หากว่าเฮ้อซานเตาสามารถเข้ายึดเมืองต้าติ้งและใช้เมืองต้าติ้งเป็นที่คุ้มภัยก็คงมิมีปัญหาอันใด แต่หากว่าเขายังอยู่ด้านนอกล่ะก็…ไป๋ยู่เหลียนมิอยากจะจินตนาการถึงผลที่จะตามมาเลย

จากความเร็วในการเดินหน้าตอนนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2 วันกว่าจะถึงเมืองต้าติ้ง !

เขาเลือกใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุด เดิมทีเขาคิดว่าจะเผชิญหน้ากับการต่อต้าน ทว่าเขากลับคาดมิถึงว่าตลอดทางมานี้เมืองต่าง ๆ กลับปิดแน่น มิมีทหารแม้แต่กองทัพเดียวที่ออกมาขัดขวางพวกเขา

ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ…เมื่อตอนที่พวกเขาเดินทางไปถึงเมืองจงหลี ประตูเมืองนี้ก็เปิดต้อนรับพวกเขาทันที ขุนนางในเมืองนั้นพร้อมใจกันมอบเมืองให้แก่พวกเขา !

เขายังจำชื่อผู้คุ้มกันเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี…เวินหลินหยาง

เหล่าทหารมิได้เดินทางเข้าไปในเมือง พวกเขามิแม้แต่จะหยุดทัพเพื่อพักผ่อนด้วยซ้ำ พวกเขาเดินทางผ่านเมืองจงหลีไป

ไป๋ยู่เหลียนเข้าใจดีว่าเหล่าทหารนั้นเดินทางมาจนเหนื่อยล้าแล้ว ทว่าบัดนี้มิว่าจะเหนื่อยเพียงใดก็จำต้องอดทนเอาไว้

“จงจำเอาไว้ว่า…พวกเราคือทหารบกของต้าเซี่ย ! ”

“จงจำเอาไว้ว่า…พวกเราคือทหารผู้แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ! ”

“จงจำเอาไว้ว่า…กองทัพที่พวกเราจะเดินทางไปสนับสนุนคือพี่น้องของพวกเราเอง ! ”

“บัดนี้พวกเขาอาจจะกำลังต่อสู้อยู่กับกองทัพอสนีบาตที่เมืองต้าติ้งอย่างดุเดือดก็เป็นได้ หรือบางทีพวกเขาอาจจะถูกกองทัพอสนีบาตโอบล้อมและเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมา ! ”

“ดังนั้น…พี่น้องทหารต้าเซี่ยทั้งหลาย มิว่าเมื่อใดก็ตามพวกเราจะมิมีวันทอดทิ้งพี่น้องของเราเป็นอันขาด มิว่าจะเกิดอันใดขึ้น พวกเราจะมิปล่อยวางความหวังสุดท้ายไปอย่างแน่นอน ! ”

“พี่น้องทหารทุกนาย จงเดินหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด เดินทางไปให้ถึงที่หมายภายในระยะเวลาอันสั้น ! ”

มิมีทหารแม้แต่นายเดียวที่ละทิ้งกองทัพ และมิมีทหารแม้แต่นายเดียวที่ส่งเสียงบ่นออกมา

เพราะพวกเขาคือกองทัพทหารที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้านี้ !

หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของทหารบกแห่งต้าเซี่ย !

ธงประจำกองทัพโบกสะบัดพัดปลิวอยู่เบื้องหน้า พวกเขาทะยานตามธงนั้นไปอย่างมิคิดชีวิต !

ในขณะเดียวกัน กองทัพทหารม้าของท่าป๋าเฟิงที่ออกเดินทางมาจากแม่น้ำเย๋ซุ่ยก็ได้เดินนำหน้ากองทัพอื่นอยู่ด้านหน้าสุด

ส่วนกองทหารที่ตามหลังท่าป๋าเฟิงมาติด ๆ ก็คือกองทัพบกที่หนึ่งของกวนเสี่ยวซี

ส่วนกองพลทหารม้าของหยูติ้งชานและหยูติ้งเหอถูกโจมตีจนหมดท่า บัดนี้พวกเขาจึงได้กลายเป็นทหารราบเดินหน้าไปพร้อมกับกวนเสี่ยวซีอย่างมิคิดชีวิต

ท่าป๋าวั่งและท่าป๋าฮวงรวมไปถึงทหารม้าทั้งห้าหมื่นนายมิได้ข้ามแม่น้ำตามพวกเขามา พวกเขายืนอยู่ที่อีกฟากของแม่น้ำพลางจ้องมองไปยังเส้นทางที่ทอดยาวออกไป จนกระทั่งร่างสุดท้ายลับสายตา

“นี่คือกองทัพทหารที่มิมีกองทัพใดในใต้หล้าเทียบเคียงได้ ! ”

“ฝ่า… ท่านผู้ว่าราชการขอรับ ข้าน้อยชื่นชมในความเฉลียวฉลาดของท่านเป็นอย่างยิ่ง ! ”

ในฐานะผู้บัญชาการทหารม้าของซีเซี่ย เขารู้และเข้าใจกฎการทำสงครามเป็นอย่างดี เขารู้ดีว่ากองทัพทหารที่หนักแน่นไปด้วยปฏิญาณเช่นนี้น่ากลัวเพียงใด !

ทหารของต้าเซี่ยเหล่านั้น มิมีแม้แต่คนเดียวที่สู้รบเพื่อปากท้อง !

พวกเขาเทิดทูนทหารบกของต้าเซี่ยจากใจจริง พวกเขาได้ผ่านการคัดเลือกคราแล้วคราเล่าจนในที่สุดก็เหลือไว้เพียงผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น

พวกเขาเพียงต้องการเดินตามธงประจำกองทัพที่โบกสะบัดไปมา !

สิ่งที่พวกเขาต้องการปกป้องคือจิตวิญญาณของทหารต้าเซี่ยที่มิมีวันยอมพ่ายแพ้ !

สิ่งที่พวกเขาต้องการประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้คือศักดิ์ศรีของต้าเซี่ย !

“การเดินทางไปต้าติ้งในครานี้ อย่างเร็วสุดก็ต้องใช้เวลาถึง 5 วันด้วยกัน บัดนี้กองทหารที่ถูกเรียกว่ากองนาวิกโยธินจำนวน 20,000 นายนั้น เกรงว่า…เกรงว่าจะตกอยู่ในความลำบาก”

“แต่พวกเขาก็ยังเดินทางไป”

“ใช่ ! พวกเขาต้องไปอยู่แล้ว เพราะนี่คือคำสั่งและนี่ก็เป็นความเชื่อของพวกเขาด้วยว่าเฮ้อซานเตาจะมิยอมพ่ายแพ้โดยง่าย ! ”

ท่าป๋าฮวงนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ทหารจำนวน 20,000 นายสู้กับกองทัพอสนีบาตจำนวน 450,000 นาย… หากว่าเป็นทหารทั่วไปจำนวน 450,000 นาย ท่าป๋าฮวงก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเฮ้อซานเตาผู้นั้นจะมิพ่ายแพ้ ทั้งยังสามารถเอาชนะอย่างเกรียงไกรได้อีกด้วย

แต่กองทัพอสนีบาตมิได้เป็นเช่นนั้น !

พวกเขากบดานอยู่ในภูเขาต้าเซียนเปยมานานหลายปี พวกเขาดุร้ายดุจราชสีห์

บัดนี้เมื่อพวกเขาเดินทางออกมาจากป่า ก็มิต่างอันใดกับราชสีห์ดุร้ายที่ถูกปล่อยออกมาจากกรง หากต้องการจะถอดเขี้ยวของมัน กองนาวิกโยธินอาจจะถูกพวกมันขย้ำเอาได้ง่าย ๆ !

“เจ้าว่า…หากเฮ้อซานเตาจะยึดเมืองต้าติ้งเอาไว้ได้หรือไม่ กองทัพอสนีบาตจะสามารถกำราบพวกเขาได้หรือไม่ ? ”

ท่าป๋าฮวงชะงักเล็กน้อย “อืม…มิรู้ว่าทหาร 20,000 นายจะยึดครองเมืองต้าติ้งได้หรือไม่ ทว่าต่อให้เฮ้อซานเตาเข้ายึดครองต้าติ้งเอาไว้ได้ก็อาจจะคุ้มกันมิอยู่ เนื่องจากศัตรูมีมากกว่าเขาถึงยี่สิบเท่า ! ”

นั่นสิ ! ท่าป๋าฮวงเงยหน้าขึ้นมองสุริยาที่ค่อย ๆ ขึ้นสู่ขอบฟ้า “ไปกันเถิด…พวกเราเองก็ต้องเดินทางกลับไปจัดการเขตปกครองตนเองซีเซี่ยด้วยเช่นกัน”

มิว่ากองทัพของเฮ้อซานเตาจะรอดหรือไม่ ราชวงศ์เหลียวก็ต้องล่มสลายอยู่ดี

ต่อให้กองทัพอสนีบาตเก่งกาจมากเพียงใด ก็มิอาจสู้กับทหารบกของต้าเซี่ยถึง 600,000 นายได้

นับแต่นี้สืบไป ซีเซี่ยคงมิมีสงครามภายนอกอีกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาจะทำต่อไปก็คือดำรงชีวิตอย่างสงบและพัฒนาตนเองไปเรื่อย ๆ

……

……

ณ เขตการปกครองตนเองชื่อเล่อชวน ค่ายทหารที่รัฐจื่อฉีได้ถูกเก็บลงแล้ว

ท่ามกลางเมืองฉาวหยาง คณะเดินทางของฟู่เสี่ยวกวนได้มุ่งหน้าไปทางรัฐลู่ฉี

ไห่ตงชิงบินลงมาจากท้องนภา จากนั้นก็เกาะที่บ่าของซูซู นางแกะม้วนกระดาษนั้นออกแล้วส่งไปให้ฟู่เสี่ยวกวน

ฟู่เสี่ยวกวนชายตามองจากนั้นก็เผยอยิ้มขึ้น เขาเขียนข้อความลงบนกระดาษใบเล็ก ๆ แล้วผูกติดกับขาของเหยี่ยวทะเลตัวนั้น ซูซูปล่อยเหยี่ยวตัวนั้นให้บินจากไปด้วยสีหน้ามิสู้ดีเท่าใดนัก

“อย่าคิดมากไปเลย”

“แต่เขามาแล้วจริง ๆ ”

“เขาก็คือเขา เจ้าก็คือเจ้า” ฟู่เสี่ยวกวนกุมมือของซูซูเอาไว้ “เจ้าคือภรรยาของข้า มิว่าจะเมื่อใดหรือเกิดเรื่องอันใด เจ้าก็จะเป็นภรรยาของข้าตลอดไป ! ”

“จะอันตรายหรือไม่ ? ”

“วางใจเถิด…ข้าต้องการล่อลวงให้พวกมันออกมาเอง”

และในฉาวหยางนี้ ปรมาจารย์ 6 คนที่นำโดยซูฉางเซิงกำลังปีนป่ายเกาเชวียซายเข้ามาในอาณาเขตหลานฉี

……

ณ เมืองต้าติ้ง

“เมื่อคืนนี้พวกเจ้าสู้รบได้ดีเลยทีเดียว ! ”

เฮ้อซานเตายืนอยู่บนกำแพงเมือง เขาโคจรพลังจากจุดตันเถียนแล้วตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังสนั่น “ข้าจะบอกกับพวกจ้าทั้งหลายว่า ข้าได้รับข่าวมาว่ากองสนับสนุนของพวกเราจะเดินทางมาถึงในเช้าวันพรุ่งนี้ ! ”

“สิ่งที่พวกเราต้องทำต่อไปนี้ก็คือคุ้มกันเมืองนี้เอาไว้ให้ได้ อาจจะเหนื่อยใช้ได้เลยล่ะ ดังนั้น…ลงมือทานข้าวกันเถิด ! ”

“นี่คืออาหารกระป๋องของต้าเซี่ยซึ่งมีมิมากนัก… ให้แจกจ่ายไปคนละ 1 กระป๋อง ต่อจากนี้หากพวกเจ้าได้เข้ามาเป็นทหารของต้าเซี่ย ก็จะได้รับการแจกจ่ายเช่นนี้โดยที่มิต้องเสียเงิน ! ”

“เอาละ…ข้าได้เอ่ยสิ่งที่ควรเอ่ยเรียบร้อยแล้ว เมื่อกินข้าวเสร็จพวกเจ้าจงพักผ่อนอยู่ที่เดิม ! กองพลที่หนึ่งรับหน้าที่เฝ้ายามคุ้มกัน ! ”

บนกำแพงเมืองเต็มไปด้วยทหารเรียงราย

พวกเขานั่งอยู่บนพื้นที่เจิ่งนองโลหิตนั้น มือหนึ่งถือหมั่นโถว อีกมือหนึ่งถืออาหารกระป๋องเอาไว้…ของสิ่งนี้อร่อยมากจริง ๆ อาหารกระป๋องกับหมั่นโถว ช่างเลิศรสเสียยิ่งกระไร !

“นี่เป็นอาหารของทหารต้าเซี่ยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ก็ใช่นะสิ ! ข้าได้ยินทหารต้าเซี่ยจากแนวป้องกันด้านโน้นเอ่ยว่า ในกระเป๋าที่พวกเขาแบกมานั้นนอกจากระเบิดแล้วก็เป็นอาหารกระป๋องนี่แหละ”

“ไอหยา…ให้ตายเถิด ! นี่มิใช่ว่ามันทำมาจากเนื้อหมูหรอกหรือ ? ”

“หมูที่ต้าเซี่ยนั้นกินสิ่งที่เรียกว่ามันเทศต่างหาก ได้ยินมาว่าอาหารที่นั่นอร่อยกว่าอาหารของราชวงศ์เหลียวตั้งมิรู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ! ”

“มีวิธีเข้าร่วมกองทัพหรือไม่ ? ”

“ยากยิ่งนัก ทหารต้าเซี่ยมิใช่ว่าผู้ใดอยากเป็นก็สามารถเป็นได้เลย พวกเขาจะทำการคัดเลือกด้วย ! ”

“เอาล่ะ ! รีบกินรีบนอนเถิด ต่อให้มิได้เป็นทหาร แต่ได้เป็นเกษตรกรของต้าเซี่ยก็คาดว่าคงดีกว่าอยู่ที่นี่มากนัก ! ”

ด้านนอกกำแพงเมือง โหลวยิงจงใช้กล้องส่องทางไกลมองไปยังกำแพงเมืองทั้งตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า

เพียงชั่วคืน…เขาสูญเสียทหารชั้นยอดไปถึง 40,000 นาย ซึ่งหมายความว่าพวกที่บินข้ามกำแพงไปนั้นรอดชีวิตกลับมาเพียง 10,000 นายเท่านั้น !

ฝ่ายศัตรูตกตายไปเท่าใดกัน ?

เขาเองก็มิอาจรู้ได้ รู้เพียงแค่ว่าทหารจากกองนาวิกโยธินของฝ่ายตรงข้ามจำนวน 20,000 นายนั้นแทบมิมีผู้ใดตกตายลงไปเลย

พวกเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง !

ปืนของพวกเขาร้ายกาจมากยิ่งนัก วันนี้จะทำการโจมตีเยี่ยงไรดีเล่า ?

ศัตรูที่อยู่ด้านหลัง จะมาถึงที่นี่เมื่อใด ?

จะให้พวกเขามีโอกาสหยุดหายใจมิได้ !

“ทหารทุกนายจงฟังคำสั่งให้ดี พวกเราจะโจมตีอย่างต่อเนื่อง ! ”

วันนั้นทั้งวัน กลองสงครามได้ดังขึ้นมาอีกครา !