ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถรู้สึกได้ว่ากองกำลังนี้ร้ายกาจกว่ากองกำลังที่นักพรตโยวหยาจัดตั้งขึ้นในครั้งก่อนอยู่มากมายเหลือเกิน ตลอดทาง หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ กองกำลังนี้ก็ถูกสิ่งมีชีวิตคละถิ่นค้นพบ ก่อให้เกิดการต่อสู้สนามแรกหลังออกมาจากเมืองเมฆาแดง
ในความเป็นจริงแล้วการต่อสู้สนามนี้ ยังถูกทำให้เกิดขึ้นเพราะพวกบรรพชนงูเก้าเศียรผ่านการหารือกันแล้วรู้สึกว่า ‘ทางอ้อม’ มิใคร่จะเหมาะสมสักเท่าใดนัก แค่ไล่บี้ไปซึ่งๆ หน้าอย่างตรงไปตรงมาดีกว่า!
“ฆ่ามัน!”
กองกำลังนี้ปะทะเข้าเก้าปักษาสีดำสนิทฝูงใหญ่ บรรพชนงูเก้าเศียรตะโกนอย่างเย็นชา พร้อมกันนั้นด้านหลังเขาก็มีเงาร่างอสรพิษขนาดใหญ่เก้าตัวปรากฏขึ้นมา อสรพิษขนาดใหญ่เก้าตัวแกว่งไกว อสรพิษทุกตัวต่างก็แผ่พลังที่แตกต่างกันออกมา พลังเก้าชนิดกลายเป็นเขตพลังเก้าสีขนาดมหึมาในทันใด กดดันไปทุกทิศทุกทาง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฆ่าได้สนุกนัก” อูเสี่ยวกลับหัวเราะเสียงดัง ร่างกายไหวสั่นคราหนึ่งแล้วก็แปลงกายเป็นยักษ์สีเงินยวงร่างสูงถึงสามพันเมตร เขายื่นมือออกมา ฝ่ามือก็คว้าจับสิ่งมีชีวิตคละถิ่นปักษาระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ตนหนึ่งเอาไว้ในทันใด ปักษาสีดำตนนั้นก็ดิ้นรนหมายจะหลบหนี แต่หลังจากที่ฝ่ามือนี้ของอูเสี่ยวเคลื่อนลงมา พลังอันแปลกประหลาดชั้นแล้วชั้นเล่าก็พันธนาการปักษาสีดำตนนี้เอาไว้ ก็ย่อมดิ้นรนหนีไปไม่พ้นอยู่แล้ว จากนั้นฝ่ามือขนาดมหึมาก็จับกุมปักษาสีดำตนนี้เอาไว้
เมื่อจับกุม!
บริเวณกลางฝ่ามือก็ยุบจมลงไปราวกับโพรงมืดดำแห่งหนึ่ง ดูดกลืนปักษาตนนี้เข้าไปจนหมดสิ้น
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ที่ยิ่งใหญ่ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็ถูกจับทั้งเป็นเสียแล้ว! พลังยุทธ์นี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องกลอกตาอยู่บ้าง
เหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าของเมืองเมฆาแดง มีบางคนที่ตัวต่อตัวก็สามารถปลิดชีพสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ตนหนึ่งได้แล้ว! ทว่าเจ้าเมืองสามท่านนั้นตรงไปตรงมากว่ามาก ‘อูเสี่ยว’ ที่ร่างกายน่าหวาดหวั่นที่สุดในนั้น ถึงแม้ว่าลูกไม้จะน้อยกว่า ‘ใบเมฆาวายุ’ และ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ เจ้าเมืองอีกสองท่านอยู่มาก แต่ลูกไม้ของเขานั้นบริสุทธิ์กว่า
ใช้ร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น! อาศัยความน่าหวาดหวั่นของร่างกายเพียงอย่างเดียวก็สามารถเคียงข้างอีกสองท่านได้แล้ว
ขณะนี้สามารถจับเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ตนหนึ่งได้อย่างสบายๆ แค่นี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว
“เทียนเหอ” จ้าวเลี่ยซีก็ออกกระบวนท่าแล้วเช่นกัน เห็นเพียงว่ากระแสน้ำอันน่าประหลาดสายหนึ่งปรากฏขึ้นยังบริเวณรอบๆ กระแสน้ำสายนี้มีเงารางชั้นแล้วชั้นเล่า พินิจดูอย่างละเอียด กระแสน้ำอันน่าหวาดหวั่นนี้มีเงารางอยู่ทั้งสิ้นแปดชั้น คล้ายกับว่าปรากฏอยู่ที่ห้วงมิติระดับที่แตกต่างกัน ยามที่บรรดาสิ่งมีชีวิตคละถิ่นเหล่านั้นเข้าไปในอาณาเขตระลอกคลื่นของกระแสน้ำสายนี้ แต่ละตนล้วนหาเพื่อนร่วมฝูงไม่พบราวกับหลงทางอย่างไรอย่างนั้น แล้วก็ยิ่งหาศัตรูไม่พบ!
เหล่าผู้บำเพ็ญจึงสามารถจัดการแต่ละตนได้อย่างสบายๆ
……
ไม่ต้องพูดถึงบรรพชนงูเก้าเศียรและอูเสี่ยวทั้งสองท่าน
เหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าคนอื่นๆ ในที่นั้นแต่ละคนล้วนมีทักษะเฉพาะตัว สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ก็มีอยู่เพียงแค่สิบยี่สิบตนเท่านั้น พวกเขาคนเดียวล้วนสามารถจัดการได้ทั้งสิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการร่วมมือซึ่งกันและกันในขณะนี้เลย! แม้กระทั่งเหล่าผู้แกร่งกล้าที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์ในกองกำลังเหล่านั้น พวกเขาถูกคัดเลือกมาได้ ก็ต้องเป็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในด้านใดด้านหนึ่ง ผสานรวมกันขึ้นมา ผลลัพธ์ก็ต้องน่าอัศจรรย์อยู่แล้ว!
เป็นการสังหารเพียงฝ่ายเดียวอย่างสมบูรณ์แบบ
“น้องหิมะเหิน บนเส้นทางนี้ เจ้าจะต้องไม่สำแดงเคล็ดวิชาวิญญาณเป็นอันขาด” บรรพชนงูเก้าเศียรถ่ายเสียงพูด “เมื่อใดที่เคล็ดวิชาวิญญาณของเจ้าถูกเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันล่วงรู้เข้า เกรงว่าเขาจะต้องเลือกที่จะวิ่งหนีไปในทันทีแน่ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมในการสำแดงแล้วข้าจะบอกเจ้าเอง”
“ท่านเจ้าเมืองเก้าเศียร โปรดวางใจเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ “ถูกต้องแล้ว คราวก่อนตอนที่ออกไปกับพวกนักพรตโยวหยา ข้าเคยสำแดงเคล็ดวิชาวิญญาณ ต่อมาอีกหลายครั้งที่ไปออกล่านอกเมืองก็เคยสำแดงเช่นกัน เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันนั่นก็คงจะได้รับข่าวกระมัง”
“โปรดวางใจเถิด”
ท่านเจ้าเมืองเก้าเศียรถ่ายเสียงพูดอย่างมั่นใจ “ภายในโลกทิพย์ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดจำนวนนับไม่ถ้วนแบ่งออกเป็นเผ่าพันธุ์ต่างๆ มากมาย เผ่าพันธุ์ต่างกันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสายสัมพันธ์ต่อกันเลย! อย่างน้อยเท่าที่พวกเราสังเกตการณ์มาล้วนเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันเคลื่อนไหวพร้อมกันทั้งสิ้น
เผ่าพันธุ์ต่างกันก็ดูเหมือนว่าจะมิได้ติดต่อกันเลย ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยบางอย่างบนเส้นทางนี้ก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงสำหรับพวกเราเลย ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าซ่อนเร้นเคล็ดวิชาวิญญาณเอาไว้”
“แต่จงจำเอาไว้ให้ดี เมื่อใดที่พบกับฝูง ‘สิงห์ผลาญสงัด’ สิ่งมีชีวิตคละถิ่นใต้บังคับบัญชาของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ก็ต้องยิ่งระมัดระวังมากขึ้นแล้ว เพราะเมื่อใดที่เผยตัวออกไปในคราวนี้แล้วทำให้เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตกใจ เกรงว่าเขาก็คงจะไม่ให้โอกาสพวกเราอีกแล้ว”
“เข้าใจแล้ว”
……
ตลอดเส้นทาง
บนเส้นทางนั้นผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง พลังยุทธ์ของกองกำลังระดับนี้ ขอเพียงแค่ระวังสักหน่อย มิให้ไปยั่วยุศัตรูตัวฉกาจเข้า ก็ย่อมไม่มีอันตรายใดๆ อยู่แล้ว
พายุฝนโหมกระหน่ำ บนท้องฟ้าเหนือพื้นผิวทะเลสาบก็มีปลาใหญ่ตนแล้วตนเล่าบินออกมาจากกลางน้ำในทะเลสาบ บุกสังหารมาทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิง
“ปัง…”
ก็เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่อีกยกหนึ่ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงกุมหอกยาวเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ สำแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น บรรพชนงูเก้าเศียรคุ้มกันประชิดติดตัวตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ตลอด! มิได้ปล่อยให้ตงป๋อเสวี่ยอิงเผชิญกับอันตรายใดเลยแม้แต่น้อย
“จ้าวหิมะเหินหรือ” ทันใดนั้นวัตถุส่งสารก็มีข้อความหนึ่งส่งมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงแยกความคิดหนึ่งออกมาแล้วตรวจสอบดู
“ข้าคือ ‘สวินอี้’ รองเจ้าเมืองแห่งเมืองยามเที่ยง อาศัยวิญญาณอาวุธตำหนักยามเที่ยงและวิญญาณอาวุธตำหนักเมฆาแดงติดต่อมาหาเจ้า”
“เจ้าเมืองสวินอี้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจ “มิทราบว่าหาข้าด้วยเรื่องอันใดกัน”
สวินอี้
เป็นผู้ตระหนักวิถีของวิถีอากาศเพียงหนึ่งเดียวในสถานที่รวมตัวห้าแห่งของโลกทิพย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าเมืองและรองเจ้าเมือง
“ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้เจ้ากำลังเคลื่อนไหวอยู่กับพวกบรรพชนงูเก้าเศียร ไปจัดการเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันอย่างนั้นหรือ” สวินอี้ส่งสารพูดยิ้มๆ
“การข่าวของเจ้าเมืองสวินอี้ ช่างฉับไวเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยตอบ เมืองทั้งห้าแห่งล้วนมีสัมพันธไมตรีต่อกัน สวินอี้จะรู้เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
“อย่าตำหนิว่าข้าพูดจาไม่น่าฟังเลย ท่านเจ้าเมืองเก้าเศียรต้องการหัวใจและหยาดโลหิตของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันในการบำเพ็ญ หมายจะตื่นรู้ขั้นสุดยอดในคราวเดียว! เขาได้วางแผนมาหลายครั้งแล้ว เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้นถูกทำให้ตกใจไปหลายครั้งแล้ว ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้นักโทษคละถิ่นสามคนทางสายห้วงอากาศ พูดถึงพลังยุทธ์ ผู้ที่สูงที่สุดก็คือเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันแล้วล่ะ”
“เขาระมัดระวังตัวเหลือเกิน พลังยุทธ์ก็ยังแข็งแกร่งด้วย ความเป็นไปได้ที่พวกเจ้าจะสังหารเขาให้ตายนั้นต่ำยิ่งนัก” เจ้าเมืองสวินอี้ถ่ายเสียงพูด “ต่อให้มีเคล็ดวิชาวิญญาณอันล้ำเลิศนั้นของจ้าวหิมะเหิน จัดการความยุ่งยากขององครักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนได้อย่างง่ายดาย ข้าว่าความเป็นไปได้ของความสำเร็จในครั้งนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยอมรับว่าสิ่งที่สวินอี้พูดนั้นก็มีเหตุผลอยู่บ้าง
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันคือผู้ที่ต่อกรด้วยยากที่สุดในบรรดาสามนักโทษคละถิ่นทางสายห้วงอากาศจริงๆ
“จ้าวหิมะเหิน เจ้าเป็นผู้ตระหนักวิถี เจ้าก็เพียงแค่ต้องการซากศพไปหยั่งรู้เท่านั้น สำหรับเจ้าแล้วไม่ว่าสามนักโทษคละถิ่นทางสายห้วงอากาศคนไหนก็คงมิได้แตกต่างกันมากนักหรอก” เจ้าเมืองสวินอี้ถ่ายเสียงพูด “ข้าขอเชิญเจ้า รอหลังจากเรื่องในคราวนี้แล้ว ให้มายังเมืองยามเที่ยงของข้า ข้าจะจัดตั้งกองกำลังไปจัดการกับ ‘เจ้านทีทอง’ หนึ่งในสามนักโทษคละถิ่นทางสายห้วงอากาศ เจ้านทีทองนั้นจัดการง่ายกว่าเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน เมื่อใดที่สำเร็จ ข้าต้องการเพียงแค่หยั่งรู้ซากนี้หนึ่งพันล้านปีก็พอแล้ว เจ้าก็สามารถหยั่งรู้พร้อมกันกับข้าได้ หลังจากหนึ่งพันล้านปีแล้วเจ้าก็สามารถนำทั้งซากไปได้เลย ดีหรือไม่เล่า”
อย่างเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยังมิได้สำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ก็ยังต้องการการสั่งสมเป็นอันมาก
ทว่าเจ้าเมืองสวินอี้…สำเร็จเป็นร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นไปแล้ว พลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่เขาต้องการก็คือ ‘การสัมผัส’ บางทีการสัมผัสเพียงแค่เล็กน้อยก็อาจทำให้เขาบรรลุแล้ว! ถ้าหากหนึ่งพันล้านปีแล้วยังไม่สามารถบรรลุได้ เช่นนั้นซากนักโทษคละถิ่นร่างนั้นก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาเลย
“เสร็จเรื่องแล้วค่อยว่ากันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสาร
“ยังมีอีก จ้าวหิมะเหิน ข้าต้องขอเตือนเจ้าเอาไว้ สภาวการณ์ของเจ้านั้นอันตรายที่สุดในกองกำลัง เมื่อใดที่เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันนั้นตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ ภายใต้ความคลุ้มคลั่งของเขา ก็จะต้องฆ่าเจ้าเป็นคนแรกอย่างแน่นอน! เพียงแค่สังหารเจ้า ถึงจะมีองครักษ์มากมาย เขาก็สามารถหนีพ้นไปได้อย่างง่ายดาย หรือแม้กระทั่งทำการตอบโต้ ดังนั้นเจ้าก็จะต้องระวังตัวเอาไว้ตลอด ถ้าหากตายภายใต้การตอบโต้ของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็ไม่คุ้มแล้วล่ะ”
“ขอบคุณเจ้าเมืองสวินอี้ที่ตักเตือน” ในใจตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ถูกบีบให้กระตุ้นรอยประทับจนต้องไปจากโลกนี้ ก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
******
เพราะเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันออกตระเวน สถานะก็กำลังเคลื่อนไหว
เส้นทางการเดินทางของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย สิ้นเปลืองเวลาไปสองวันครึ่ง ในที่สุดก็มาถึงยังจุดหมายปลายทางของพวกเขาอย่างราบรื่นยิ่งนัก… สถานที่แห่งหนึ่งบนเส้นทางกลับบ้านของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน
“ตอนนี้พวกเราสกัดอยู่บนเส้นทางกลับบ้านของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน เขาอยากจะกลับที่มั่นอย่างนั้นหรือ จะต้องเลี่ยงพวกเราไม่พ้นอย่างแน่นอน” บรรพชนงูเก้าเศียรกวาดสายตามองบริเวณรอบๆ คราหนึ่ง “คราวนี้เป็นครั้งที่ข้ามีความหวังมากที่สุด ยังต้องขอให้ทุกท่านคอยช่วยเหลืออยู่เคียงข้างข้าด้วย”
“วางใจเถิด”
“ท่านเจ้าเมืองเก้าเศียร ในเมื่อพวกเรารับปากแล้วก็ย่อมพยายามอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
ทุกคนรับปาก
บรรพชนงูเก้าเศียรพยักหน้า “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราค่อยๆ บีบเข้าไปใกล้นักโทษคละถิ่นผู้นี้กันเถิด”
พรึ่บ!
กองกำลังรุดหน้าเข้าไปอีกครั้ง
เพราะก่อเป็นวงล้อมขนาดใหญ่อยู่บนเส้นทางกลับบ้านของอีกฝ่ายล่วงหน้าแล้ว บวกกับความเร็วสูงสุดของกองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดออกมา ก็รวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่ถูกการลงโทษอย่างสาหัสกดดันเสียอีก! ก็ย่อมไม่เป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะสามารถหลบหนีไปได้อยู่แล้ว
พรึ่บ…
รุดหน้าเข้าไปอย่างระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่ว่านักโทษคละถิ่น ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ เคยถูกโจมตีมาหลายครั้ง ก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งแล้ว ยิ่งใกล้กับบริเวณรอบตัวเขา จำนวนเผ่าพันธุ์สายลับใต้บังคับบัญชาที่เขาส่งไปก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นผู้บำเพ็ญ”
“สังหารพวกเขาเสีย”
ในที่สุดกองกำลังนี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังถูกฝูงสิ่งมีชีวิตคละถิ่น ‘สิงห์ผลาญสงัด’ ค้นพบเข้าเสียแล้ว
ช่วยไม่ได้ หนาแน่นเกินไปเสียแล้ว!
“เผยตัวแล้ว”
“ทำอะไรไม่ได้แล้วสิ”
“ตอนนี้ก็พุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุดเลย”
พวกบรรพชนงูเก้าเศียรแต่ละคนต่างก็มิได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย สกัดกั้นอย่างไม่แยแสสิ่งใด แล้วบุกเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุด
……
นักโทษคละถิ่น‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ สวมอาภรณ์ยาวสีทองเข้ม เส้นผมกระจัดกระจาย กลิ่นอายไม่ธรรมดา
เพียงแต่ว่าที่ข้อมือข้อเท้าของเขาก็มีโซ่ตรวนอยู่ด้วย สายโซ่แต่ละเส้นยังยื่นเข้าไปในห้วงอากาศด้วย! ลวดลายสีทองบนโซ่ตรวนสว่างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ความทรมานต่างๆ นานาถาโถมเข้ามายังทุกส่วนของร่างกายไม่หยุดหย่อน
“จะต้องมีสักวัน จะต้องมีสักวันที่ความทรมานเยี่ยงทาสที่พวกเราสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดได้รับ จะย้อนกลับไปสู่บรรดาเจ้าดินแดนเหล่านั้นเป็นพันเท่าหมื่นเท่า!” ในใจของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันมีแววอาฆาตและคับแค้นเดือนพล่าน สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงตนใดๆ ที่ถูกคุมขังเอาไว้ที่โลกทิพย์ล้วนต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดที่ต้องเป็น ‘หินลับมีด’ ให้กับบรรดาผู้บำเพ็ญที่อ่อนแอเหล่านี้
วันนี้สิ้นหวังและเจ็บปวดขมขื่น ทั้งยังเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีอย่างยิ่ง
“เจ้าดินแดน…”
ถึงแม้ว่าจะเดือดดาลและเคียดแค้น
แต่เมื่อนึกถึงบรรดาผู้ที่บำเพ็ญขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยอ่อนแอจนขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับสูงสุดของมิติคละถิ่นได้ แล้วกลายเป็นรูปแบบชีวิตที่น่ากลัวที่สุดอย่างเจ้าดินแดนหลายท่านนั้น เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็อดที่จะหวาดหวั่นมิได้ ความจริงก็คือเจ้าดินแดนนั้นแกร่งกล้าเหลือเกิน! เจ้าดินแดนคุ้มครองอาณาบริเวณผืนกว้างใหญ่ไพศาล ปกป้องโลกกำเนิดมากมายเอาไว้
“พวกเขาจะต้องตาย สิ่งมีชีวิตเล็กจ้อยอ่อนแอเหล่านั้น โลกกำเนิดเหล่านั้น เดิมทีก็สมควรต้องเป็นอาหารของพวกเราสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดอยู่แล้ว” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันโมโห
“ท่านอ๋องขอรับ”
“ท่านอ๋อง ค้นพบกองกำลังผู้บำเพ็ญขอรับ”
“ท่านอ๋อง มีกองกำลังผู้บำเพ็ญ ค้นพบผู้บำเพ็ญ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ เข้าขอรับ”
“ท่านอ๋อง ค้นพบบรรพชนงูเก้าเศียรขอรับ”
การถ่ายเสียงครั้งแล้วครั้งเล่าดังขึ้นกลางจิตวิญญาณของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันสีหน้าแปรเปลี่ยน
บรรพชนงูเก้าเศียรหรือ
เพราะว่าการโจมตีหลายครั้ง เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็เห็น ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ เป็นหนามยอกอกอยู่ก่อนแล้ว ถึงขนาดที่เผยแพร่ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับบรรพชนงูเก้าเศียรออกไป เมื่อใดที่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นใต้บังคับบัญชาค้นพบบรรพชนงูเก้าเศียรแล้วก็ต้องรีบมารายงานในทันที
“มาอีกแล้วหรือ” นัยน์ตาของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเปล่งประกายเจิดจ้า
………………………