หลังจากพอจะเดาได้แล้วว่าหลิงตู้ฉิงเป็นใครสีหน้าของ ไป๋หลีเหวินเซี่ยงก็กลายเป็นซีดขาวอย่างช่วยไม่ได้ และความรู้สึกไม่ยินยอมในใจของเขาก็หายไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดไม่ทันในยุคที่sลิงตู้ฉิงกำลังโด่งดัง แต่เขาก็ได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับเทพมรณะผู้นี้มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจแล้วว่าวันนี้สำนักของเขาโชคดีขนาดไหนที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรกับเผ่าภูตนางฟ้า
เหรินฉิงชานส่ายหัว “มันยังสรุปแบบนั้นไม่ได้ซะทีเดียว เพราะถ้าหลิงตู้ฉิงเป็นคนผู้นั้นจริง ๆ ในวันนี้คงไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว! เจ้าต้องเข้าใจว่าด้วยความโหดเหี้ยมของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้หอการค้าเชื่อมสวรรค์ต้องยอมถอยให้กับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครบนโลกนี้เคยทำได้มาก่อน!”
“แต่การกระทำของหลิงตู้ฉิงในวันนี้ที่ทำลงไป เขากลับปล่อยผู้คนมากมายให้หนีรอดไปได้แถมวิชาที่เขาใช้ยังเป็นเคล็ดวิชาเกี่ยวกับโลหิต นอกเหนือจากนั้นหลิงตู้ฉิงยังดูเป็นคนที่มีเหตุผลเป็นอย่างมาก แถมยังชอบที่จะทำการค้ากับพวกข้าอีกต่างหาก ซึ่งถ้าหากหลิงตู้ฉิงเป็นคนผู้นั้นจริง ๆ เขาจะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้แน่นอน”
ไป๋หลีเหวินเซี่ยง เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเขาก็เริ่มผ่อนคลาย แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นต่อ “แล้วถ้าหากหลิงตู้ฉิงเป็นคนผู้นั้นจริง ๆ พวกเราจะไม่รอดจริง ๆ งั้นเหรอ? สะพานทองคำเชื่อมทศทิศของท่านป้องกันการโจมตีของเขาไม่ได้หรือไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สะพานทองคำเชื่อมทศทิศของข้างั้นเหรอ? ที่ข้ามีมันได้ในวันนี้ก็เป็นเพราะหลิงตู้ฉิงบอกวิธีการสร้างมันให้กับพวกข้า!” เหรินฉิงชานหัวเราะอย่างขมขื่น “ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีวิธีการสร้างมันตั้งแต่แรก สะพานทองคำของข้าจะหยุดยั้งเขาได้ยังไง? และอีกอย่างแบบสร้างที่เขาบอกกับพวกข้ามามันก็ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ดังนั้นสะพานของข้าอันนี้มันจึงยังมีอำนาจเทียบไม่ได้กับสะพานของจริงในตำนาน”
ไป๋หลีเหวินเซี่ยงส่ายหัว “เทพแห่งความมั่งคั่ง เรื่องนี้มันคุ้มจริง ๆ งั้นเหรอถึงขนาดที่ท่านจำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตมาที่นี่ด้วยตัวเอง?”
“ยิ่งเสี่ยงมากเท่าไหร่ผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!” เหรินฉิงชานยิ้ม “ซึ่งผลลัพธ์มันก็ออกมาแล้วไม่ใช่งั้นเหรอ? ตอนนี้ข้าได้รับสิทธิ์ในการจัดตั้งหอการค้าเชื่อมสวรรค์ในป่าภูตนางฟ้า และเมื่อไหร่ที่ป่าภูตนางฟ้ามีประตูเคลื่อนย้ายที่สามารถเชื่อมไปที่อาณาจักรจันทรา เมื่อถึงเวลานั้นป่าภูตนางฟ้าจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและในเวลาไม่นานที่นี่จะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาคตงซวน แค่ผลงานนี้ที่ข้าทำสำเร็จมันก็ทำให้ตำแหน่งของข้าในตำหนักเทพโชคลาภจะต้องยิ่งสูงขึ้น”
“เอาล่ะ ข้าพูดถึงทุกอย่างที่ข้าควรจะพูดไปหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวลาไปก่อน ข้ายังมีธุระที่จำเป็นต้องรีบหาวัสดุต่าง ๆ เพื่อเอาไปสร้างประตูเคลื่อนย้ายและหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่ป่าภูตนางฟ้า ข้าลาล่ะ!”
เมื่อพูดจบ เหรินฉิงชานก็รีบบินแยกทางไปในทันทีปล่อยให้ไป๋หลีเหวินเซี่ยงกลับไปที่สำนักของเขาเอง ซึ่งทางด้านไป๋หลีเหวินเซี่ยงเองก็จำเป็นต้องเตรียมการในเรื่องจ่ายค่าชดเชยต่าง ๆ ให้กับเผ่าภูตนางฟ้าภายใน 3 ปี
ส่วนทางด้านของเผ่าภูตนางฟ้า ในตอนนี้จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็ประกาศให้คำยืนยันกับประชาชนของนางย้ำ ๆ ว่านับจากนี้เผ่าภูตนางฟ้าไม่จำเป็นต้องกลัวใครเหมือนในอดีตอีกแล้ว พวกเขาสามารถนอนหลับกันได้อย่างเต็มตาไม่ต้องกังวลกับอะไรอีกต่อไปเหมือนกับที่ผ่านมา
อันที่จริงจักรพรรดินีภูตนางฟ้ากลับหวังเป็นอย่างมากให้เหล่าศัตรูของเผ่านางรีบบุกมาที่ป่าภูตนางฟ้าตอนนี้เร็ว ๆ เพราะตอนนี้องค์เหนือหัวของนางได้กลับมาแล้ว และยังคงอยู่ที่ป่าภูตนางฟ้าของนาง ถ้าหากมีใครบุกมาตอนนี้นางมั่นใจว่าศัตรูของนางเหล่านั้นจะต้องตายกันหมดแน่นอนโดยที่นางไม่ต้องทำอะไรเลย
ส่วนบรรดาภูตนางฟ้าทั้งหลายเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มั่นใจของจักรพรรดินีของพวกเขา พวกเขาก็รู้สึกโล่งอกกันเป็นอย่างมากและอีกอย่างตอนนี้องค์หญิงของพวกเขาก็ได้กลับมาที่ป่าภูตนางฟ้าแล้ว พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกเบิกบานมากเข้าไปใหญ่
แต่ว่าในระหว่างที่สถานการณ์ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี จู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ซึ่งก็คือลั่วเฉินลู่กลับหายไปจากคุกใต้ดินอย่างเป็นปริศนา รวมไปถึงเหล่าคนใกล้ชิดของลั่วเฉินลู่ก็ถูกลบความทรงจำออกไปจนหมดไม่มีเหลือ
จากนั้นเมื่อจักรพรรดินีเห็นว่าเหล่าคนใกล้ชิดของลั่วเฉินลู่ถูกลบความทรงจำไปหมดแล้ว นางจึงอนุญาตให้พวกเขากลับเข้าร่วมกับเผ่าได้ตามปกติรวมไปถึงบรรดาภูตนางฟ้าอีก 50,000 ตนที่ยอมตามลั่วเฉินลู่เพราะกลัวตายเพียงอย่างเดียว และไม่ได้มีส่วนร่วมกับการทรยศด้วยก็ถูกอนุญาตให้กลับไปใช้ชีวิตกันตามปกติ
แต่แล้วในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนว่ากำลังจะสงบลงอีกครั้ง จู่ ๆ เหนือน่านฟ้าของป่าภูตนางฟ้าก็มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น..
เหล่าภูตนางฟ้าทั้งหลายต่างแหงนหน้ามองผู้มาเยือนด้วยสายตาตกตะลึงพลางคิดในใจ
รอบนี้ใครกันที่มาหาเรื่องตาย?
ในระหว่างที่ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะสู้ ไม่นานพวกเขาก็ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้ที่มาเยือนก็คือของสำนักห้าวเทียน
“ฝ่าบาทพวกเราได้นำทุกสิ่งอย่างที่พวกเราสัญญาไว้มามอบให้!” ไป๋หลีเหวินเซี่ยงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสุภาพ “ข้าได้นำคนของท่านที่อยู่ในสำนักของข้าทั้งหมด ซึ่งมีจำนวน 235 ตนกลับมาส่งให้ ท่านสามารถตรวจสอบพวกนางได้ว่าไม่มีพวกนางตนไหนที่บาดเจ็บอะไรร้ายแรง รวมไปถึงโอสถระดับสวรรค์ 100 เม็ด และเหรียญผลึกจักรพรรดิอีก 10,000 เหรียญก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ฝ่าบาทโปรดรับไปได้เลย”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพยักหน้า “อืม ข้าเข้าใจแล้ว!”
นางไม่สนใจที่จะนับจำนวนของโอสถหรือเหรียญผลึกจักรพรรดิเลยว่าพวกมันครบหรือไม่ หากเป็นเมื่อก่อนสิ่งของเหล่านี้มันคงล้ำค่ามากสำหรับเผ่าของนาง แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
นางได้ยินเรื่องราวของอาณาจักรจันทราจากอี้ลั่วเอ๋อมากมายว่า ที่นั่นของเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากมายนัก นางจะทำการแลกเปลี่ยนมันเมื่อไหร่กับอาณาจักรจันทราก็ได้
ไป๋หลีเหวินเซี่ยงยิ้มและพูดว่า “ฝ่าบาท ภูตนางฟ้าของท่านบางตนนั้นเป็นคนรักของคนสำนักข้า เมื่อพวกเขาถูกพรากจากกันเช่นนี้ คนของท่านบางคนก็รู้สึกไม่ยินยอมเช่นกัน ดังนั้นหากท่านไม่ขัดข้องอะไร หลังจากนี้ข้าจะให้บรรดาคนของข้ามาสู่ขอพวกนางกลับไปอยู่ด้วยจะได้ไหม?”
“เรื่องนั้นข้าต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน” จักรพรรดิภูตนางฟ้าตอบกลับ “หากข้าตรวจสอบแล้วคนของข้ายินยอมพร้อมใจกับคนของเจ้าจริง ๆ ข้าจะอนุญาตให้คนของเจ้ามาสู่ขอพวกนางกลับไปอยู่ด้วยตามเดิม เอาเป็นว่าทิ้งระยะสักหน่อยแล้วเจ้าก็ให้คนของเจ้ามาหาข้าก็แล้วกัน”
“ขอบคุณฝ่าบาท ถ้างั้นตอนนี้ข้าคงต้องขอตัวลา!” เมื่อพูดจบ ไป๋หลีเหวินเซี่ยงก็พาคนของเขาจากไป
หลังจากที่ไป๋หลีเหวินเซี่ยงและคนของเขาจากไป ภูตนางฟ้าหลายตนที่ถูกพามาส่งก็เริ่มประท้วงกับจักรพรรดินีของพวกนางจริง ๆ ว่าต้องการกลับไปอยู่ที่สำนักห้าวเทียนตามเดิมกับเหล่าคนรักของพวกนาง
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าตอบกลับพวกนางว่า “หากความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจริงใจต่อกันจริง ๆ พวกเขาจะต้องมาสู่ขอพวกเจ้าอย่างแน่นอน พวกเจ้าจะกลัวอะไร? นี่ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเจ้าจงรอกันอยู่ที่นี่อย่างสงบ หากพวกเขาไม่มา พวกเจ้าก็จงทำใจให้ได้ เอาล่ะพวกเจ้าแยกย้ายกันกลับไปหาญาติ ๆ พวกเจ้าได้แล้ว”
แต่แล้วหลังจากที่จักรพรรดินีเพิ่งจัดการเรื่องเหล่าภูตนางฟ้าที่สำนักห้าวเทียนเพิ่งนำตัวมาส่งเสร็จ เหล่าภูตดินก็ขอเข้าพบนางต่อแทบจะในทันที
แน่นอนว่าเมื่อจักรพรรดินีคุยกับเหล่าภูตดิน ท่าทีของนางก็กลายเป็นสุภาพไม่เหมือนกับตอนที่นางคุยกับไป๋หลีเหวินเซี่ยง
กลุ่มของภูตดินเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอยู่ในขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดถึง 10 ตน แถมพวกเขายังเป็นผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิง และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังช่วยเผ่าของนางขับไล่ศัตรูอีกต่างหาก ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่นางจะต้องแสดงท่าทีอ่อนน้อมกับพวกเขา
“ผู้อาวุโสซวนหยวนท่านมีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?” จักรพรรดินีภูตนางฟ้าถามขึ้น
ซวนหยวนตู่พูดขึ้นทื่อ ๆ ว่า “องค์หญิงอี้ให้คำสัญญากับพวกเราไว้ว่าเมื่อพวกเรามาถึงป่าภูตนางฟ้า นางจะคัดเลือกคนของนางให้มาแต่งงานกับคนของเรา ข้าอยากทราบว่าเมื่อไหร่พวกท่านถึงจะคัดเลือกเสร็จ?”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าหัวเราะ “ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้าได้ส่งคนไปจัดการเรื่องนี้ให้กับพวกท่านเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีภูตนางฟ้าของข้าจำนวน 20 ตนที่ได้ตกลงพร้อมใจที่จะแต่งงานกับคนของท่าน ดังนั้นเมื่อผู้อาวุโสรีบขนาดนี้ พวกเรามาจัดการทุกอย่างให้เสร็จในวันนี้ไปเลยก็แล้วกัน”
“ขอบคุณฝ่าบาทมาก พวกเรากำลังรีบจริง ๆ!” ซวนหยวนตู่หัวเราะ
หลายปีที่อยู่กับหลิงตู้ฉิง เหล่าภูตดินเริ่มจะเรียนรู้วิธีการพูดคุยกับคนภายนอกมากขึ้นบ้างแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเรียนรู้มากขึ้น แต่มันก็ยังไม่มากพอในเรื่องที่พวกเขาจำเป็นต้องมอบสินสอดในการแต่งงาน!
แต่โชคดีจักรพรรดินีภูตนางฟ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วจากอี้ลั่วเอ๋อ ดังนั้นนางจึงไม่ถือสาอะไรกับซวนหยวนตู่และพวกภูตดิน