ตอนที่ 1339

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ง่ายมาก ด้วยพลังของธาตุทั้งห้า เจ้าสามารถหลอมกายหยาบห้าธาตุได้” หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส

ในดินแดนแห่งเซียนนั้นหอคอยทมิฬสมควรเป็นสมบัติระดับสูง ซึ่งในดินแดนแห่งเซียนย่อมมีจอมยุทธระดับเซียนเช่นเซียนหวู่เซียงอยู่ทั่วทุกที่ ในสายตาของหอคอยน้อยเซียนหวู่เซียงจึงไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าสุนัข

“สอนข้าที” หลิงกล่าว คำสัญญาที่ให้ไว้กับเซียนหวู่เซียนเขาจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ

หอคอยน้อยบอกวิธีการควบแน่นพลังของธาตุทั้งห้าเพื่อสร้างกายหยาบห้าธาตุให้กับหลิงฮัน ยิ่งกว่านั้นเขายังบอกถึงวิธีผนึกตราประทับลงไปด้วย ขอแค่หลิงฮันนึกคิด กายหยาบห้าธาตุก็จะแหลกสลาย

นี่ผนึกตราประทับเช่นนี้ลงไปก็เพื่อป้องกันหากเซียนหวู่เซียงเกิดความคิดชั่วร้าย หากอีกฝ่ายไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเขาฟื้นพลังแห่งเซียนกลับมาได้แล้วคิดจะครอบครองหอคอยทมิฬล่ะ?

หลิงฮันเห็นด้วยกับคำแนะนำของหอคอยน้อยหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่

ขอแค่เมื่อวัตถุดิบพร้อม การสร้างกายหยาบห้าธาตุย่อมทำได้ง่ายมาก หลิงฮันรีบลงมือสร้างกายหยาบห้าธาตุทันที ด้วยการที่กายหยาบนี้ถูกสร้างขึ้นจากธาตุทั้งห้าของหอคอยทมิฬ พลังของกายหยาบจึงทรงพลังอย่างมาก

แต่หากไม่มีวิญญาณ กายหยาบนี้ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

หลิงฮันครุ่นคิดก่อนที่จะสร้างกายหยาบขึ้นอีกร่างให้กับจักรพรรดิจอมอสูร

“ผู้อาวุโส นี่คือกายหยาบห้าธาตุที่ข้าสัญญาเอาไว้” หลิงฮันกล่าวก่อนจะนำกายหยาบออกมาที่ใต้ต้นสังสารวัฏ

ก้อนวิญญาณของเซียนหวู่เซียนสั่นสะท้านอย่างรุนแรง แม้เขาจะเตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว แต่เมื่อวันนี้มาถึงจริงๆ ต่อให้เขาเป็นตัวตนระดับเซียนก็ต้องมีหวั่นไหวกันบ้าง

เพียงแต่ว่าเซียนก็ยังคงเป็นเซียนที่ผ่านฟ้าผ่านฝนมาไม่รู้มากมายเท่าไหร่ เซียนหวู่เวียงสงบสติอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาก้อนวิญญาณเขาก็ลอยเข้าไปในกายหยาบ

‘ตึก’ นิ้วมือของกายหยาบห้าธาตุขยับก่อนที่จะลืมตาและลุกขึ้นยืน

กายหยาบนี้ได้กลายเป็นเซียนหวู่เซียงเรียบร้อยแล้ว

เขายกมือขึ้นและจ้องมองด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าแสดงออกถึงความปีติยินดีอย่างปิดไม่มิด

ต่อให้เขาเป็นเซียนเขาก็ไม่มีความสามารถในการเกิดใหม่ด้วยตนเอง ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่ากายหยาบนี้แม้จะยังอ่อนแอแต่ก็แฝงไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

ต่อให้ร่างกายนี้จะถูกสร้างขึ้นจากพลังของธาตุทั้งห้า แต่มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับร่างกายมนุษย์ทั่วไปเลย ตอนนี้ระดับพลังของเซียนหวู่เซียงยังเป็นเพียงมนุษย์ทั่วไป แต่กายหยาบห้าธาตุนั้นไม่มีขีดจำกัดใดๆเหมือนร่างกายมนุษย์ เขาสามารถบรรลุระดับพลังได้ทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับทลายมิติ ระดับดารา หรือแม้แต่ระดับสร้างสรรพสิ่ง

ครืนนน!

เซียนหวู่เซียนควบตั้งสมาธิและปลดปล่อยอำนาจของไร้เทียมทานออกออกมา ออร่าที่สัมผัสได้จากตัวเขาคือออร่าของระดับสร้างสรรพสิ่ง

ภายในหอคอยทมิฬหลิงฮันย่อมไม่หวาดกลัวต่อออร่าของระดับสร้างสรรค์พสิ่ง แต่เขาสัมผัสได้ว่าหากเป็นโลกภายนอก เซียนหวู่เซียนจะต้องทรงพลังมากเป็นแน่

ด้วยออร่าเช่นนี้เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว!

“ผู้อาวุโสควรรีบฟื้นฟูพลังบ่มเพาะกลับมาให้เร็วที่สุด” หลิงฮันนำเม็ดยาออกมา ด้วยเม็ดยาที่หลอมขึ้นจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ เซียนหวู่เซียงย่อมสามารถบ่มเพาะพลังกลับสู่ระดับภูผาวารีได้อย่างรวดเร็ว และตั้งแต่ระดับภูผาวารีขึ้นไป เซียนหวู่เซียงมีประสบการณ์ทำความเข้าใจกฎแห่งเต๋ามาหมดแล้ว สิ่งที่เขาจำเป็นเพื่อทะลวงผ่านระดับคือสะสมพลังปราณเพียงอย่างเดียว

“เอาล่ะ ข้า… ชายชราผู้นี้…” เซียนหวู่เซียงตื่นเต้นจนไม่รู้ว่าจะเรียกแทนตนเองว่าอย่างไร “เอาล่ะ ข้าจะบ่มเพาะพลังให้ตัวเองกลับมามีพลังระดับภูผวารีเป็นอย่างน้อย”

หลิงฮันยิ้มก่อนจะเรียกจักรพรรดิจอมอสูรออกมา

“นายท่านผู้ใหญ่ของข้า ท่านเรียกจักรพรรดิน้อยผู้ซื่อสัตว์ออกมาด้วยเหตุอันใด?” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยถ้อยคำประจบประแจงอย่างถึงที่สุด เขาจ้องมองหลิงฮันที่ทะลวงผ่านระดับดาราแล้วด้วยแววตาที่ส่องประกาย

ยิ่งนายท่านของเขาแข็งแกร่ง เขาก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นไปด้วย ดังนั้นต่อหน้าหลิงฮันแล้วเขาจึงทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อซื้อใจหลิงฮัน

หลิงฮันนำกายหยาบห้าธาตุออกมาและกล่าว “นี่คือร่างกายของเจ้า จงบ่มเพาะพลังซะ”

จักรพรรดิจอมอสูรไม่กล่าวอะไรและเข้าสิงกายหยาบทันที คำพูดของหลิงฮันเป็นเหมือนคำสั่งที่ไม่อาจขัดขืนได้สำหรับเขา

“นายท่าน เหตุใดร่างกายนี้ถึงได้อ่อนแอเช่นนี้?” จักรพรรดิจอมอสูรตกตะลึง ร่างกายนี้ทำให้เขารู้สึกได้พลังแฝงอันแข็งแกร่ง แต่ระดับพลังของร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป

“แน่นอนว่ามันต้องอ่อน มันคือร่างกายมีทีระดับพลังของมนุษย์ทั่วไป” หลิงฮันยิ้ม

“เอ่อ…” จักรพรรดิจอมอสูรมึนงง

หลิงฮันกล่าวต่อ “แม้ร่างกายนี้จะไม่ทรงพลัง แต่มันสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด แม้ในตอนแรกจะอ่อนแอ แค่ข้าเชื่อว่าหากบ่มเพาะพลังด้วยร่างกายนี้อีกไม่นานมันจะเหนือกว่าระดับพลังปัจจุบันของเจ้า”

“อีกอย่าง หากเจ้ามีวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพแต่มีกายหยาบของพลังธาตุดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าย่อมสามารถสื่อสารกับสวรรค์และปฐพีของทั้งสองดินแดนได้ ในอนาคตเจ้ามีโอกาสสูงมากที่จะเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองไปพร้อมๆกับทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง!”

จักรพรรดิจอมอสูรชะงักก่อนที่จะระเบิดน้ำตาและกล่าว “ขอบคุณนายท่านมาก จักรพรรดิน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้นายท่านผิดหวัง”

แน่นนอนว่าเขาก็แค่พูดออกไปอย่างไม่จริงจัง การจะบรรลุเป็นเซียนได้นั้นยากลำบากขนาดไหน แถมยังต้องเริ่มบ่มเพาะพลังใหม่จากศูนย์ด้วย

จักรพรรดิจอมอสูรไม่คิดว่าตัวเองจะทำเช่นนั้นได้

ความคิดของเขานั้นไม่มีอะไรยาก เขาต้องการเป็นสุนัขรับใช้ของหลิงฮันและไล่กัดคนไปทั่ว เขามั่นใจว่าหลิงฮันจะต้องสามารถกลายเป็นเซียนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน ต่อให้เข้าไปในดินแดนแห่งเซียนซักวันหลิงฮันก็ต้องกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลัง

หลิงฮันหัวเราะก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา “ขยันบ่มเพาะพลังให้ดี ถ้าข้าเห็นว่าการพัฒนาของเจ้าเชื่องช้ากว่าเซียนหวู่เวียง ข้าจะลงโทษเจ้า”

“อะไรกัน!” จักรพรรดิจอมอสูรโอดครวญ รู้ทั้งรู้ว่าเซียนหวู่เวียนนั้นครั้งหนึ่งเคยเป็นตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งมาก่อน ต่อให้จะเริ่มบ่มเพาะพลังจากศูนย์เหมือนกัน แต่ความเร็วของอีกฝ่ายจะต้องรวดเร็วกว่าเขาแน่นอน

“นายท่าน!” จักรพรรดิจอมอสูรทำสีหน้าอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา

“ยังไม่รีบบ่มเพาะพลังอีก?” หลิงฮันกล่าว

“ข้าจะทำเดี๋ยวนี้!” จักรพรรดิจอมอสูรไม่มีทางเลือกอื่น เขาเดินไปนั่งต้นสังสารวัฏและเริ่มบ่มเพาะพลัง

ทีนี้ก็ถึงเวลาชำระหนี้แค้นกับห้านิกายโบราณแล้ว!

หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและลอยตัวออกจากที่นี่ ตอนนี้หุบเหวนรกไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอีกต่อไป สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายหน้าถ้ำที่เป็นตัวการดูดทุกคนลงมาจากด้านบนหุบเหวได้ถูกบดขยี้ไปแล้ว ผ่านไปไม่นานเขาก็กลับขึ้นสู่พื้นดินด้านบน