ยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่รู้เรื่องความเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของอาณาเขตนภา แตกต่างจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
ไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมานี้อาณาจักรจันทราพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วในอัตราที่บ้าคลั่ง ซึ่งเหรินฉิงชานรู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาณาจักรจันทราก็คือ หลิงตู้ฉิง ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือป่าภูตนางฟ้า เขาจึงมีความคิดที่จะตั้งหอการค้าเชื่อมสวรรค์ให้กับป่าภูตนางฟ้าเพราะเขารู้ว่าในอนาคตป่าภูตนางฟ้าจะต้องพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับอาณาจักรจันทรา
ส่วนเรื่องของอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์และประตูเคลื่อนย้ายนั้น หากเทียบกับการทำให้หลิงตู้ฉิงพึงพอใจนั้นมันย่อมคุ้มค่า!
“สำหรับอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ข้าสามารถมอบมันให้กับองค์จักรพรรดินีได้เลยในตอนนี้ แต่ประตูเคลื่อนย้ายนั้นข้าคงต้องขอเวลาสัก 10 ปีในการรวบรวมวัสดุต่าง ๆ เพื่อใช้ในการก่อสร้างมัน และอีกอย่างข้าคงต้องขอรบกวนให้องค์จักรพรรดินีมอบที่ดินสักผืนให้กับหอการค้าเชื่อมสวรรค์เพื่อใช้ในการตั้งสาขาที่ป่าภูตนางฟ้าด้วย!”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าเหลือบมองไปที่หลิงตู้ฉิงเพื่อส่งสัญญาณให้เขาตัดสินใจ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “รอให้ข้าปรึกษากับจักรพรรดินีภูตนางฟ้าเสร็จก่อน ข้าจะให้ตำแหน่งที่เจ้าสามารถตั้งสาขาหอการค้าเชื่อมสวรรค์ของเจ้าได้”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์มาและส่งต่อมันไปให้กับจักรพรรดินีภูตนางฟ้า และเริ่มพูดต่ออีกครั้ง “ประเด็นของลั่วเอ๋อถือว่าจบลงตรงนี้ แต่ว่าเรื่องที่สำนักห้าวเทียนรุกรานเข้ามาที่ป่าภูตนางฟ้าจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเช่นกัน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีอะไรจะเสนอ?”
เหรินฉิงชานหันไปส่งสัญญาณให้กับไป๋หลีเหวินเซี่ยง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงบอกใบ้ว่า “เจ้าสำนักไป๋หลี ตอนนี้ถึงเวลาที่ท่านต้องตัดสินใจแล้ว”
ไป๋หลีเหวินเซี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “ถึงแม้ว่าข้าจะพาสำนักของข้ารุกรานเข้ามาในป่าภูตนางฟ้าจริง แต่ทั้งข้าและคนของข้าก็ไม่ได้ร่วมรบเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงความตั้งใจของข้าที่ข้าพาคนของข้ารุกล้ำเข้ามาก็เพราะข้าต้องการจะช่วยอพยพเหล่าภูตนางฟ้าที่ยอมเข้าร่วมกับสำนักของข้าต่างหาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมลั่วเฉินลู่ถึงได้พาคนของเขามาเข้ายอมจำนนต่อข้า แต่ในเมื่อตอนนี้เผ่าภูตนางฟ้าพ้นหายนะด้วยตัวเองได้แล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าลั่วเฉินลู่และคนของเขาคงไม่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือของข้าอีกต่อไป หากฝ่าบาทอยากจะพาพวกเขากลับไป ท่านก็สามารถพาพวกเขากลับไปได้เลยข้าไม่ขัดข้อง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของลั่วเฉินลู่เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดในทันที และรีบพูดว่า “เจ้าสำนักไป๋หลี ข้า…”
ไป๋หลีเหวินเซี่ยงไม่สนใจว่าลั่วเฉินลู่จะพูดว่าอะไร เขาพูดต่อทันที “ถึงแม้ว่าพวกข้าจะรุกล้ำเข้ามาด้วยเหตุผลที่ดี แต่ข้าก็รู้ตัวว่าวิธีการของข้ามันยังผิดอยู่ ดังนั้นเพื่อเป็นการขออภัยต่อเผ่าภูตนางฟ้า สำนักห้าวเทียนจึงขอมอบเหรียญผลึกจักรพรรดิ 10,000 เหรียญเพื่อเป็นการชดใช้! และหลังจากนี้ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถเป็นมิตรที่ดีต่อกันตลอดไป”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดกับไป๋หลีเหวินเซี่ยงว่า “ในระหว่างที่ข้าเดินทางมาที่นี่ ข้าพบเจอกับสำนักและอาณาจักรมากมายที่มีส่วนร่วมในการรังแกเผ่าภูตนางฟ้าและแวะเข้าไปทักทายผู้คนเหล่านั้นแทบจะทั้งหมด ถ้าให้ยกตัวอย่างก็สำนักเขาขจี ซึ่งเป็นสำนักแรกที่ข้าไปเยือน”
“ด้วยเหตุผลที่พวกเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองมากเกินไป พวกเขาจึงท้าทายข้า ซึ่งส่งผลให้ข้าฆ่าศิษย์ของสำนักเขาขจีไป 3,000 คน และรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีก 7 คนก็ถูกข้าสังหาร”
“จากนั้นต่อมาข้าก็ไปเยือนสำนักมังกรตะครุบ ซึ่งข้าก็ได้พบว่าสำนักมังกรตะครุบนั้นทั้งแข็งแกร่งกว่าและโง่เง่ากว่าสำนักภูเขาขจีซะอีก พวกเขากลับให้คนของสำนักทั้งหมดสาบานว่าจะสู้ตายกับข้า ดังนั้นข้าจึงทำการทำลายสำนักมังกรตะครุบทั้งสำนัก
หลังจากนั้นสถานที่ถัดไปที่ข้าแวะก็คืออาณาจักรขนนกทองคำ ซึ่งอาณาจักรนี้ก็ดื้อด้านเหลือเกินไม่ยอมส่งตัวเหล่าภูตนางฟ้าที่พวกเขาขังเอาไว้มาให้ข้าแต่โดยดี ดังนั้นข้าจึงทำการสังหารหมู่เหล่าเชื้อพระวงศ์จนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว พร้อมกับกองทัพของอาณาจักรขนนกทองคำกว่า 3 ล้านนายก็ถูกข้าสังหารไปจนหมดเช่นกัน”
“นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนน้อยเพราะยังมีอีกสำนักและอาณาจักรอีกมากที่ข้าขี้เกียจจะเล่าต่อ เอาเป็นว่าข้าคือคนที่ยึดมั่นในการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม หากข้าเผชิญกับการแลกเปลี่ยนที่ไม่เท่าเทียมเมื่อไหร่ ข้าจะลงมือทำให้มันเท่าเทียมทันทีด้วยทุกวิธีการที่ข้านึกออกถึงแม้ว่าร่างของข้าจะชุ่มไปด้วยเลือดก็ตาม!”..
สีหน้าของไป๋หลีเหวินเซี่ยงกลายเป็นซีดลงทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเหรินฉิงชานถึงเตือนเขานักหนาให้ยอมสละสิ่งที่เขาควรสละ
เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าในระหว่างทางมาที่นี่ ชายผู้นี้จะทำลายเหล่าสำนักและอาณาจักรไปมากมายแล้วแบบนี้
ไป๋หลีเหวินเซี่ยงสูดหายใจลึก จากนั้นเขาพูดว่า “ตอนนี้ในสำนักของข้ามีภูตนางฟ้าอยู่ 200 ตน บางตนพวกเราก็เลี้ยงไว้ใช้งาน ส่วนบางตนก็เป็นภรรยาน้อยของคนในสำนักหรือแม้แต่เป็นภรรยาหลวงก็มี! หลังจากนี้ข้าจะรีบให้คนกลับไปส่งข่าวให้เหล่าภูตนางฟ้ากลับมาอยู่ที่ป่าภูตนางฟ้าทันที ข้าให้สัญญาว่าสำนักของข้าจะไม่เหลือภูตนางฟ้าอาศัยอยู่แม้แต่ตนเดียวแน่นอน”
“นอกจากนั้นสำนักของข้าจะขอเพิ่มความรับผิดชอบที่พวกข้าบุกรุกเข้ามาในป่าภูตนางฟ้า เป็นอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ 1 ชิ้น และโอสถระดับสวรรค์อีก 100 เม็ดรวมกับเหรียญผลึกจักรพรรดิ 10,000 เหรียญที่ข้าจะให้ในตอนแรก ไม่ทราบว่าคุณชายหลิงคิดยังไงกับการชดใช้ของข้าจำนวนนี้? แต่ถ้าหากคุณชายหลิงมีอะไรจะเสนอเพิ่มเติมก็บอกมาได้เลยหากข้าสามารถทำให้ได้ข้าจะทำในทันที”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “เอาเท่านี้แหละเหมาะแล้ว! แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าคนของสำนักเจ้ามีภรรยาหลวงเป็นภูตนางฟ้า ซึ่งข้ามีความเห็นว่าภูตนางฟ้าก็ไม่มีกฎข้อห้ามแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ ดังนั้นหากพวกเขารักกันจริงและปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจ เจ้าก็ให้คนของเจ้ามาสู่ขอภูตนางฟ้าเหล่านั้นอีกครั้งที่ป่าภูตนางฟ้าเพื่อทำให้ทุกอย่างมันถูกต้อง”
“แต่ข้าต้องเตือนไว้ก่อนว่าภูตนางฟ้าเหล่านั้นจะต้องยินยอมพร้อมใจให้กับคนของเจ้าตั้งแต่ต้นจริง ๆ และความทรงจำของพวกเขาจะต้องไม่ถูกปรับแต่งด้วย หลังจากที่เหล่าภูตนางฟ้าถูกส่งตัวกลับมาที่ป่าภูตนางฟ้า พวกเขาทุกคนจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดและถ้าหากไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็สามารถให้คนของเจ้ามาสู่ขอพวกเขาไปอยู่ด้วยได้ตามเดิม”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงหันกลับไปหาอี้ลั่วเอ๋อ และพูดว่า “ลั่วเอ๋อ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นว่าเจ้าร้องขอข้ามาหลายรอบแล้ว ดังนั้นจงพาข้าไปที่ห้องนอนของเจ้า ข้าจะทำให้ความปรารถนาของเจ้าสมบูรณ์ในวันนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แววตาของอี้ลั่วเอ๋อเปล่งประกายขึ้นในทันทีและรีบตอบกลับว่า “ลั่วเอ๋อขอรับประกันว่านายท่านจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน!”
จากนั้นทั้งคู่ก็พากันบินจากไป
จักรพรรดินีภูตนางฟ้ามองตามหลังคนทั้งคู่ที่บินจากไปด้วยสายตากระอักกระอ่วน จากนั้นนางหันกลับมาจ้องที่ไป๋หลีเหวินเซี่ยง และพูดว่า “ข้อตกลงที่เจ้าพูดไว้ข้าหวังว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ส่วนเรื่องสู่ขอคนของข้า เอาไว้ให้ข้าตรวจสอบพวกเขาอย่างละเอียดด้วยตัวเองก่อน หลังจากนั้นพวกเราค่อยมาว่ากันใหม่!”
“ข้าให้สัญญาว่าภายใน 3 ปีทั้งอาวุธ โอสถ และเหล่าภูตนางฟ้าของท่านจะถูกส่งมาถึงป่าภูตนางฟ้าจนครบแน่นอน! ข้าขอตัวก่อนล่ะ” ไป๋หลีเหวินเซี่ยงตอบกลับ จากนั้นเขาก็พาคนของตัวเองจากไปพร้อมกับเหรินฉิงชานในทันทีโดยไม่สนใจลั่วเฉินลู่ และภูตนางฟ้าอีก 50,000 ตนเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีชะตากรรมเป็นอย่างไรหลังจากนี้
หลังจากกลุ่มคนของสำนักห้าวเทียนกลับไปเรียบร้อยแล้ว จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็มองไปที่ลั่วเฉินลู่ด้วยสีหน้าเกลียดชัง และตะโกนสั่งคนของนางว่า “พาตัวลั่วเฉินลู่ไปขังไว้ในคุกใต้ดินซะ!”
“ฝ่าบาทที่ข้านำคนของเรามาเข้าร่วมกับสำนักห้าวเทียนก็เพราะข้าตั้งใจหาทางรอดให้กับเผ่าของเรา! และท่านลืมไปแล้วเหรอว่าท่านเป็นคนพูดเองว่าทุกคนสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้!”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าไม่ได้สนใจเรื่องที่เจ้าพาคนของเราออกไป เหตุผลที่ข้าจับตัวเจ้าตอนนี้เป็นเพราะเจ้าลักพาตัวลูกของข้าไปเมื่อหลายปีที่แล้ว! เอาตัวไอ้สารเลวผู้ไปนี้ไปซะ ไว้ข้าว่างเมื่อไหร่ข้าจะตัดสินโทษมันอีกที!”
เมื่อได้ยินคำสั่ง เหล่าภูตนางฟ้าก็รีบคร่ากุมตัวลั่วเฉินลู่และพาเหล่าภูตนางฟ้า 50,000 ตนที่ยอมจำนนต่อสำนักห้าวเทียนกลับไป
ทางด้านของจักรพรรดินีภูตนางฟ้า เมื่อจัดการเรื่องของลั่วเฉินลู่เสร็จเรียบร้อย นางก็รีบบินตรงไปที่ตำหนักของอี้ลั่วเอ๋อด้วยสีหน้าลังเล เพราะนางกังวลว่าเมื่อนางไปถึงที่นั่นนางอาจจะได้เห็นภาพของลูกสาวนางกำลังร่วมเตียงอยู่กับหลิงตู้ฉิง
แต่แล้วในระหว่างทางก่อนจะถึงตำหนักของอี้ลั่วเอ๋อ จักรพรรดินีภูตนางฟ้ากลับต้องประหลาดใจเพราะนางเห็นว่าตอนนี้หลิงตู้ฉิงและอี้ลั่วเอ๋อไม่ได้กลับไปที่ตำหนัก แต่พวกเขากลับรวมกลุ่มของพวกเขาเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ ป่าภูตนางฟ้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ ด้วยความสงสัยจักรพรรดินีภูตนางฟ้าจึงบินไปหาหลิงตู้ฉิงทันที และถามขึ้นว่า “คุณชาย ข้ามีเรื่องที่ยังคาใจ ทำไมท่านถึงยอมลงแรงช่วยเหลือพวกเราแบบนี้? ต่อให้ลูกสาวของข้าจะเป็นองค์หญิงและงดงาม แต่ข้าคิดว่าด้วยคุณสมบัติแค่นี้มันคงไม่เพียงพอที่จะทำให้ท่านดั้นด้นมาไกลถึงขนาดนี้แน่ ๆ จริงไหม?”