‘สิงห์ผลาญสงัด’ ระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์เหล่านี้ แต่ละตนต่างก็มีปัญญาสูงส่งยิ่งนัก ยามนี้ แต่ละตนต่างก็ตกตะลึงเมื่อค้นพบว่า วิญญาณของตนกำลังประสบกับการ ‘ฉุดรั้ง’ อันน่าหวาดหวั่นให้จมดิ่งลงไปใน โลกลวงขนาดมหึมาแห่งซึ่งสติรับรู้สามารถสัมผัสได้! ในใจของพวกมันล้วนสัมผัสได้ว่า โลกลวงขนาดมหึมาน่าหวาดหวั่นเป็นอันมาก หากจมจ่อมลงไปอย่างสิ้นเชิงจริงๆ คงจะต้องตายอย่างแน่นอน
แต่ละตนย่อมพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง แต่สมาธิกว่าครึ่งกลับใช้ไปกับการต้านทานเขตลวงนี้ กระบวนท่าการต่อสู้จึงย่อมหยาบขึ้นมากทีเดียว อานุภาพของแต่ละคนลดลงเป็นอย่างมาก
“ฮ่าฮ่า พลังของพวกมันลดลงเป็นอย่างมากทีเดียว”
“เหลือพลังรบเพียงระดับจักรพรรดิเทพช่วงท้ายแล้ว สามารถกวาดล้างได้อย่างง่ายดาย ไม่ควรค่าแก่การกังวลใจเลย!” ทางฝ่ายผู้บำเพ็ญกลับยินดีเป็นอันมาก อย่างรองเจ้าเมือง ‘อูเสี่ยว’ ร่างสูงสามพันเมตร อานุภาพของร่างสีเงินยวงขนาดมหึมาร้ายกาจหาใดเปรียบ มือใหญ่ทั้งคู่กวาดไปรอบด้านตามอำเภอใจ ปังๆๆๆ…แม้แต่สิงห์ผลาญสงัดสามร้อยกว่าตัวก็ยังถูกฝ่ามือซัดกระเด็นไป เลือดก็สาดออกมา
เพราะถึงอย่างไร
จักรพรรดิเทพช่วงท้ายด้อยกว่าจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์อยู่ระดับขั้นหนึ่ง และแตกต่างจากเหล่าผู้แกร่งกล้าระดับยอดมากยิ่งกว่า เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถกดดันได้แล้ว! มีเพียงผู้ที่ความสามารถในการรักษาชีวิตแข็งแกร่งอย่างยิ่งเท่านั้นจึงจะไม่สิ้นใจอย่างง่ายดายเช่นนั้น เมื่อได้พบกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าผู้แกร่งกล้าระดับยอดอยู่หลายส่วนอย่าง ‘อูเสี่ยว’ และ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ สิงห์ผลาญสงัดเหล่านั้นก็ถูกกวาดล้างอย่างสิ้นเชิง
“สุขสราญนักๆ” จักรพรรดิชิงสวรรค์หัวเราะเสียงดัง พลังของเขาเข้าบีบเจ้าเมืองทั้งสามโดยตรง ยามนี้ประกายดาบกวาดออกไป สิงห์ผลาญสงัดตัวแล้วตัวเล่าก็กระเด็นลอยไป
“แม้สิงห์ผลาญสงัดตัวนี้จะมีพลังลดลงเป็นอย่างมาก แต่ร่างกายก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น จะโจมตีให้ล่าถอยไปนั้นง่าย แต่จะสังหารกลับยุ่งยากอยู่บ้าง”
“ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจสิงห์ผลาญสงัดเหล่านี้มากนัก ขอเพียงสังหารนักโทษคละถิ่นตนนั้นได้ ก็ถือว่าการใหญ่ของพวกเราสำเร็จแล้ว ส่วนสิงห์ผลาญสงัดน่ะหรือ พวกเรายังขาดอาหารอีกหรือ”
“กระบวนท่าทางด้านวิญญาณของจ้าวหิมะเหินช่างร้ายกาจโดยแท้ ไม่ออกมาก็แล้วไป แต่หากออกมาเมื่อไหร่ พวกเราก็จะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที”
หลังจากทางฝ่ายผู้บำเพ็ญมองเห็นผลลัพธ์ของกระบวนท่าที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมาแล้ว แต่ละคนก็มั่นใจเต็มเปี่ยม บนใบหน้าของผู้บำเพ็ญหลายคนก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
แม้พวกสิงห์ผลาญสงัดจะร่วมมือกันอยู่ แต่ทางฝ่ายผู้บำเพ็ญก็กำลังร่วมมือกันเช่นเดียวกัน ทั้งยังร่วมมือได้ดีกว่าด้วย จึงย่อมกดดันสิงห์ผลาญสงัดเหล่านี้ได้เป็นวงกว้าง!
“สกัดพวกเขาเอาไว้”
“สกัดผู้บำเพ็ญพวกนี้ไว้”
นักโทษคละถิ่น ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังฝูงสิงห์ผลาญสงัดสีหน้าไม่น่ามองเอาเสียเลย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เขารีบถ่ายเสียงให้องครักษ์ใต้บังคับบัญชาทุกคนทันที!
ยามนี้
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาจ้อง ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ชายหนุ่มอาภรณ์ขาวซึ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ไกลออกไปผู้นั้น ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังสำแดงกระบวนท่าเขตลวงโลกเทียม ด้วยระดับชีวิตของ ‘สิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูง’ อย่างเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ก็สามารถสัมผัสรับรู้ได้ว่าเขตลวงมหึมานี้มีชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นั้นควบคุมอยู่
“สามารถทำให้องครักษ์ทั้งหมดในบริเวณนั้นพลังลดลงเป็นอันมาก” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเห็นเหล่าสิงห์ผลาญสงัดล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รักตัวกลัวตาย แต่กลับถูกซัดกระเด็นไปอย่างง่ายดาย เขาอดร้อนใจขึ้นมามิได้ “เหล่าองครักษ์ขวางพวกเขาเอาไว้มิได้ แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรดีเล่า”
หนีหรือ
ไม่ทันแล้ว!
ฝูงสิงห์ผลาญสงัดใต้บังคับบัญชาของตนสกัดเอาไว้ได้ไม่นานเท่าไหร่แล้ว เชื่อว่ากองกำลังผู้บำเพ็ญคงจะต้องไล่ตามตน ถึงตอนนั้นล้อมโจมตีตนเพียงคนเดียว เกรงว่าคงจะต้องตายตกไปเป็นแน่
“มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น” นัยน์ตาของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันมีแววชั่วร้ายวาบผ่าน “ก็คือทุ่มเททุกสิ่งเพื่อสังหารชายหนุ่มอาภรณ์ขาวผู้นี้ แค่เขาตาย พลังขององครักษ์ทั้งหมดก็จะมิได้รับผลกระทบอีกต่อไป อันตรายก็จะทุเลาเบาบางลงไปเอง ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถทำลายกองกำลังผู้บำเพ็ญนี่ได้เสียด้วยซ้ำ”
“ทุ่มเทเต็มที่!”
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตัดสินใจ
แม้ก่อนหน้านี้จะถูกโจมตีหลายครั้ง แต่อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่เคยทุ้มเททุกสิ่งอย่างจริงจังมาก่อน! แต่ในครั้งนี้ เพิ่งเริ่มต้นเขาก็รู้ชัดว่า เขาต้องทุ่มสุดชีวิต ต้องทุ่มเทจึงจะมีโอกาสรอดชีวิตสักสายหนึ่ง!
“ฟิ้ว”
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันแปรเป็นลำแสงทะยานไปทางกองกำลังผู้บำเพ็ญทันที
กองกำลังผู้บำเพ็ญก็บุกสังหารเข้ามาทางเขาเช่นกัน
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่อยู่ในกองกำลัง แม้แต่ร่างจริงของรองเจ้าเมือง ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ก็ยังยืนอยู่ข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงตลอดเวลา เพื่อปกป้องเขาด้วยตนเอง! เขาเพียงแค่ควบคุม ‘กายรบเก้าเศียร’ ให้ต่อสู้อยู่ห่างๆ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงล่วงรู้ว่า นี่คือท่าไม้ตายในสถานการณ์ปกติของบรรพชนงูเก้าเศียร ยังมิอาจนับได้ว่าทุ่มสุดชีวิต!
“ตู้มๆๆ”
ร่างสีเงินยวงสูงสามพันเมตรของรองเจ้าเมือง ‘อูเสี่ยว’ ทะยานขึ้นมาข้างหน้าสุด แล้วกวาดล้างสิงห์ผลาญสงัดจำนวนมากที่มาพัวพัน สกัดกั้นเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเอาไว้ ผู้แกร่งกล้าระดับยอดคนอื่นๆ และ ‘กายรบเก้าเศียร’ อันโหดเหี้ยมหาใดเปรียบก็ล้อมเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเอาไว้เช่นกัน
“ฟิ้ว”
บริเวณที่กำลังต่อกรกันอยู่เบื้องหน้า พลันแบนราบลง ราวกับม้วนภาพแผ่นหนึ่ง
ผู้แกร่งกล้าทั้งกลุ่มราวกับกลายเป็นบุคคลในภาพซึ่งกำลังห้ำหั่นกันอยู่ในม้วนภาพอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นมิติก็กลายเป็นลูกบิด แบ่งออกเป็นช่องตารางในมิติที่แตกต่างกัน พวกอูเสี่ยวก็ทำลายล้างช่องตารางมิติแต่ละช่องตามอำเภอใจ และเข้าล้อมโจมตี ‘เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน’ ผู้นั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันมีโอกาสดิ้นรนเลยแม้แต่น้อย
“ไสหัวไป” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันท่าทางราวกับคลุ้มคลั่ง เขาอยากจะสังหารไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นกลุ่มนี้กลับลงมือกับเขาเต็มแรง
“ตู้ม”
อานุภาพของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเหี้ยมโหด หมัดหนึ่งตามอำเภอใจของเขาทำเอามิติระเบิดออกจนเป็นผุยผง เมื่อโจมตีเข้ามาหมัดแล้วหมัดเล่าก็มีเพียงอูเสี่ยว ‘กายรบเก้าเศียร’ ของบรรพชนงูเก้าเศียร และจักรพรรดิชิงสวรรค์เท่านั้นที่สามารถต้านทานหมัดนั้นซึ่งหน้าได้โดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“ตอนที่เขาสู้รบ ก็จะเกี่ยวโยงถึงอาการบาดเจ็บทั้งหลายภายในกาย” บรรพชนงูเก้าเศียรที่อยู่ข้างกายตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมาแล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ยิ่งพลังที่ปะทุออกมาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสขึ้นเท่านั้น ยิ่งเวลานานไป อาการบาดเจ็บของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรามากกว่า เขาไม่มีทางถ่วงเวลาเช่นนี้ได้หรอก คอยดูเถิด อีกไม่นานก็ต้องสู้สุดชีวิตแล้ว!”
“เห็นทีเจ้าเมืองเก้าเศียรคงจะมั่นใจเต็มเปี่ยม” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“พูดไม่ได้หรอกว่ามั่นใจเต็มเปี่ยม แต่ในประวัติศาสตร์ โลกทิพย์ก็เคยสังหารนักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ มาก่อน จึงพอจะคาดเดากระบวนท่าเมื่อนักโทษคละถิ่นสู้สุดชีวิตได้บ้าง” บรรพชนงูเก้าเศียรกล่าว “ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยบีบบังคับเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นี้จนถึงขั้นสิ้นหวังถึงที่สุดมาก่อน ดังนั้น พวกเราจึงไม่รู้จักกระบวนท่าสู้สุดชีวิตของเาอย่างแน่ชัดนัก แต่พลังโดยรวมของพวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ ข้าก็ยังรู้สึกว่ามีโอกาสมากที่จะสังหารเขาได้อยู่ดี สิ่งสำคัญเพียงข้อเดียวก็คือ…จะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ดี! หากท่านสิ้นใจไป พวกเราก็คงได้แต่หนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น”
ระหว่างที่กำลังพูดนั้น
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่อยู่ไกลออกไปก็พลันร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
เขาเปลี่ยนไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ยังเป็นร่างมนุษย์ สิ้นเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาก็บิดเบี้ยวและกระสับกระส่าย ก่อนจะกลายเป็น ‘สิงห์ผลาญสงัด’ ซึ่งมีสีดำทั้งร่างและกึ่งโปร่งแสงตัวหนึ่ง เพียงแต่บนร่างกายของเขามีรอยประทับที่มีอักขระลับสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ ร่างกายและทุกจุดบนผิวกรงเล็บล้วนแต่มีบาดแผลอยู่ บริเวณบาดแผลล้วนสามารถมองเห็นอักขระลับสีทองประทับอยู่ในกล้ามเนื้ออันเหี่ยวแห้ง โครงกระดูกภายในมีอักขระลับสีทองจำนวนมากไหลเวียนอยู่ บนโครงกระดูกมีรอยแยกพันพาดกันไปมา
นี่คือสิงห์ผลาญสงัดตัวหนึ่งซึ่งอาการบาดเจ็บสาหัสหาใดเปรียบ ดูแล้ว ‘น่าอนาถ’ นัก
แต่กลิ่นอายของเขากลับน่าหวาดหวั่นผิดธรรมดา! ต่อให้ประสบกับแรงกดดันมากมาย แต่เหนือผิวหนังสีดำของเขาก็มีความเร้นลับของกฎเกณฑ์ทางสายอากาศปรากฏขึ้นมารางๆ
“กลายเป็นร่างจริงเสียแล้ว” บรรพชนงูเก้าเศียรถ่ายเสียงพูด “ทุกคนระวังด้วย เขาสู้สุดชีวิตแล้ว”
“เพิ่งจะได้เห็นเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันแปรเป็นร่างจริงครั้งแรก”
“เขาจะคลุ้มคลั่งแล้ว”
“หากคลุ้มคลั่งขึ้นมาก็ใกล้ตายแล้ว”
ผู้บำเพ็ญแต่ละคนในที่นั้นต่างก็ระมัดระวังหาใดเปรียบ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กุมหอกยาวเอาไว้ในมือ ส่วนเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่เตรียมพร้อมอยู่ไกลออกไป เนื่องจากมีโซ่ตรวนและแรงกดดันพันธนาการต่างๆ ที่อยู่ลึกลงไปในโครงกระดูกและกล้ามเนื้อ นักโทษคละถิ่นทั้งหลายคิดจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของร่างกายจึงยากนัก เนื่องจากเมื่อเปลี่ยนแปลงร่างกาย ก็จะเกี่ยวพันถึงพันธนาการและการกดดันต่างๆ ภายในร่างกาย อาการบาดเจ็บก็จะทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
แต่กระนั้น…
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด มีแต่กลายเป็นร่างจริงเท่านั้นจึงจะสามารถสำแดงพลังรบระดับยอดสุดออกมาได้
“ตายเสียเถอะ” นัยน์ตาทั้งคู่ของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเต็มไปด้วยแววอาฆาต สี่เท้าย่ำลงไปแล้วเงาร่างก็เลือนรางไป บริเวณต่างๆ ที่เขาผ่านไปล้วนมีเงาอากาศอันคมกริบปรากฏขึ้นแล้วเชือดเฉือนไปทางผู้บำเพ็ญ
ยามนี้วิถีกายและความเร็วของเขา แม้แต่อูเสี่ยวก็ยังขวางกั้นเอาไว้ไม่ได้
อากาศคมกริบจำนวนมาก…พลันทำให้เหล่าผู้บำเพ็ญทั้งหลายมือไม้วุ่นวายไปหมด
“เอ๊ะ”
สีหน้าของบรรพชนงูเก้าเศียรเปลี่ยนแปรไป “เมื่อสู้สุดชีวิตแล้วมีอานุภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“กายรบ รวมเป็นหนึ่ง!”
นัยน์ตาของบรรพชนงูเก้าเศียรมีแววคมกริบกะพริบวาบขึ้นมา
พละกำลังจากเงารางของงูใหญ่ขนาดมหึมาเก้าตัวด้านหลังเขาพลันสั่นสะท้าน กายรบเก้าเศียรที่อยู่ไกลออกไปหายวับไปทันที แล้วร่างกายของ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ ก็ขยายออก ขณะเดียวกันกายรบเก้าเศียรก็รวมตัวกันขึ้นเหนือผิวกายแล้วรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างจริงของเขาอย่างสิ้นเชิง! ต้องรู้ไว้ว่าในฐานะผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของ ‘ทิพย์’ เขาได้เลือกสรรเก้าชนิดจากสายเลือดคละถิ่น ทำให้กายหยาบของเขายกระดับขึ้นไปจนเหนือกว่าระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ทั่วไปตั้งนานแล้ว เดิมทีตัวเขาเองก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว เมื่อรวมกับกายรบเก้าเศียรจึงจะเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุด
“ตายเสียเถอะ” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่ทะลุออกจากอุปสรรคได้แล้วปะทุลูกไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาอย่างเต็มที่
เขาเข้าใจดีมากว่า
เดิมทีหากเขาแปรเป็นร่างจริง อาการบาดเจ็บก็จะทวีขึ้นอยู่แล้ว เขาไม่มีสิทธิ์ห้ำหั่นต่อไปเรื่อยๆ เมื่อกลายเป็นร่างจริงเมื่อไหร่ ก็ต้องทุ่มเทสุดกำลังเพื่อสำแดงท่าไม้ตายออกมา หากไม่สำเร็จในรวดเดียว ก็ต้องล้มเหลว
“วิ้ง…”
ขณะที่บรรพชนงูเก้าเศียรกำลังขัดขวางเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน จู่ๆ บรรพชนงูเก้าเศียรก็พลันสัมผัสได้ว่ารอบด้านเงียบงันไปหมด
เงียบเชียบหาใดเปรียบ
เสียงอันตรธานไปอย่างสิ้นเชิง ภายใต้ความเงียบอย่างสมบูรณ์เช่นนี้ ทำให้บรรพชนงูเก้าเศียรเกิดความรู้สึก ‘หนาวเหน็บ’ จากขั้วหัวใจอย่างมิอาจควบคุม หนาวเกินไปแล้ว แม้แต่สติสัมปชัญญะต่างๆ ก็เหมือนกับถูก ‘ทำให้แข็งค้าง’ ไป สติสัมปชัญญะเชื่องช้าลงเป็นอันมาก…
“ไม่ดีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพบว่า ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ ซึ่งมีพลังไม่ย่อหย่อนกว่าอูเสี่ยวในตอนแรกเลย กลับมีการกระทำที่ช้าลงเป็นอย่างมากในทันใด ดูท่าแล้ว คงจะสกัดกั้นเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันซึ่งมีรวดเร็วมากจนน่าหวาดหวั่นมิได้เสียแล้ว
“ฟิ้ว”
เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันขบกรามแน่น เหนือผิวกายของเขามีชั้นหยดน้ำอันแปลกประหลาดชั้นหนึ่งผุดขึ้นมา แม้แต่อุ้งเท้าก็มีชั้นหยดน้ำชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
หลังจากชั้นหยดน้ำปรากฏขึ้นมาแล้ว ความเร็วของเขาก็ทะยานขึ้นหกส่วน! ร่างกายของเขาปะทะกับอากาศ ทำให้อากาศถูกตัดเฉือนจนแยกออก อานุภาพทะยานขึ้นอีกครั้งอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่า…
เพื่อสังหารตงป๋อเสวี่ยอิงให้ได้ในรวดเดียว เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันก็ทุ่มเททุกวิถีทาง
“สังหารผู้ที่มีพลังรบระดับจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์ให้ได้สักคนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันลอบพึมพำ เจ้าเมืองทั้งสามจะสังหารจักรพรรดิเทพขั้นครบสมบูรณ์สักคนหนึ่ง โดยทั่วไปแล้วก็ต้องใช้หลายกระบวนท่า! เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันหมายจะทำให้สำเร็จในกระบวนท่าเดียว ก็ย่อมต้องทุ่มเททุกวิถีทางเป็นธรรมดา
“ตู้ม”
ร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับขยายขึ้นรอบหนึ่งในทันใด จากคุณชายท่าทางสะโอดสะองก่อนหน้านี้ กลายเป็นร่างบึกบึนซึ่งมีความสูงราวสองเมตรกว่า ผิวหนังมีแสงสีเทาเข้มไหลเวียนอยู่
“ข้าก็เป็นผู้แกร่งกล้าระดับยอดเช่นกัน” หอกยาวเล่มหนึ่งของตงป๋อเสวี่ยอิงหมุนคว้างคราหนึ่ง มิติชั้นแล้วชั้นเล่าเบื้องหน้าก็สกัดกั้นไปทางเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันผู้นั้น หยดน้ำชั้นหนึ่งซึ่งปกคลุมอยู่เหนือผิวกายของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันโจมติมิติชั้นแล้วชั่นเล่านั้นจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุดก็ปะทะเข้ากับหอกยาวเล่มนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงกระเด็นลอยไปทันที หลังจากพละกำลังอันแปลกประหลาดผ่านการสกัดกั้นของหอกยาวแล้ว ก็ยังคงมีส่วนน้อยนิดที่เข้ามาในร่างกาย ทว่ายามนี้ร่างครึ่งสิ่งมีชีวิตคละถิ่นแข็งแกร่งพอ ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงแค่รู้สึกมีรสชาติขึ้นมาในลำคอ แล้วกระอักโลหิตออกมาจากปากเท่านั้น
“อะไรกัน!” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันพลันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในใจ “ชายหนุ่มอาภรณ์สีขาวก็มีพลังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่”
พลังระดับนี้ เมื่อเทียบกับอูเสี่ยวและบรรพชนงูเก้าเศียรแล้ว ก็อ่อนแอกว่าแค่ไม่กี่ส่วนเท่านั้นเอง ต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วจะสังหารในพริบตาเดียวได้อย่างไรกันเล่า
“หมดกัน!” เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเข้าใจแล้วว่าครั้งนี้คงจะมีหายนะครั้งใหญ่อันยากจะหลีกเลี่ยงแล้ว
……………………