มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 852
ถ้าหากพลังของตนไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะสามารถข้ามหนึ่งแดนใหญ่เพื่อโจมตีกับคู่ต่อสู้ได้ เช่นนั้นตนก็ทำได้เพียงแค่เก็บหางของตนเองให้ดี ไม่เช่นนั้นหากไปขัดหูขัดตาคนอื่นขึ้นมา อีกฝ่ายก็สามารถฆ่าตนได้ทุกเมื่อ

หลัวซิวคาดการณ์ว่า ทั่วทั้งเขตนี้ที่ปกคลุมหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ น่าจะเป็นค่ายกลเหนือกว่าระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9 กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเหนือกว่าระดับเทพมาร บรรลุถึงระดับเทพฟ้าอีกด้วย

เพราะที่แห่งนี้มีข้อบังคับที่ซับซ้อนและชั้นสูงยิ่งกว่าแดนอนาคินแห่งโลกแสงดาว

ในบรรดาผู้คนทั้งหมด คนที่สะเทือนใจมากที่สุดก็หนีไม่พ้นเซวรี่และเนิร์ด เพราะว่าพวกเขาเติบโตมากับยอร์คตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ เดิมทียอร์คนั้นไม่มีทางมีที่จะมีพลังที่แข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้

“ยอร์ค เจ้า……” เซวรี่มองไปทางหลัวซิวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ที่นี่ไม่เหมาะสมกับเจ้า เจ้ารับไปเสียเถิด” หลัวซิวมองนางปราดหนึ่ง จึงได้เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและไม่แยแส

สำหรับเนิร์ดนั้น หลัวซิวไม่แม้แต่จะมองสักแวบหนึ่ง การกระทำของคนผู้นี้เมื่อครู่ ต่อให้ไม่ได้ผิดแต่อย่างใด แต่กลับทำให้รู้สึกว่ามันคือความขี้ขลาด

ยังไม่ทันได้สิ้นเสียง หลัวซิวก็หันหลังจากไปทันที จบการเดินทางพร้อมกับทั้งสองคนนี้ไว้เพียงตรงนี้ อย่างไรมันก็ได้เวลาแยกจากกันแล้ว

“เขาต้องไม่ใช่ยอร์คเป็นแน่” เนิร์ดพูดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ไม่ว่าเขาจะใช่ยอร์คหรือไม่ แต่เขาก็ช่วยข้าไว้” เซวรี่มองเนิร์ดด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

นางและยอร์คกับเนิร์ดนั้นโตมาด้วยกัน ตลอดมานั้นเนิร์ดต่างก็แสดงออกมาว่าตนเก่งกาจเพียงใด แต่ยอร์คกลับเป็นคนนิ่งเงียบไม่ค่อยพูด นางก็ชื่นชมเนิร์ดอย่างมาก หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ในวันข้างหน้าทั้งสองคนคงจะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

แต่เมื่อผ่านเรื่องนี้ นางได้เห็นมองเห็นตัวตนของเนิร์ดได้อย่างชัดเจน กลับกลายเป็นว่ายอร์คที่มักจะถูกนางมองข้ามอยู่ตลอดนั้นช่วยนางไว้ในช่วงเวลาที่อันตราย

นางไม่ได้เลือกที่จะออกจากเมืองทวยเทพ เพราะว่าได้ผ่านพ้นเรื่องราวเมื่อครู่ นางเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่านี่คือโลกที่โหดร้ายเกินคำบรรยาย เชิ่งถิงก็ไม่ได้เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างที่นางเคยคิดเอาไว้ เทวสว่างที่ตนเคารพบูชานั้น ก็ไม่ได้คุ้มครองปกป้องนางในวินาทีที่นางเจออันตราย

นางต้องการที่จะแข็งแกร่งให้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะต้องดำดิ่งลงไปในเมืองทวยเทพแห่งนี้ก็ตาม……

“เจ้าคนขี้ขลาด!”

เนิร์ดคิดจะออกจากเมืองทวยเทพ เขาคิดว่าที่แห่งนี้มันน่ากลัวเกินไป ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกตนที่เขาเคยจินตนาการไว้

แต่ว่าการกระทำเมื่อครู่นี้ของเขา มันดันไปขัดหูขัดตายอดฝีมือเผ่ามนุษย์อสูรคนหนึ่งเข้า ถูกฝ่ามือหนึ่งตบลงที่ศีรษะของเขา

วินาทีนั้น เลือดสดพร้อมกับน้ำสมองที่ผสมปนเปกันก็พุ่งกระฉูด เขายังไม่ทันได้หนีออกไปจากที่แห่งนี้ ก็ต้องมาตายเสียก่อน

นี่ เพียงแค่จุดเล็ก ๆ ของโลกที่โหดร้ายนี้เท่านั้น

……

เพราะว่า ข้อบังคับที่เหล่าทวยเทพกำหนดไว้นั้น ผู้แข็งแกร่งระดับเทพมารนั้นไม่สามารถก้าวเข้ามาในเขตที่ปกคลุมไปด้วยหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการไม่เคารพต่อทวยเทพ และจะเป็นการนำไปสู่การถูกลงโทษที่น่าหวาดกลัว

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์จะไม่ถูกควบคุม แต่ว่าอย่างมากที่สุดก็สามารถลงมือเช่นฆ่าจอมยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนด้อยกว่าตนเองหนึ่งแดนใหญ่เท่านั้น

นี่ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่ง แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ทุกคน อยู่ที่นี่ได้อย่างชนชั้นสูง

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเชิ่งถิง หรือกองกำลังต่าง ๆ ส่วนใหญ่ ต่างก็ส่งผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยมาที่แห่งนี้ เพื่อใช้ทรัพยากรของที่นี่

หลัวซิวเลือกที่จะมาที่นี่ ด้านหนึ่งก็เพื่อซ่อนตัวจากการไล่ฆ่าของผู้แข็งแกร่งแดนเชิ่งถิง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อค้นหาโอกาสในการยกระดับผลการฝึกตนของตนเอง

สิ่งที่เขาต้องทำเป็นสิ่งแรก ย่อมเป็นการทำความเข้าใจก่อนว่าหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นมีทรัพยากรอย่างใดอยู่บ้าง

จนถึงปัจจุบัน เขาก็เข้าใจเพียงแค่เมื่อฆ่าคนที่นี่ สามารถรับรู้ได้ถึงการสัมผัสรู้ของข้อมูลกฎบางอย่าง

การสัมผัสรู้ข้อมูลเหล่านี้เจือจางอย่างมาก หลัวซิวคิดว่าคุณสมบัติการสัมผัสรู้ของตนนั้นถือว่าอยู่ในระดับที่ดีมากแล้ว แต่กลับไม่สามารถได้รับสิ่งใดจากการสัมผัสรู้นี้เลย

นอกจากนี้ เขายังต้องเลือกค่าย ที่กลางเมืองทวยเทพมีสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดสองหลังตั้งตระหง่าน แบ่งออกเป็นตำหนักเทวสว่างและตำหนักเทวมืด