บทที่ 691 แผนสำหรับพี่รองโจว

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 691 แผนสำหรับพี่รองโจว

ถ้าจะบอกว่าพี่รองโจวไม่อิจฉาที่น้องชายคนเล็กเจริญก้าวหน้าขนาดนี้คงเป็นไปไม่ได้

นับอายุเขาเต็ม ๆ ก็โตกว่าน้องสี่อย่างโจวชิงไป๋เพียง 4 ปีเท่านั้น แต่น้องสี่ของเขาเหมือนคนอายุ 30 ปีต้น ๆ หลายปีมานี้เหมือนไม่ได้แก่ลงเลย

มองกลับมาที่เขา เดี๋ยวนี้เหมือนตาแก่อายุ 60 กว่าแล้วมั้ง

สมัยหนุ่ม ๆ ยังมีความคิดจะต่อสู้ดิ้นรน ดูว่าจะพลิกชีวิตได้หรือไม่ แต่ตอนนี้เขาอิจฉาไม่ไหวแล้ว และล้มเลิกความตั้งใจไปนานแล้ว

ใช้ชีวิตไปแบบนี้แหละ อยู่ไปแบบวันต่อวัน ไม่เป็นภาระให้ลูกก็พอแล้ว

หลินชิงเหอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ดีเลย

หลินชิงเหอปล่อยให้เขาคุยกันไปกับโจวชิงไป๋ ส่วนตัวเธอเข้าบ้านไปคุยกับสะใภ้ใหญ่โจว “เห็นพี่รองเป็นแบบนี้แล้วฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ”

“ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่รู้สึกไม่ดี บางทีพี่ยังปวดใจเลย” สะใภ้ใหญ่โจวถอนหายใจ

เดี๋ยวนี้ชีวิตทุกคนดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ชีวิตของบ้านรองยังวนเวียนอยู่ที่เดิม

ที่จริงถ้าเทียบกับสมัยอดอยากแร้นแค้น ชีวิตเดี๋ยวนี้ไม่ถือว่าแย่หรอก อย่างน้อยยังอิ่มท้องได้

แต่คนเราต้องมีความใฝ่ฝันสิ จะเอาแต่เปรียบเทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้ ต้องเทียบกับอนาคตสิ ดูจากที่หมู่บ้าน เดี๋ยวนี้บ้านอิฐบ้านปูนไม่ได้หาดูยากแล้ว คนอื่นเขาคิดกันไปถึงจะเลียนแบบตึกรามบ้านช่องในเมือง

ชีวิตเดี๋ยวนี้รุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ

แต่บ้านรองหยุดอยู่ที่เดิมจริง ๆ

บางครั้งสะใภ้ใหญ่โจวจะให้พี่ใหญ่โจวเอากับข้าวไปให้อย่างสองอย่าง เพราะเห็นแล้วสงสารจริง ๆ

“แม่ลิ่วนีไม่สนใจเลยหรอ” หลินชิงเหอถาม

“เดี๋ยวนี้ไปอยู่ในเมืองแล้ว กลับมาบ้างตอนหน้าเก็บเกี่ยว คนไม่รู้จะคิดว่าลูกสะใภ้ที่ดูถูกหล่อนคนนั้นเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหล่อนซะอีก” สะใภ้ใหญ่โจวบ่น

ใน 1 ปีสะใภ้รองโจวกลับมา 3-4 ครั้ง กลับมามือเปล่าทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไปในเมืองหล่อนถึงกับเรียกรถลากหน้าหมู่บ้านมาช่วยขนเสบียงต่าง ๆ ไปในเมือง

“อย่างกับโดนทำของใส่ ฉันดูไม่ออกจริง ๆ ว่าหล่อนต้องการอะไร” สะใภ้ใหญ่โจวกล่าว

หม่าเหมี่ยวเหมี่ยวภรรยาของโจวเซี่ยเป็นคนคบยาก ตอนแต่งงานปีก่อนหล่อนเองก็มาพร้อมโจวเซี่ย แน่นอนว่าต่อให้หม่าเหมี่ยวเหมี่ยวจะคบยากขนาดไหน พอไปอยู่ปักกิ่งก็ไม่กล้าทำกร่าง

แต่ดูจากกิริยาท่าทางก็พอดูออกว่าลับหลังไม่ใช่คนน่าอยู่ด้วย

หลินชิงเหอเองก็รู้สึกเหมือนสะใภ้ใหญ่โจว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสะใภ้รองโจวทำดีด้วยขนาดนี้เพื่ออะไรกัน

“ปีนี้เซี่ยเซี่ยอยากรับน้องชายของเขาไปเรียนหนังสือในเมือง เริ่มตั้งแต่เทอมหน้าเลย ที่บ้านคงเหลือพี่รองโจวแค่คนเดียว” สะใภ้ใหญ่โจวเอ่ยขึ้น “พี่กับพี่ใหญ่เธอเลยคิดไว้ว่าจะเอาของกินให้เขาดีไหม? ให้เขามากินด้วยกันที่นี่? อยู่ตัวคนเดียวไม่รู้จะได้กินอะไรบ้าง”

นี่คือเหตุผลที่ทำไมหลินชิงเหอถึงชอบสมาคมกับสะใภ้ใหญ่โจว สะใภ้ใหญ่โจวเป็นคนจิตใจดีจริง ๆ ไม่ต้องพูดถึงตอนสาว ๆ ที่สมัยนั้นทรัพยากรมีจำกัดเลย ตอนนี้หล่อนมีมาดสะใภ้ใหญ่บ้านโจวแล้วจริง ๆ

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋กลับไปพักผ่อนที่บ้านตอนกลางคืน โจววั่งรมยากันยุงไปแล้วรอบหนึ่งก่อนพวกเขากลับมา ไหนจะมุ้งกันยุงอีก เลยไม่ค่อยมียุง

สาวน้อยมี่มี่หลับไปแล้ว พ่อของเธอรับปากว่าพรุ่งนี้จะพาเธอไปดูน้องวัวกับน้องลา

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋คุยกันถึงพี่รองโจว “พี่รองเป็นแบบนี้ดูแล้วน่าเศร้าใจจริง ๆ นะคะ”

โจวชิงไป๋ก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน

พ่อแม่เดียวกันแท้ ๆ แต่พี่น้องคนอื่น ๆ แม้กระทั่งพี่ใหญ่ที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็มีชีวิตที่ดีกันหมด ในหมู่บ้านเตรียมจะเลือกเขามาเป็นเลขานุการด้วย

ร้านที่เจ้าสามเปิดในเมืองทำกำไรดีอยู่ เหลือแค่พี่รองเขานี่แหละ กลับมาครั้งนี้รู้สึกว่าเขาแก่ลงไปอีกมาก

“คุณว่าจะเปิดฟาร์มบ้านเราที่ชานเมืองล่วงหน้าเลยดีไหมคะ” หลินชิงเหอถาม

“คุณอยากให้พี่รองไปอยู่ปักกิ่งเหรอ?” โจวชิงไป๋ประหลาดใจ

“ฉันได้ยินพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าปีนี้น้องชายของเซี่ยเซี่ยจะไปเรียนหนังสือในเมือง อีกหน่อยที่บ้านจะเหลือแค่พี่รองคนเดียว ปีนี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ปีหน้าให้พี่รองไปอยู่กับเราดีไหมคะ ฉันเห็นคุณแม่เองก็บ่นถึงพี่รองเหมือนกัน” หลินชิงเหอเอ่ย

ท่านแม่โจวเคยบ่นถึงจริง ๆ

พี่ใหญ่โจวพี่สามโจวและสะใภ้สามโจวต่างเคยไปเยี่ยมพวกเขาสองสามีภรรยาเฒ่าที่ปักกิ่ง แต่สองสามีภรรยาเฒ่าจากบ้านเกิดมานานหลายปี จนถึงตอนนี้ ลูกชายคนรองอย่างพี่รองโจวยังไม่เคยไปพบหน้าเลย

ท่านพ่อโจวไม่ได้พูดอะไร แต่คงมีความคิดอยู่เหมือนกัน

“จะเปิดฟาร์มตอนนี้ต้องลงทุนเยอะมากนะครับ บ้านเรายังติดหนี้อยู่มาก” ในที่สุดโจวชิงไป๋ก็บอกกับภรรยาเขา แน่นอนว่าเขาอยากให้พี่รองโจวไปปักกิ่งอยู่ แต่อยากก็ส่วนอยาก ต้องมีสติด้วย

“ฟาร์มของเราปล่อยไปก่อนก็ได้ค่ะ ฉันอยากสร้างตึกปล่อยเช่าแล้ว” หลินชิงเหอกล่าว

เธอและโจวชิงไป๋มีที่ในปักกิ่งอยู่ไม่น้อย ล้วนแล้วแต่เป็นบ้านเก่า แต่ทุบแล้วค่อยสร้างบ้านชาวนาก็ได้นี่

“ถึงตอนนั้นให้พี่รองไปนั่งควบคุมการทำงาน ช่วยเฝ้าแทนเรา ตอนที่บ้านชาวนาใกล้เสร็จ โรงนาบ้านเราคงใกล้ได้เปิดแล้ว” หลินชิงเหอบอก

บ้านชาวนาที่เธออยากสร้างมีไม่น้อยเลย บ้านชาวนาหนึ่งหลังสูงแค่ 7 ชั้นพอ ไม่สร้างที่สูงมาก แต่คงไม่เสร็จไวขนาดนั้น

เรื่องนี้ต้องมีคนคอยควบคุมจริง ๆ ให้พี่รองโจวไปเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

โจวชิงไป๋รู้ดีว่าให้พี่รองเขาไปเป็นทางเลือกที่ดี แต่…..

“ผมกลัวว่าด้านพี่สะใภ้รองจะโวยวาย” โจวชิงไป๋ขมวดคิ้วพลางเอ่ย

“หล่อนจะโวยวายอะไรได้ เงินเดือนของพี่รองโอนไปให้หล่อนหมด พี่รองเองก็ว่าง ยังไงหล่อนคงไม่กล้าขัด” หลินชิงเหอกล่าวเรียบ ๆ เธอไม่เหลือภาพดี ๆ ของสะใภ้รองโจวเลยสักนิด

“รอให้จัดการเรื่องในชนบทเสร็จแล้วค่อยไปเยี่ยมเซี่ยเซี่ย และบอกเรื่องนี้กับหล่อนแล้วกันค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ย

เธออยากให้พี่รองโจวไปที่นั่นไม่ใช่แค่อยากให้ไปช่วยเฝ้าคนงาน แต่อยากช่วยให้ท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวสมปรารถนาด้วย ส่วนสะใภ้รองนั้นเธอไม่ให้ไปหรอก

เธอเองรู้สึกว่าขอแค่พี่รองโจวโอนเงินมา สะใภ้รองโจวไม่อยากไปด้วยแน่นอน ถึงยังไงหล่อนก็คงไม่อยากทนดูตัวเธอเองที่มีชีวิตดีนักหรอก

สะใภ้รองโจวเป็นคนทัศนคติแบบไหนเธอพอรู้อยู่

โจวชิงไป๋กุมมือภรรยาตัวเอง เม้มปากพลางเอ่ย “ภรรยา ขอบคุณนะครับ”

“ขอบคุณฉันทำไมกันคะ ตัวพี่รองเองก็ไม่แย่ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่พูดเรื่องนี้หรอก” หลินชิงเหอหัวเราะและกลอกตาใส่เขา

เธอจำได้ว่าตอนเจ้าใหญ่ยังเด็ก มีอยู่วันหนึ่งกลับบ้านมาและเห็นเธอกำลังต้มไข่ไก่ เขาก็พลันพูดขึ้นมาว่าเมื่อก่อนตอนเขาหิว ลุงรองเอาไข่นกเล็ก ๆ ให้เขากินสองฟอง อร่อยมากเหมือนกัน พอเธอได้ยินจึงถามว่าให้อะไรอย่างอื่นอีกมั้ย?

เจ้าใหญ่ที่ยังใส่เอี๊ยมบอกว่ามีมันเผา มันเผาของลุงรองอร่อยมาก

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนเธอมา หลินชิงเหอฟังแล้วไม่ได้ว่าอะไร

ทว่าเธอจดจำพี่รองโจวคนนี้ไว้

………………………………………………