บทที่ 1919 ฉันกลัวนะ
ลงมือกับผู้อาวุโสของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ก็เท่ากับประกาศสงครามกับกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์!
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เพิ่มกองกำลังของนายแห่งอาชูร่ากับจี้หวงเข้ามา ก็ไม่แน่ว่าจะสู้กับคนของเขาได้
“ผู้นำ ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะตัดสินใจส่งๆ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ไม่ใช่เป้าหมายที่พวกเราพันธมิตรอู๋เว่ยจะยั่วยุโดยเด็ดขาดนะครับ” ผู้อาวุโสใหญ่ที่เงียบมาตลอดพลันมองเยี่ยหวันหวั่นและเอ่ยขึ้น
“แล้วใครบอกพวกนาย ว่าจะลักพาตัวผู้อาวุโสจินอย่างเปิดเผยกันล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นปรายตามองทุกคน
ในใจของเยี่ยหวันหวั่นย่อมรู้ดี ถ้าทำเรื่องอย่างเปิดเผยไม่กลัวเกรง งั้นก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว อยากไปเกิดใหม่เร็วๆ ชัดๆ
แต่ใครบอกว่าพวกเธอจะลักพาตัวผู้อาวุโสของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์อย่างเปิดเผยใจกล้ากันล่ะ?
เป็นมือมืด ลอบโจมตี ครอบกระสอบทรายเป็นไหม นี่ไม่ใช่ธุรกิจพื้นฐานของพันธมิตรอู๋เว่ยหรอกเหรอ
“ความหมายของพี่เฟิงคือปฏิบัติการในที่มืด” ชีซิงมีท่าทางครุ่นคิด
“ถูกต้อง” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “เป้าหมายของพวกเราในครั้งนี้มีเพียงผู้อาวุโสจิน ไม่ใช่ทั้งกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ หาโอกาสอาศัยตอนเดือนมืดลมแรง พวกเราค่อยๆ ครอบกระสอบทรายใส่ผู้อาวุโสจิน ทุบหัวเขาด้วยท่อนไม้สักทีก็ได้แล้ว”
“เห็นภาพเลยแฮะ…” เป่ยโต่วเอ่ยพลางลูบคาง
“ถ้าผู้นำยืนยัน งั้นเรื่องนี้ มีแค่พวกเราห้าคนที่รู้จะดีที่สุด ไม่งั้นเมื่อไรที่เรื่องแพร่งพรายออกไป ผลที่ตามมาก็ไม่กล้าคิด” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยอย่างระมัดระวัง
“กลัวอะไร ไม่ใช่แค่กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เหรอ แพร่งพรายออกไปแล้วทำไม พี่เฟิงไม่กลัวผมก็ไม่กลัว” เป่ยโต่วเอ่ยพลางหัวเราะหยัน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเป่ยโต่ว สายตาของเยี่ยหวันหวั่นตกลงบนตัวเป่ยโต่ว “ฉันกลัวนะ”
เป่ยโต่วพูดไม่ออก
ผ่านไปนาน เยี่ยหวันหวั่นจึงเริ่มมอบหมายงาน “เรื่องนี้ใหญ่และสำคัญมาก อนุญาตให้ทำสำเร็จเท่านั้นห้ามล้มเหลว ผู้อาวุโสใหญ่นายไปตรวจสอบกิจวัตรประจำวันของผู้อาวุโสจินก่อน ทุกครั้งที่ออกไปพาคนไปเท่าไร ชอบไปที่ไหนบ้าง”
“รับทราบครับ” ผู้อาวุโสใหญ่พูดจบก็ลุกขึ้นออกไป
ตราบใดที่สามารถจับผู้อาวุโสจินได้อย่างราบรื่น เรื่องทั้งหมดก็จัดการง่ายแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่นเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างใกล้จะน้ำลดตอผุด ไม่จำเป็นต้องรอตัวเองทำการสะกดจิตอีกสองครั้งที่เหลือ
พวกผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสาม ไม่ได้ถามว่าจุดประสงค์ของเยี่ยหวันหวั่นคืออะไร ขอแค่เป็นเรื่องที่ผู้นำตัดสินใจ พวกเขาแค่ต้องทำตามก็พอ ถ้ามีความจำเป็นต้องบอกพวกเขา ผู้นำย่อมบอก ถ้าผู้นำไม่บอก พวกเขาก็ไม่ต้องไปถามไถ่เพื่อให้รู้ถึงที่สุด
กระทั่งถึงช่วงเย็น ผู้อาวุโสใหญ่จึงค่อยกลับมาถึงพันธมิตรอู๋เว่ย ยังไม่ทันได้รายงานเขาก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของเยี่ยหวันหวั่น
“ผู้นำ” ผู้อาวุโสใหญ่มองเยี่ยหวันหวั่น
“ทำไมเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถามผู้อาวุโสใหญ่
“สืบค้นชัดเจนแล้วครับ” ผู้อาวุโสใหญ่หัวเราะน้อยๆ “ผู้อาวุโสจินของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์นั่น คืนนี้ขับรถไปที่เขตตะวันออกเพื่อขนย้ายสินค้าทรัพยากรที่สาขาหนึ่งของกลุ่มสหพันธ์ฯ มีคนร่วมทางด้วยประมาณสองคนครับ”
“ทำได้ดี” มุมปากเยี่ยหวันหวั่นยกขึ้นน้อยๆ นี่นับเป็นโอกาสดี
ไม่นาน พวกผู้อาวุโสสามก็มาถึงห้องทำงาน และได้รู้ข้อมูลที่สืบมาได้จากปากของผู้อาวุโสใหญ่
“ผู้นำ สองสามปีมานี้ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ไม่ถึงขั้นว่าระมัดระวัง เพราะครอบครองอำนาจสูงสุดก็เลยไม่ได้เตรียมตัวในการเคลื่อนย้ายสินค้าทรัพยากรอะไร ทั้งรัฐอิสระไม่มีกองกำลังไหนกล้าไปหาเรื่องกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ตอนนี้พวกเขาย่ามใจจึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะลงมือพอดี!” ผู้อาวุโสสามเริ่มวิเคราะห์
———————————————————–
บทที่ 1920 เข้าใจผิดสุดกู่
คุณงามความดีครั้งนี้ห้ามยกให้ผู้อาวุโสใหญ่เอาไปทั้งหมดเด็ดขาด
“เดี๋ยวก่อน พวกเราไม่พอรับประกันหรอกมั้ง พาคนมากไปหน่อยดีไหม อย่างที่ว่ามากคนมากกำลัง มากคนจัดการง่าย!” เป่ยโต่วเอ่ยขึ้นทันที
“เอาคนมากมายขนาดนั้นไปทำไม แหวกหญ้าให้งูตื่นเปล่าๆ” ชีซิงมองเป่ยโต่ว
เมื่อได้ยินดังนั้น เป่ยโต่วก็ส่ายหน้า “อย่างที่เขาว่า คนมากอัดคนน้อย ไม่ว่าใครก็กล้าอัด คนน้อยเจอคนมาก คุกเข่าตัวสั่นไง”
เยี่ยหวันหวั่นเหล่ตามองเป่ยโต่ว ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลอยู่นะ…
ยังไงเสีย ผู้อาวุโสจินจะพาคนมาเท่าไรก็ยังไม่รู้จำนวน หากพาคนมากเยอะล่ะ
พวกเขาจะต้องจัดการผู้อาวุโสจินในพริบตาจึงจะได้
หากตกอยู่ในความยุ่งยากเป็นเวลานาน กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะต้องได้รับข่าว ผลที่ตามมาก็ไม่กล้าจินตนาการ
“ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสาม พายอดฝีมือที่ไว้ใจได้ในพันธมิตรออกเดินทางไปด้วย” หลังเยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิดอยู่นานจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ครับ”
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามพยักหน้าพร้อมกัน
ไม่นาน ภายในห้องทำงาน ผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสห้าแล้วก็ยังมีหัวหน้าสาขาย่อย ราวๆ เจ็ดแปดคนก็มากันทั้งหมด
พันธมิตรอู๋เว่ย มีผู้อาวุโสทั้งหมดเจ็ดคน หัวหน้าสาขาย่อยสิบสี่คน แล้วก็หางเสืออีกเจ็บสิบสองคน
แต่ปฏิบัติการในคืนนี้เป็นเรื่องใหญ่ จำต้องไม่พาคนไปมาก ขอแค่สามารถแน่ใจว่ากดดันอีกฝ่ายได้ก็พอ หากคนเยอะเกินไปจะแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่ายๆ
หลังจากรู้ที่มาที่ไปจากปากของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสหลายคนกับหัวหน้าสาขาย่อยก็ตกใจก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าคาดหวังอยู่บ้าง
จริงๆ แล้วพันธมิตรอู๋เว่ยขึ้นอืดมานานเกินไป หลังผู้นำกลับมาพันธมิตรอู๋เว่ยก็ค่อนข้างเก็บตัวมาตลอด ยังไม่เคยทำงานใหญ่เสียที
“ฮ่าๆๆ เป็นสไตล์ของท่านผู้นำจริงๆ ผมก็ว่าทำไมผู้นำไม่ทำงานเลย ที่แท้ก็รอทำงานใหญ่ครั้งนี้นี่เอง” ผู้อาวุโสสี่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
เยี่ยหวันหวั่นนิ่งเงียบ เข้าใจผิดสุดกู่
“เดิมทียังอยากให้ฟู่หมิงซีเจ้าเด็กบ้านั่นได้เปิดหูเปิดตา แต่ครั้งนี้ช่างมันเถอะ ถึงยังไงฝ่ายตรงข้ามก็คือกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ คุ้มกันทรัพยากร…จิ๊ๆ นั่นคงเป็นจำนวนไม่น้อยเลยนะ” ดวงตาของผู้อาวุโสสองวาบแววละโมบ
เมื่อเห็นดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็หมดคำพูดเล็กน้อย
ผู้อาวุโสสอง เถ้าแก่บริษัทซิงเฉินนี่นับว่าร่ำรวยแล้วมั้ง…นึกไม่ถึงว่ายังจะโลภขนาดนั้น
มิหนำซ้ำ ครั้งนี้…จริงๆ เธอตั้งใจแค่จะลักพาตัวผู้อาวุโสจิน ไม่ได้ตั้งใจจะปล้นทรัพยากรของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์นะ? เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า
“ทรัพยากรของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ผู้นำมือเติบจริงๆ!”
เหล่าหัวหน้าสาขาย่อยต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ชูนิ้วโป้งให้เยี่ยหวันหวั่น
เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด
ช่างเถอะ เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปเถอะ…
“ทุกคนต้องจำไว้ เรื่องคืนนี้ต้องห้ามเผยแพร่ออกไปภายนอกเด็ดขาด มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้ เข้าใจไหม” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยกับทุกคน
เมื่อได้ยินเยี่ยหวันหวั่น ผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสสอง ผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสห้า แล้วก็พวกหัวหน้าสาขาย่อยต่างก็ซาบซึ้งใจจนเบ้าตาร้อน นี่คือผู้นำไว้ใจพวกเขาสินะ!
ผู้นำเรียกแค่พวกเขามา ก็อธิบายเพียงพอแล้วว่า ในพันธมิตรอู๋เว่ย ผู้นำเชื่อใจพวกเขาที่สุด…
“ผู้นำวางใจได้ พวกเราจะไม่แพร่งพรายออกไปสักนิดเดียว!”
ทุกคนเอ่ยอย่างพร้อมเพรียง
“ดี” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า
หลังจากรู้เวลาและเส้นทางจากปากของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสใหญ่ก็เตรียมรถตู้ไว้คันหนึ่ง ทุกคนเข้าไปนั่งในรถ อาศัยแสงจันทร์หายไปบนถนน
ราวครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในบริเวณเปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง พวกเขาก็มุ่งไปยังเส้นทางเดียวที่นำไปสู่เขตตะวันออก
…………………………………….