แต่ว่าเวลานี้ดีแลนกลับมีความรู้สึกราวกับขี่หลังเสือยากที่จะลงได้ ถ้าหากเวลานี้เขาเลือกที่จะถอนกลับไป เช่นนั้นจากนี้ไปที่กลางเมืองทวยเทพแห่งนี้ เขาคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว อีกทั้งคนอื่น ๆ ที่เผ่าก็คงจะต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเยาะเย้ยเขาอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เพียงแค่นักยุทธ์ทองเแดงระดับมกุฎยุทธ์ช่วงต้นกลับกล้ามาฆ่าคนของข้า?”

สีหน้าและน้ำเสียงของดีแลนเต็มไปด้วยความกริ้วโกรธ แต่หลัวซิวกลับไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจเขาแม้แต่น้อย เพราะเมื่อครู่ที่เพิ่งใช้มกุฎอัคคีนภาเหลืองแผดเผาเผ่าปีศาจร้ายทั้งห้าคน จากนั้นข้อมูลที่เต็มไปไปด้วยความลึกลับกฎเพลิงอัคคี ก็พลันปะทุขึ้นในสมองของเขา

ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้มาในรูปแบบภาษา แต่มาในรูปแบบความรู้สึกที่พิเศษเป็นการยากที่จะอธิบายออกมา ทำให้เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความลึกลับของกฎเพลิงอัคคี

“นี่คือจุดที่พิเศษของหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?” ในใจหลัวซิวทั้งตกใจและประหลาดใจ

ทั้งสี่ทิศรอบคูเมืองแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยสิ่งปลูกสร้างรูปทรงหอคอยสูงตระหง่าน หอคอยเทวโชติสีแดง หอคอยเทวปฐพีสีเหลือง หอคอยเทววาโยเสวียนสีเขียว หอคอยเทวนาวาสีฟ้า หอคอยเทวมืดสีดำ และหอคอยเทวสว่างสีขาวเป็นต้น

หอคอยเทวสูงตระหง่านอยู่ในที่แห่งนี้ พลังงานที่น่าอัศจรรย์ ปกคลุมไปทั่วทั้งเขตนี้ รวมถึงเมืองทวยเทพแห่งนี้ด้วย

ที่แห่งนี้ คู่ต่อสู่ที่ฆ่าอีกฝ่ายได้ พลังงานน่าอัศจรรย์ที่ปกคลุมไปทั่วเขตนี้ ก็จะให้กฎสัมผัสรู้ที่สอดคล้องกันตามวิธีการที่ตนสำแดงออกไป

“ข้าพูดกับเจ้าอยู่ ไม่ได้ยินหรือ?”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะสนใจตนแม้แต่น้อย ดีแลนก็รู้สึกว่าตนถูกดูหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรีอย่างมาก สีหน้าก็พลันเผยความโกรฑขึ้นมาทันที

“เจ้ามันตัวอะไร?” หลัวซิวพูดเสียงเย็น

“เจ้าช่างอวดดียิ่งนัก!”

ดีแลนโมโหอย่างมาก กลายร่างเป็นปีศาจร้ายในทันใด พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด กรงเล็บสีแดงเลือดราวกับกระบี่ที่แหลมคม กางออกไปยังลำคอของเขา

หลัวซิวไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวแต่อย่างใด ราวกับว่ากำลังทำการยืนยันความคิดของตนอยู่ เขาใช้นิ้วมือขีดไปบนอากาศ และสำแดงวิชาล่องหนไท่เสวียน

เมื่อก่อนนี้ เขาทำได้เพียงใช้วิชาล่องหนไท่เสวียนสำแดงการเทเลพอร์ตระยะสั้นเท่านั้น แต่ตามการเพิ่มระดับขึ้นของแดนกฎของตน ต่อให้ไม่เคยได้สัมผัสรู้กฎปริภูมิโดยเฉพาะ ก็สามารถสำแดงกลยุทธ์ ๆ อื่นของวิชายิ่งเลิศนี้ได้

โซนที่อยู่ภายใต้นิ้วมือเขาก็ถูกขีดทำลายในพริบตา รอยร้าวนั้นค่อย ๆ ขยายตัวออกไป

การกระทำของดีแลนหยุดลงอย่างกะทันหัน ร่างที่ถูกโซนฉีกกระชากนั้นถูกตัดออกเป็นสองท่อน เลือดสดสาดกระจายไปทั่วทั้งพื้น กลิ่นคาวเลือดฟรุ้งกระจาย

ดีแลนก็เป็นเพียงแค่มหายุทธ์ช่วงต้นคนหนึ่งเท่านั้น การที่หลัวซิวฆ่าเขานั้นจึงไม่ได้รับผลใดแม้แต่น้อย

ได้มาถึงภายในเขตของหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันตามข้อกำหนดที่พิเศษแล้ว ผลการฝึกตนเกินกว่าคู่ต่อสู้หนึ่งแดนใหญ่ จะไม่ได้รับอนุญาติให้ลงมือ นอกเสียจากอีกฝ่ายจะเป็นคนเอ่ยปากท้าทาย ดังนั้นที่แห่งนี้ หลัวซิวไม่จำเป็นต้องกังวลใจต่อผู้ใดเลย

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

เมื่อฆ่าดีแลนตายแล้ว หลัวซิวก็รับรู้ได้ถึงข้อมูลที่เต็มไปด้วยกฎปริภูมิปรากฏขึ้นในหัวของเขา

“น่ากลัวเกินไปแล้ว เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงขนาดสามารถฆ่าดีแลนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”

“หรือว่าเขาจะมีผลการฝึกตนระดับมกุฎยุทธ์ช่วงต้นจริงหรือ? หากเป็นเช่นนั้นจริง ภายในขอบเขตหนึ่งแดนใหญ่ ก็ถือว่าไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว?”

ข้อกำหนดของหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมภายในเขต อนุญาตให้เพียงภายในหนึ่งแดนใหญ่เท่านั้นที่สามารถต่อสู้กันได้ อย่างเช่นมหายุทธ์ช่วงต้นสามารถลงมือฆ่ามกุฎยุทธ์ช่วงต้นได้ นั่นก็คือเหตุผลที่ดีแลนกล้าลงมืออย่างไร้ความกังวล

แต่ว่าถ้าหากผลการฝึกตนเกินกว่าคู่ต่อสู้หนึ่งแดนใหญ่ อีกทั้งยังเป็นคนเริ่มลงมือฆ่าคน เช่นนั้นก็จะต้องถูกลงโทษโดยทวยเทพ ให้กลายเป็นเถ้าธุลี!

ทวยเทพได้ทิ้งหอคอยเทวเหล่านี้ไว้ ก็เพื่อคัดเลือกอัจฉริยะที่มีความสามารถโดดเด่น ข้อกำหนดนี้ ก็เป็นการปกป้องขั้นพื้นฐานชนิดหนึ่งต่อเหล่าอัจฉริยะ