บทที่ 689 ชีวิตหลังแต่งงาน

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 689 ชีวิตหลังแต่งงาน

“กินไม่หมดเธอก็ต้องกิน บำรุงตาเจียงของเธอด้วย เขาแข็งแรงแล้วเธอก็แข็งแรงด้วย” หลินชิงเหอพูดส่อ

เซวียเหม่ยลี่หัวเราะ

หลินชิงเหอจึงถามถึงสุขภาพของพ่อเฒ่าเจียงและแม่เฒ่าเจียง ได้ทราบว่าผู้ใหญ่ทั้งสองแข็งแรงดี ถึงเปลี่ยนไปถามถึงโจวอู่นี

ตอนนี้ท้องโจวอู่นีโตแล้ว ครึ่งเทอมแรกยังไปสอนหนังสือได้อยู่ ครึ่งเทอมหลังสอนต่อไม่ไหวแน่ ตอนนี้ปิดเทอมฤดูร้อน หลังจากฤดูร้อนผ่านไปหล่อนคงใกล้คลอดเต็มที

หล่อนจึงขอลาคลอดในตอนนี้เลย รอถึงปีหน้าค่อยกลับไปสอน

ตอนนี้อาการของโจวอู่นีอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร ด้านแม่สามีหล่อนก็เอ่ยปากแล้วว่าตอนอยู่ไฟจะไปดูแลให้

แต่โจวอู่นีไม่ค่อยอยากให้หล่อนมา

วันนี้คุยโทรศัพท์กับเซวียเหม่ยลี่เสร็จ วันรุ่งขึ้นโจวอู่นีก็โทรมาทันที “แม่เจียงเหิงลำเอียงบ้านพี่ใหญ่เขา ถ้ามาดูแลหนูตอนอยู่ไฟมือเท้าคงไม่ยอมอยู่นิ่งแน่นอนค่ะ หนูจ้างแม่บ้านสักคนก็ได้ ไม่ต้องให้หล่อนมาหรอกค่ะ”

“หล่อนเคยเอาของที่บ้านไปหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยขึ้น

“หล่อนเคยมาที่บ้านสองครั้งค่ะ ไม่อันนี้หายก็อันนั้นหาย ก่อนหน้านี้หนูดูไม่ออก เจียงเหิงเป็นคนบอกหนูว่าน่าจะเป็นแม่เขาที่เอาไป” โจวอู่นีกล่าว

“เจียงเหิงว่าไงบ้าง” หลินชิงเหอเอ่ย

“เขาบอกว่าแล้วแต่หนูจะจัดการค่ะ แล้วก็ให้หนูอย่าอารมณ์เสียไป” โจวอู่หนีพูดยิ้ม ๆ

หล่อนคงคาดหวังอะไรกับแม่สามีตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ผู้ชายของหล่อนเข้าข้างหล่อนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งโจวอู่นีคิดว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงไม่คิดมากกับเงินที่ให้บ้านแม่สามีทุกเดือน

ตอนนี้เจียงเหิงเองก็เหนื่อยมาก ปีนี้ร้านขายชาทั้งหมดเข้าสู่ลู่ทางแล้ว เขาต้องคอยดูแลเองทั้งหมด

แต่เรื่องที่น่าพูดคือเนื่องจากได้ส่วนแบ่ง เดือนก่อนเจียงเหิงจึงได้เงินเดือนเกือบ 300 หยวน

ต้องยอมรับว่าเป็นเงินที่สูงมากจริง ๆ

โจวอู่นีไม่อยากให้เขาต้องคิดมากเรื่องนี้ทั้งที่ต้องทำงาน จึงไม่ถือสา

“คราวก่อนหล่อนเอาแอปเปิ้ลมาให้ เอาแต่พูดมีนัยยะว่าที่บ้านใหญ่โต ดูท่าทางคงอยากให้น้องสาวสามีหนูย้ายมาอยู่ด้วยค่ะ” โจวอู่หนีบอก

“แล้วเธอว่ายังไง?” หลินชิงเหอเอ่ย

“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ บ้านนี้อาสะใภ้สี่กับอาสี่ให้หนูกับเจียงเหิงอยู่อาศัยชั่วคราวไปก่อน เราสองคนอยู่ไม่เท่าไหร่ จะเรียกคนมาอยู่อีกตั้งเยอะตั้งแยะมันไม่ถูกค่ะ” โจวอู่นีเอ่ย

“ถ้าเป็นคนดี ไปอยู่ก็ได้” หลินชิงเหอกล่าว

“มีแต่พวกพูดมากขี้นินทา หนูไม่ชอบค่ะ” โจวอู่นีบอก ที่จริงเธอคิดเหมือนกับหลินชิงเหอ ถ้าน้องสาวสามีสองคนนั้นเป็นเด็กสาวขยันขันแข็ง มาอยู่ที่นี่แล้วช่วยทำงานเก็บกวาดที่บ้าน หล่อนเองก็ไม่ใช่พวกพี่สะใภ้ใจดำ ถ้าที่บ้านอยู่กันไม่พอและที่บ้านหล่อนกว้างขวาง ก็ยินดีจะให้มาอยู่ด้วยอยู่แล้ว

แต่น้องสาวสามีสองคนนั้นโจวอู่นีเคยเจอมาแล้ว จะบอกว่าเป็นคนเลวร้ายก็ไม่ใช่ แต่โจวอู่นีไม่อยากข้องแวะด้วยอย่างยิ่ง ต่างคนต่างอยู่แยกกันจะดีกว่า ใครก็อย่าไปรบกวนใคร

“เธอรู้ว่าทำอะไรอยู่ก็พอ” หลินชิงเหอยิ้ม ไม่พูดอะไรอีก “ส่วนค่าแม่บ้าน ถึงเวลาอาสะใภ้สี่ออกให้”

“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันคะ เราออกเองกันได้ค่ะ” โจวอู่นีเอ่ยยิ้ม ๆ

“ฉันเป็นคนช่วยจับคู่ให้เธอกับเจียงเหิง ขอเป็นคนดีให้ถึงที่สุดเลยแล้วกัน จ้างแม่บ้านให้หนูน้อยบ้านเธออีกคน ถึงตอนนั้นฉันก็บรรลุผลความดีแล้ว ครอบครัวพวกเธอก็ไปมีชีวิตของพวกเธอ” หลินชิงเหอกล่าว

โจวอู่นีไม่แย้งอะไรอีก หล่อนรู้ว่าอาสะใภ้สี่ดีกับพวกหล่อน รู้อยู่แก่ใจก็พอ ไม่ต้องพิรี้พิไรอะไรกับเรื่องนี้มาก

แต่เนื่องจากท้องเริ่มโตแล้ว โจวอู่นีจึงเริ่มหาแม่บ้าน

แม่เฒ่าเจียงได้ยินว่าหล่อนจะจ้างแม่บ้าน และรู้นิสัยแย่ ๆ ของลูกสะใภ้คนโตตัวเองดี จึงช่วยเสาะหาให้ จากนั้นจึงเจอคนที่มีชื่อเสียงดีและมีประสบการณ์ หลังเรียกมาให้โจวอู่นีดูแล้วถึงเป็นอันตกลง

พอคลอดเมื่อไหร่เดี๋ยวนางมาช่วย

ส่วนแม่เจียงเหิงพอรู้แล้วก็ต้องไม่พอใจอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

เงินใช้จ่ายของทุกเดือนเจียงเหิงเป็นคนนำมาให้เอง สองเดือนมานี้เขาหาเงินได้มาก จึงตั้งใจจะให้เยอะกว่าเดิมนิดหน่อย แต่พอถึงบ้านก็ได้ยินแม่เขาบ่นชุดใหญ่ เงินส่วนเกินที่เขาคิดจะให้จึงถูกเก็บกลับไป ให้ตามจำนวนเดิม

“แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับว่าผมกับหงหมิ่นใช้ชีวิตกันแบบไหน พวกเราอยู่กันได้ครับ” เจียงเหิงกล่าว

เขาเป็นลูกที่ออกมาจากท้องแม่เขา จะไม่รู้หรือว่านิสัยแม่เขาเป็นยังไง ไม่ได้มีข้อเสียใหญ่หลวงอะไร เรื่องดุด่าลูกสะใภ้และหลานสาวอะไรเทือกนั้นไม่มีหรอก แต่มือเท้าไม่ยอมอยู่นิ่ง หล่อนไม่กล้าขโมยของใหญ่ แต่ถ้าเป็นพวกของกินแล้วหล่อนเป็นต้องหยิบติดมือไปตลอด

เป็นพวกไม่มีข้อเสียใหญ่ แต่ข้อเสียเล็ก ๆ นั้นมีมากมาย

คราวก่อนหงหมิ่นหาปลิงทะเลที่จะกินไม่เจอ

มันเป็นปลิงทะเลที่เหลือจากคราวก่อน ที่บ้านทำข้าวต้มปลิงทะเลบ่อย ๆ เขาเองก็มีลาภปากไปด้วย ข้าวต้มปลิงทะเลคราวก่อนเขาเป็นคนไปต้มเพราะหงหมิ่นขี้เกียจ ส่วนที่เหลือเขาเก็บเข้าตู้

ต่อมาหงหมิ่นอยากกิน กลับหาไม่เจอ

แม่เขาเคยไปหา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเอาไป

หงหมิ่นไม่ได้ว่าอะไร ไว้หน้าเขาเต็มที่ เรื่องนี้ถือว่าผ่านไปแล้ว

รอคลอดครานี้ อาสะใภ้สี่ของหล่อนเอ่ยปากแล้วว่าจะหาแม่บ้านให้ ออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย ไม่ต้องพูดเรื่องออกเงินให้หรอก ต่อให้ไม่ออกให้เจียงเหิงก็อยากจ้าง

อย่างไรเสียก็แค่เดือนเดียว เงินเดือนร้อยกว่าหยวนใช่ว่าไม่มีเงินจ้างสักหน่อย

แม่เขาเลยไม่พอใจ เจียงเหิงรู้เหตุผลของหล่อน หล่อนคงคิดไว้ว่าถึงตอนนั้นอาสะใภ้สี่ต้องส่งของดี ๆ มาให้หงหมิ่นตอนอยู่ไฟแน่ ๆ ถึงอยากไปเอา

แต่ของพวกนั้นเอาไว้ให้หงหมิ่นใช้ตอนอยู่ไฟ เขาไม่อยากให้แม่เข้าไปยุ่ง

แม่เจียงเหิงเปลี่ยนเรื่องพูดไปว่าที่บ้านนู้นกว้างขวาง อยากให้น้องสาวสองคนของเขาเข้าไปอยู่

เจียงเหิงชาไปทั้งหนังศรีษะ น้องสาวทั้งสองของเขามีนิสัยยังไงคิดว่าเขาไม่รู้หรือ?

“บ้านหลังนั้นเป็นของอาสี่อาสะใภ้สี่ของหงหมิ่น พวกเราแค่ยืมเขาอยู่ จะให้น้องสองคนเข้าไปอยู่ด้วยได้ยังไงกันครับ? ใช่ว่าที่นี่ไม่พออยู่กันสักหน่อย แม่อย่าไปฟังที่พี่สะใภ้ใหญ่วอแวเลยครับ” เจียงเหิงพูดจบก็กลับไปเลย

พอกลับมาถึงบ้าน โจวอู่นีกำลังกินถั่วต้มอยู่ เห็นเขากลับมาแล้วแกะให้เขากินด้วยสองอัน

โจวอู่นีและเจียงเหิงเป็นคู่พี่สาวน้องชายที่แท้จริง โจวอู่นีมีราศีของภรรยาผู้โตกว่ามาก อย่างน้อยเจียงเหิงก็สยบให้หล่อนโดยสิ้นเชิง

ตอนอยู่ร้านขายชาเป็นผู้จัดการมากประสบการณ์ พอกลับมาบ้านก็เป็นแค่น้องชาย

แน่นอนว่าโจวอู่นีชื่นชอบและพึงใจกับสามีคนนี้

“วันนี้เริ่มคันหัวแล้วค่ะ” โจวอู่นีบอก

“งั้นเดี๋ยวผมสระให้” เจียงเหิงเอ่ยขึ้น

จากนั้นโจวอู่นีไปนอนอยู่บนเตียงพระสนม เป็นตัวที่หลินชิงเหอทิ้งไว้ให้ สะดวกต่อการสระผมมาก คล้าย ๆ กับเตียงของร้านสระผมในยุคหลัง

โจวอู่นีพูดขึ้น “คุณว่าฉันตัดผมให้สั้นลงหน่อยดีไหมคะ ยาวเกินไปทำความสะอาดยาก”

“ไม่ถือว่ายาวนะ ไว้แบบนี้ก็สวยดี” เจียงเหิงบอก “คุณไม่ต้องทำความสะอาดหรอก ถ้าคุณอยากสระผมก็บอก ผมสระให้”

……………………………………………