“คุณนายใหญ่ท่าน….ท่านก็มาด้วยเหรอ”
เมื่อคนใช้เห็นเธอก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะว่า ในเวลานี้ไชกุก็อยู่ที่นี่ด้วย อีกทั้งยังกำลังถูกคุณท่านด่าอยู่ในห้องหนังสือ
แต่ คุณนายใหญ่ท่านนี้กลับไม่สนใจด้วยซ้ำ เธอพุ่งเข้ามา และถามขึ้นมาอย่างโผงผาง : “ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อแสงดาวล่ะ? หล่อนอยู่ไหน?”
เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ น้ำเสียงฟังดูดุดันจนน่ากลัว!
คุณแสงดาว?
พวกคนใช้ได้ยินแล้วว่าคนที่เธอต้องการคือคนคนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย : “คุณแสงดาวเธออยู่ที่สวนดอกไม้ กำลังรดน้ำกล้วยไม้สองกระถางนั้นให้คุณท่านค่ะ”
“รดน้ำ?”
มินตราได้ยินดังนี้ ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
คุณท่านเป็นคนที่ชอบต้นไม้ดอกไม้มากคนหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเกษียณ หากไม่มีอะไรทำ ก็ชอบที่จะทำสิ่งพวกนี้ด้วยตัวเอง
และกล้วยไม้คือสิ่งที่เขาชอบมากที่สุด บนเขาภูตานั่น ที่ปลูกไว้ก็คือดอกไม้ชนิดนี้
เขากลับปล่อยให้ผู้หญิงชั้นต่ำนี้ไปช่วยเขารดน้ำดอกไม้?
นั่นแม้แต่คนใช้ในบ้านก็ไม่สามารถแตะต้องได้
มินตราก็ยิ่งเชื่อคำพูดของหลานสาวเธอ เธอเดินมายังสวนดอกไม้ด้วยท่าทีดุดัน : “แสงดาว แกออกมาเดี๋ยวนี้นะ แสงดาว!!”
แสงดาวที่กำลังยืนรดน้ำดอกไม้อยู่ไม่ไกลนัก : “……….”
ใครกันที่มาเห่าหอนอยู่ที่นี่แต่เช้าตรู่?
เธอวางบัวรดน้ำลงตั้งไว้ มองไปยังทิศทางที่มาของเสียง
กลับคิดไม่ถึงว่า หลังจากที่เธอชะเง้อมองไปแล้ว เมื่อชำเลืองดูก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าเคร่งขรึมดุดัน ผู้หญิงคนนี้ อายุประมาณห้าสิบปี แต่งตัวหรูหรา และแต่งหน้าอย่างละเอียดและประณีต
เพียงแต่ว่า ใบหน้าของเธอนั้น…….
ในใจของแสงดาวรู้สึก “ตึ้กตึ้ก” นิดหน่อย
“คุณนายมินตรา คุณ….มาได้อย่างไรคะ?”
“ฉันมาได้อย่างไร? เธอว่าฉันมาได้อย่างไรล่ะ? แสงดาว เธอเก่งกาจมากนะ แอบทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ลับหลังฉันโดยไม่บอกอะไรสักคำ ทำไม? เธอคิดว่าเธอเป็นมิตรกับเดอะวิวซีแล้ว ลูกชายของฉันจะตกเป็นของเธออย่างแน่นอนแล้ว ใช่ไหม?”
มินตราพุ่งมาด้านหน้าของเธอ ตอนที่ด่าอย่างมืดฟ้ามัวดิน สีหน้าท่าทางนั้น คือดูดุร้ายน่ากลัวเป็นอย่างมาก
แสงดาวได้ยินแล้ว ก็รู้สึกตื่นตระหนก
สำหรับเรื่องนี้ ที่เดอะวิวซีเธอสามารถแสดงความรู้สึกของเธอต่อม็อกโกได้โดยไม่ต้องกังวลใดๆ ก็จริง แต่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ทำไม่ได้ เธอไม่กล้าเสียมารยาท
เพราะว่า เธอคือคุณแม่ของเขา
แสงดาวผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไร เป็นครั้งที่เริ่มเสียความมั่นใจ
“ไม่ใช่ค่ะ คุณนายมินตรา คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรกับลูกชายของคุณค่ะ”
“ไม่มีอะไร?”
ทันใดนั้น มินตราก็กรีดเสียงแหลมขึ้นมาอีกครั้ง : “เธอยังจะกล้าบอกว่าไม่มีอะไร? เรื่องเหล่านั้นที่เธอทำไว้กับเขาตอนอยู่ที่เดอะวิวซี เธอคิดว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเป็นหูหนวกตาบอดเหรอ?”
แสงดาว : “…….”
เพียงแค่ประโยคนี้ หลังจากที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นและใบหน้าสีแดงก่ำอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
แม้แต่เรื่องนี้…เธอก็รู้แล้วงั้นเหรอ?
เธอเริ่มเสียใจกับความไม่ยั้งคิดต่อม็อกโกในช่วงเวลานั้น
แต่ในเวลานี้ หลังจากที่ผู้หญิงคนนี้เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้ คำพูดที่หยาบคายก็ได้ออกมาจากปากเธอเป็นที่เรียบร้อย
“พูดไม่ออกแล้วใช่ไหม? คนชั้นต่ำอย่างเธอริอ่านเล่นของสูง เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? กล้าดียังไงมาจับลูกชายฉัน มาจับตระกูลเทวเทพ? เป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์ฟ้าเหรอ? เธอฝันไปเถอะ!!”
“!!!!”
ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่า คุณนายตระกูลเทวเทพผู้ดูดีสง่างามเมื่ออยู่ด้านนอก แต่ในสถานที่แห่งนี้ กลับไม่ต่างอะไรกับหญิงบ้าคนหนึ่ง
เธอด่าทออยู่อย่างไม่ห่วงรูปลักษณ์ สีหน้าบิดเบี้ยวนั้น เหมือนกับว่าจะเอาแสงดาวมารองไว้ฝ่าใต้เท้าแล้วเหยียบย่ำอย่างหนักหน่วงภายในทันที แบบนี้ถึงจะทำให้เธอหายโกรธลงได้
ฉะนั้น นี่คือนิสัยที่แท้จริงของเธอใช่ไหม?
แสงดาวก็โกรธจนถึงขีดสุด ในที่สุด เธอก็นิ่งสงบลง
“คางคกอยากกินเนื้อหงส์ฟ้า? คุณหมายถึงฉันเหรอคะ?”
“ที่นี่ยังมีคนอื่นอีกงั้นเหรอ?”
“แน่นอนสิ คุณไม่ใช่งั้นเหรอ?” จู่ ๆ แสงดาวก็จ้องมองยังผู้หญิงคนนี้ ย้อนถามหนึ่งประโยคไปอย่างเย้ยหยัน
“บอกว่าเป็นคางคก ตระกูลหิรัญชาของฉันจะเทียบเคียงกับตระกูลโชคศักดาพวกคุณได้อย่างไร? ตระกูลหิรัญชาของฉันอย่างน้อยก็ยังมีบริษัทเมืองหลวงที่ติดอันดับต้นๆของโลก เลี้ยงดูสนับสนุนหน่วยงานรัฐบาลในประเทศไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แล้วตระกูลโชคศักดาของคุณล่ะ? มีอะไร? ก็แค่พึ่งใบบุญผู้คนที่ใกล้หมดสมัยไม่กี่คนเหล่านั้นที่ปู่ของคุณสั่งสมมา?”
“แก—-“
มินตราคิดไม่ถึงเลยว่ายายจิ้งจอกคนนี้จะพูดมาแบบนี้ ทันใดนั้น เธอก็โกรธจนหน้าขาวซีดอยู่ตรงนั้น
จากนั้น นี่ยังพูดไม่จบ
แสงดาวคนนี้ จุดเด่นที่สุดของเธอก็คือ ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมา ขอโทษค่ะ…….
ต่อให้เป็นเทพแห่งสวรรค์ลงมา เธอก็จัดการอย่างไม่ไว้หน้า!
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้า เธอก็ไว้หน้าหล่อนแล้ว
“อีกอย่าง ในการสร้างความสำเร็จส่วนบุคคล ฉันสามารถดูแลหิรัญชากรุ๊ปมาแล้วตั้งหลายปี จนถึงตอนนี้ ทรัพย์สินในมือของฉันอีกนับหมื่นล้าน ขอถามคุณนายมินตราหน่อยว่า ก่อนที่คุณแต่งงาน คุณมีอะไร? มีแค่ปากที่สามารถเกลี้ยกล่อมผู้ชายหลงจนเงยหัวไม่ขึ้นใช่ไหม?”
“แสงดาว!!!”
ประโยคสุดท้ายนั้น ไม่ได้แค้นที่สุด มีแต่โหดเหี้ยมมากกว่า
เหมือนเกือบว่า ณ ตอนนั้น ผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ตะโกนส่งเสียงแหลมออกมาจากในคอ : “ฉันจะฆ่าแก!”
จากนั้นคนงี่เง่าคนนี้ก็ยกกระถางดอกไม้ด้านข้างกระถางหนึ่งทุบมาทางแสงดาว
แสงดาว : “……..”
คนที่เคยฝึกมา เห็นเข้าแบบนี้ ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณแล้ว แน่นอนว่าคือรีบหลบออกให้พ้น