ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 36 ไล่ล่าเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

หลังจากกองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงเปิดเผยออกมาแล้ว ก็ไม่หลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป หากแต่ไล่สังหารด้วยความเร็วสูงสุด

เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็ได้รับข่าวอย่างต่อเนื่อง

“ในกองกำลังผู้บำเพ็ญมีรองเจ้าเมืองเมืองเมฆาแดง ‘อูเสี่ยว’ มี ‘จักรพรรดิชิงสวรรค์’ มี ‘จ้าวเลี่ยซี’…”

“ความเร็วในการเหินทะยานของกองกำลังผู้บำเพ็ญเร็วกว่าพวกเราราวสามเท่า! รวดเร็วเกินไปแล้ว พวกเขากำลังบุกสังหารเข้ามา”

ข่าวมาถึงอย่างไม่ขาดสาย

เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันใบหน้าเยียบเย็น

“ฟึ่บๆๆ…” ทันใดนั้นแสงของอักขระลับสีทองบนโซ่ตรวนก็พลันเจิดจ้าขึ้นเป็นอันมาก นักโทษคละถิ่น ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ ก็เจ็บปวดเสียจนต้องกรีดร้องออกมาอย่างมิอาจควบคุม ความเจ็บปวดเช่นนี้แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย และลึกเข้าไปถึงวิญญาณ เป็นความทุกข์ทรมานที่เจ้าดินแดนจัดเตรียมไว้เพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ

“มาแอบขวางทางกลับของข้านี่เอง มีผู้บำเพ็ญที่ร้ายกาจรวมตัวกันอยู่ตั้งหลายคน” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันขบกรามกรอดพลางครุ่นคิด

เขามีสองทางเลือก

ทางแรก ก็คือเป็นฝ่ายส่งองครักษ์ทั้งหมดออกไปขัดขวางเอง องครักษ์ข้างกายเขาก็มีถึงสามพันนาย และยังมีที่ทำหน้าที่สำรวจโดยรอบอีกสองพันนาย! เมื่อออกคำสั่งไป องครักษ์จำนวนมากดาหน้าไปขัดขวาง  ก็ต้องสามารถโรมรันพันตูได้ระยะหนึ่ง ส่วนเขาก็เคลื่อนไหวเพียงลำพัง เดินทางอ้อมกลับรังเดิมด้วยความเร็วสูงสุด! หากเขาปะทุความเร็วออกมาอย่างสุดกำลัง แม้จะสู้ผู้ที่มีความเร็วสูงสุดในหมู่ผู้บำเพ็ญเมืองเมฆาแดงมิได้ แต่ก็คงไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก

หากองครักษ์ใต้บังคับบัญชาพัวพันได้นานสักหน่อย แล้วเขาเดินทางอ้อมไป ก็มีหวังจะหนีกลับไปได้!

เพราะถึงอย่างไรยิ่งอยู่ใกล้รังมากเท่าไหร่ พลังของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!

แต่เมื่อการทรมานปะทุออกมา…ยิ่งเข้าใกล้ การทรมานก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนเขาถูกบีบบังคับให้ต้อง ‘ออกตระเวน’

“อันตรายเกินไปแล้ว”

“ส่งองครักษ์ทั้งหมดออกไปขัดขวาง หากถ่วงเวลาได้ไม่พอ ถูกพวกเขาไล่ตามทันแล้วข้าถูกพวกเขาล้อมโจมตีก็จะอันตรายแล้ว! หากอยู่ใกล้รังสักหน่อย ก็อาจจะสามารถรอดชีวิตได้ หากอยู่ไกลไป ก็อาจจะต้องเอาชีวิตไปทิ้ง” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันลอบพึมพำ แม้จะต้องรับความเจ็บปวดทรมานมากมายนับไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่ยอมจำนนที่จะต้องตายไปเช่นนี้

เขายังรอคอยอยู่

รอคอยผู้แกร่งกล้าในหมู่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิดร่อนลงมายังโลกใบนี้ มาช่วยเหลือพวกเขา!

“อีกทางเลือกหนึ่งก็คือพาบรรดาองครักษ์หนีไปด้วยกัน! แม้จะหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน และต้องสู้กันสักตั้ง แต่ก็ปลอดภัยกว่า” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันลอบพึมพำ

หนีไปด้วยกัน

ข้างกายเขามีองครักษ์สามพันกว่านาย! องครักษ์อีกสองพันนายรอบด้านก็จะมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางที่หนีไป เขาก็ยังสามารถสั่งให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชามารวมตัวกันได้เรื่อยๆ

รอจนถึงเวลาที่ต้องประมือกับกองกำลังผู้บำเพ็ญ กองกำลังผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็อาจจะเพิ่มจำนวนขึ้นจนมากถึงหกพันเจ็ดพันนาย…เมื่อมีผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมหาศาล แม้กองกำลังนั้นจะร้ายกาจมาก แต่การรักษาตนเองก็ยังน่ากังขาอยู่

“หนีไปด้วยกันเถิด”

เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตัดสินใจ

อันที่จริงแล้ว

หากเขารู้ว่ากระบวนท่าทางด้านวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถจัดการองครักษ์ทั้งหลายได้อย่างง่ายดายแล้ว เกรงว่าเขาคงจะต้องเลือกเส้นทางแรก!

ทางเส้นแรก ก็คือให้องครักษ์จำนวนมากเข้าไปสกัดกั้นเพื่อถ่วงเวลา แล้วเขาหนีไปตามลำพัง! ก็อาจมีหวังหนีพ้นได้ เพราะถึงอย่างไรยิ่งเขาอยู่ใกล้รังมากเท่าไหร่ พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ความเร็วในการเหินทะยานก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

เพียงแต่เขาไม่รู้จักกระบวนท่าทางด้านวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง

เขาเลือกเส้นทางที่สองที่เขาคิดว่ามีโอกาสมากกว่า

******

องครักษ์ใต้บังคับบัญชาของนักโทษคละถิ่น ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ไม่นานนักองครักษ์ห้าพันนายก็รวมตัวกัน แล้วก็เดินทางอ้อมเพื่อหนีต่อไป ระหว่างที่หนีไปนั้น ก็สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ไกลออกไปอีกมาสมทบด้วย

และทั้งหมดนี้ ก็ล้วนแต่อยู่ใต้การตรวจตราของกองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิง

“นักโทษคละถิ่นผู้นั้นเลือกพาองครักษ์ทั้งหลายหนีไปพร้อมกันจริงๆ ด้วย” อูเสี่ยวยิ้มหยัน

“มีองครักษ์มากมาย เขาถึงได้รู้สึกอุ่นใจขึ้นหน่อย” เจ้าเมืองเก้าเศียรยิ้มหยัน “เขาไม่กล้าเดิมพัน และไม่อยากเดิมพันด้วย เพราะกลัวว่าจะตายด้วยน้ำมือของพวกเรา! เพราะถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง หากตายด้วยน้ำมือของผู้บำเพ็ญอย่างพวกเราที่มิใช่แม้แต่ระดับคละถิ่นด้วยซ้ำ สำหรับพวกเขาแล้ว คงจะเป็นการดูหมิ่นอย่างมาก น่าเสียดายที่ครั้งนี้เขาคิดผิดเสียแล้ว พวกเรามีจ้าวหิมะเหินอยู่ทั้งคน”

“มีจ้าวหิมะเหิน ครั้งนี้เขาต้องตายอย่างแน่นอน”

“ถูกต้อง ตายแน่”

ผู้บำเพ็ญจิตหลายคนในกองกำลังเคยมาจัดการเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันหลายครั้งแล้ว

ฟิ้ว!

ทั้งกองกำลังถูกนกใหญ่สีทองตัวมหึมาโอบล้อมเอาไว้

นกใหญ่สีทองโดดเด่นสะดุดตา ปีกขยับคราหนึ่ง ก็สามารถถลาข้ามท้องฟ้าไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยความเร็วที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงต้องตกตะลึง ความเร็วเป็นอันดับหนึ่งในเมืองเมฆาแดงอย่างไร้ข้อกังขา

……

นับตั้งแต่เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเลือกที่จะหนี กองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่พบอุปสรรคอันใดอีก สามารถเดินทางไปอย่างราบรื่นได้ตลอดทางโดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง

“มองเห็นแล้ว”

“เขาอยู่ทางนั้น”

พวกตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นอยู่ลิบๆ ว่า ไกลออกไปมีเผ่าสิ่งมีชีวิตคละถิ่นที่ใหญ่โตหาใดเปรียบอยู่กองหนึ่ง

เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันยังคงรูปร่างมนุษย์เอาไว้ รอบกายเขากลับมี ‘สิงห์ผลาญสงัด’ อยู่หกพันกว่าตัว สิงห์ผลาญสงัดเหล่านี้ต่างก็มีสีดำตลอดร่าง ร่างกายกึ่งโปร่งใส พวกมันเกือบหกพันตัวเป็นระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์! และมีอีกสองสามร้อยตัวที่เป็นจักรพรรดิเทพช่วงท้าย

“ตู้ม”

“ตู้ม”

กองกำลังทั้งสองกองกลับไม่หนีอีกต่อไป หากแต่เดินหน้าเข้าหากัน

กองกำลังกองหนึ่งใหญ่มาก เพราะถึงอย่างไรสิงห์ผลาญสงัดแต่ละตัวก็มีร่างกายใหญ่โตนัก ทั้งยังมีหกพันกว่าตัว ปกคลุมทั่วท้องฟ้าไปหมด ทางฝ่ายผู้บำเพ็ญทั้งหมดมีเพียงห้าหกสิบคนเท่านั้น เมื่อเทียบกันก็น้อยกว่ามากทีเดียว

แต่เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็มิกล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจดีมากว่ากองกำลังผู้บำเพ็ญกองนี้ร้ายกาจมาก! แม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจะมีจำนวนมากก็จริง แต่หกพันกว่าตัวก็มิอาจเข้าโจมตีประชิดตัวกับทั้งห้าหกสิบคนพร้อมกันได้ เมื่อทางฝ่าย ‘กองกำลังผู้บำเพ็ญ’ รวมตัวกันขึ้นมา ก็สามารถตรงเข้าปะทะกับเหล่าองครักษ์พวกนี้ได้  แน่นอนว่าหากกองกำลังผู้บำเพ็ญถูกโจมตีจนการร่วมมือกันเกิดปัญหา เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว

“บรรพชนงูเก้าเศียร เจ้านี่ไม่ยอมตายใจเลยจริงๆ” เสียงของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันสะท้อนก้องไปทั่วท้องฟ้า

“ใช่แล้ว ข้าไม่ยอมตายใจหรอก ข้ามาอีกแล้ว ข้าขอให้เจ้ายอมรับความตายเสียแต่โดยดีเถิด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าจะได้ไม่ต้องทรมาน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องมาทำให้เจ้าดิ้นรนอีก” บรรพชนงูเก้าเศียรก็เอ่ยปากขึ้นมา

“มิได้เป็นแม้แต่สิ่งมีชีวิตคละถิ่นเสียด้วยซ้ำ ยังจะกล้ามากำแหงต่อหน้าข้าอีก” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันส่ายหน้า

“เจ้าถูกการลงโทษกดดันอย่างหนัก พลังก็สูงกว่าพวกข้าไม่มากสักเท่าใดนัก อย่ามาทำเป็นได้ใจเลย เจ้าก็แค่ผู้ที่ถูกเจ้าดินแดนผู้ยิ่งใหญ่จองจำไว้ที่นี่เท่านั้น บทสุดท้ายของเจ้าก็มีแต่ตายเท่านั้น! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้รับความตายให้เร็วหน่อยจะดีกว่า” บรรพชนงูเก้าเศียรเอ่ย

พวกเขาพูดกัน ระยะห่างระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็ลดลงทุกขณะ

“เฮอะ ก่อนหน้านี้เจ้ามาลอบโจมตีกันตั้งหลายครั้ง ก็ล้มเหลวหมด ถึงขั้นมีผู้บำเพ็ญที่ถูกข้ากินไปเสียด้วยซ้ำ” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันพูดพลางแลบลิ้นเลียปาก “รสชาติของผู้บำเพ็ญช่างล้ำเลิศนัก”

ก่อนหน้าที่จะถูกจองจำ

เขาไม่เคยใส่ใจเรื่องการกินผู้บำเพ็ญมาก่อน

แต่บัดนี้…เจ้าดินแดนจองจำพวกเขา แล้ววางบทลงโทษเพื่อทรมานเอาไว้มากมาย เมื่อกิน ‘ผู้บำเพ็ญ’ ลงไป ความเจ็บปวดก็จะทุเลาลง ถึงขั้นเกิดความรู้สึกสบายอย่างยิ่งขึ้นมาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

อยู่ท่ามกลางความทรมานทุกวันทุกคืนจนเคยชินเสียแล้ว จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกสบายอย่างยิ่ง…ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงก็ตั้งตารอคอยเป็นอย่างมากเช่นกัน

“ฆ่า” สีหน้าของบรรพชนงูเก้าเศียรเยียบเย็นลงแล้วพูดอย่างเย็นชา

“เด็กๆ เอ๋ย ฆ่าพวกมันให้ตายเสีย” นัยน์ตาของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็เต็มไปด้วยแววอาฆาต

ตู้มๆ…

ในที่สุดกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน

กองกำลังผู้บำเพ็ญก็เหมือนกับคมมีดที่ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้อย่างง่ายดาย พวกเขาบุกสังหารไปตลอดทาง

แต่แม้พวกสิงห์ผลาญสงัดจะกระเด็นลอยไปและได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง แต่พลังชีวิตของพวกมันก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ในที่นั้นมีเพียง ‘อูเสี่ยว’ เท่านั้นที่สามารถปลิดชีพได้ในวินาทีเดียว แม้แต่บรรพชนงูเก้าเศียร หากจะสังหารสิงห์ผลาญสงัดระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สักตนหนึ่งก็ต้องใช้หลายกระบวนท่า บวกกับที่พวกมันก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พลังชีวิตของเหล่าสิงห์ผลาญสงัดแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเดียวก็โรมรันพันตูกับกองกำลังของพวกตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างบ้าคลั่ง

หนึ่งพัน สองพัน…

ข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนที่มหาศาล เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้สำแดงกระบวนท่าทางด้านวิญญาณ คนอื่นๆ ของกองกำลังผู้บำเพ็ญกองนี้ต่างก็ทุ่มเทจนสุดกำลัง จึงสามารถมุ่งหน้าไปได้ตลอดทาง

“ขอเพียงทำลายการร่วมมือของพวกมันได้ พวกเขาก็จะถูกทำลายไปได้” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันมองดูกองกำลังผู้บำเพ็ญบุกสังหารมาทางตน แต่กลับมั่นใจเต็มเปี่ยม ประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายครั้งทำให้เขาเข้าใจ อย่าได้เห็นว่ากองกำลังผู้บำเพ็ญนี้ป้องกันได้โดยไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เพราะร่วมมือกันได้ดีพอ! เพราะถึงอย่างไรสิงห์ผลาญสงัดระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์หลายพันตัวล้อมโจมตีก็น่ากลัวยิ่งนัก

เมื่อการร่วมมือกันเกิดปัญหา

ก็จะเกิดการต่อสู้เพียงลำพัง! เช่นนั้นก็จะตายตกไปได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้ที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ หากไม่มีสหายคอยร่วมมือด้วย เมื่อสิงห์ผลาญสงัดสิบยี่สิบตัวล้อมโจมตี เกรงว่าก็คงถูกทำลายในทันใด

“มองหาโอกาส แล้วทำลายการร่วมมือของพวกเขาให้จงได้” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตรวจตราดูโดยละเอียด แล้วถอยหลังไปเล็กน้อย เพื่อรักษาระยะห่างกับกองกำลังผู้บำเพ็ญกองนี้แล้วหาโอกาสลงมือ

“ควรลงมือได้แล้วกระมัง”

“เก้าเศียร ตอนนี้ควรลงมือได้แล้ว!”

“ยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว”

สารถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง ผู้บำเพ็ญแต่ละคนต่างพากันจับตามองบรรพชนงูเก้าเศียร

“ระยะใกล้มากแล้ว” บรรพชนงูเก้าเศียรสำรวจดูโดยละเอียด “ระยะห่างแค่นี้ แค่บินทะลุตรงไปก็ผ่านไปได้แล้ว เอาล่ะ พี่หิมะเหิน เจ้าลงมือเถิด”

“ฮ่าฮ่า รอแค่ประโยคนี้ของเจ้าเมืองเก้าเศียรเท่านั้นแหละ” ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งได้รับการปกป้องอยู่ในกองกำลังมาตลอดกำหนดจิตคราหนึ่ง

ตู้มมม…

โลกลวงขนาดมหึมาแห่งหนึ่งร่อนลงมา ปกคลุมสิงห์ผลาญสงัดจำนวนมากที่อยู่รอบๆ เอาไว้ ยามนี้สิงห์ผลาญสงัดที่อยู่ใกล้ๆ ราวห้าพันตัวต่างก็อยู่ในขอบเขตบริเวณเขตลวงโลกเทียมทั้งสิ้น!

………………