มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 850
ดีแลนได้ทำการฆ่าคาทูไปแล้ว โดยที่มีผู้คนหลานคนเป็นพยาน แต่ทว่าทุกคนกลับนิ่งเงียบ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ

การต่อสู้แข่งขันที่โหดร้าย โดยที่ความหมายของหอคอยทวยเทพและหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อที่จะหาคนที่เก่งฝีมือดีและฉลาดที่สุดในพิภพ

โดยที่ความหมายของโลกพิภพระดับกลางนั้น ไม่ใช่ว่าคนเก่งของโลกพิภพที่ต่ำกว่าก็จะสามารถมีได้

แต่ว่าพลังที่แข็งแกร่งและอัจฉริยะนั้นไม่ได้ถูกจำกัดมาตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะการต่อสู้แย่งชิง เพราะบางคนนั้นพลังศักยภาพของพวกเขาจะถูกกระตุ้นออกมา และเปลี่ยนเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

และการคัดเลือกอัจฉริยะก็เช่นกัน แต่หอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์จะเลือกวิธีดั้งเดิมในการคัดเลือก ที่ทั้งเยือกเย็นและโหดร้าย

หลัวซิวเคยได้ยินความลับในการเลี้ยงหนอน โดยที่พวกเขานั้นจะใช้หนอนพิษชนิดที่แข็งแกร่งพิเศษมาปล่อยรวมกัน โดยให้พวกมันนั้นกัดกินและต่อสู้กันเอง โดยหนอนตัวสุดท้ายที่เหลือรอดมานั้น ก็จะใช้วิธีกลืนหนอนตัวอื่นๆแทน และเปลี่ยนเป็นหนอนตัวที่แข็งแกร่งที่สุด

ในหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนกับห้องที่ถูกปิดไว้ และผู้คนที่มาฝึกฝนอยู่ที่นี่ ก็คือหนอนพิษ

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แดนของโลกแสงดาว ระดับจะค่อนข้างอ่อนน้อมกว่า อย่างน้อยก็ไม่มีการฆ่ากันตาย

ทวยเทพช่างโหดร้ายเยือกเย็นอะไรเช่นนี้ อีกทั้งสี่งมีชีวิตต่างๆในเชิ่งถิงต่างก็เชื่อในพระเจ้า ทำให้หลัวซิวรู้ถึงได้ว่าสถานที่นี้นั้นช่างน่ากลัวโหดร้ายอีกทั้งยังน่าขำอีกด้วย

คาทูตายแล้ว ดีแลนกแเปลงร่างกลับไปเป็นมนุษย์แบบเดิม ก่อนจะมองเล่นมาที่เซวรี่

เขาชอบที่จะเล่นหยอกล้อกับผู้หญิงเผ่ามนุษย์ คนที่รู้จักดีแลนจะรู้ดี ว่าหญิงสาวเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นถูกเขาเล่นจนถึงตายมาแล้วกี่คน

หลายคนมองมาที่เซวรี่ด้วยสายตาอย่างน่าสงสาร เพราะเธอนั้นคือนักยุทธ์ทองเแดงของเชิ่งถิง โดยตัวตนแบบนี้ถ้าอยู่ข้างนอกจะมีประโยชน์บ้าง แต่หากเป็นที่เมืองแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ระดับนักยุทธ์ทองเแดงของเชิ่งถิงนั้นยังคงไม่พอ

เนิร์ดยืนข้างๆเซวรี่ ร่างกายสั่นไปทั้งตัว เขารู้สึกดีกับเซวรี่ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะออกมาปกป้อง

“พาเธอไปที่พักของข้าที” ดีแลนไม่ได้ลงมือเอง และพรรคพวกของเขาก็เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม

โดยคนติดตามเหล่านี้นั้นเป็นคนฝีมือระดับสูงของเผ่าปีศาจร้าย โดยทุกคนนั้นจะมีระดับการฝึกยุทธ์มกุฎยุทธ์ขั้นปลายทั้งหมด

“เนิร์ด ช่วยข้าด้วย” เซวรี่รู้สึกตกตะลึงและเป็นกังวล ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ

ใบหน้าของเนิร์ดเปลี่ยนเป็นมืดมนทันที สุดท้ายก็ทำได้แต่กัดฟันไปมา ก่อนจะถอยหลังมาหนึ่งก้าว

เมื่อมองเห็นเนิร์ดถอยหลังออก เซวรี่รู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างมาก เธอเข้าใจดีว่าหากเธอถูกจับไปแล้วจะต้องขายหน้าแน่ๆ แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดฆ่าตัวตาย

“กลับไปสะ”

ในตอนที่เธอสิ้นหวังนั้น คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอคือยอร์คที่ไม่ได้ถอยหนี แต่ทว่ากลับออกมาปกป้อง

ก่อนที่เขาจะชูกำปั้นขึ้นมา ที่มีแสงสีทองเปล่งประกายของเปลวไฟลอยออกมาก ก่อนที่เขาจะปล่อยเปลวไฟเข้าไปต่อยกับพวกห้าเหล่ามารอย่างทันที และพวกมันก็กรีดร้องอย่างโหยหวน และในทันใดก็ได้เปลี่ยนเป็นฝุ่นปลิวไป

“อะไร?”

“นั่นคือเปลวไฟอะไร ทำไมถึงได้มีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้!”

“นักยุทธ์ทองเแดงของเชิ่งถิงไปเก่งกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ผู้คนรอบๆต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เพราะว่าการพัฒนานั้น มันเกินกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก

“อือ?”

ใบหน้าของดีแลนนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาคิดได้ว่าเจ้าเด็กผมทองคนนี้มันก็แค่มกุฎยุทธ์ขั้นต้น แต่ทว่ากับเรียนรู้พลังเปลวไฟ อีกทั้งยังสามารถกำจัดมกุฎยุทธ์ขั้นปลายได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

อีกทั้งตอนที่เขาแสดงพลังแห่งเพลิงทอง ที่ทำให้เขารู้สึกถึงพลังแห่งความน่ากลัว