อี้ลั่วเอ๋อและกลุ่มคนของนางเดินผ่านประตูมิติของหลิงฟ่างหัวปรากฏกายขึ้นกลางท้องพระโรงโดยตรง ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ที่จู่ ๆ หลิงฟ่างหัวส่งคนเข้ามากลางท้องพระโรงนั้นเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่สำหรับเหล่าขุนนาง
แต่ครั้งนี้เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะรอบนี้เป็นภูตนางฟ้าหลายตนที่ปรากฏกายขึ้น
ด้วยรูปร่างและหน้าตาอันงดงามของเหล่าภูตนางฟ้านั้นทำให้บรรดาขุนนางทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองด้วยสายตาหลงใหลอยู่หลายรอบ
“องค์หญิงอี้ลั่วเอ๋อแห่งเผ่าภูตนางฟ้าพร้อมคณะ ขอถวายบังคมฝ่าบาทเพค่ะ!” อี้ลั่วเอ๋อคารวะด้วยท่าทีจริงจัง
วันนี้นางมาหาหลิงยี่เทียนในฐานะผู้แทนของเผ่านาง ไม่ใช่ในฐานะของผู้ติดตามของหลิงตู้ฉิง ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีเป็นการเป็นงานแตกต่างออกไปจากเดิม
“ทำตัวตามสบายเถอะ!” หลิงยี่เทียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นการเป็นงานเช่นกัน “องค์หญิง วันนี้ท่านพาคนของท่านมาที่นี่เพราะเรื่องอะไรงั้นเหรอ? ว่าแต่ข้าได้ยินว่าพ่อของข้ามีปัญหาบางอย่างที่เขตแดนอุดรทมิฬ ตอนนี้เขาปกติดีแล้วรึยัง?”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่านายท่านจะเป็นปกติดีแล้วฝ่าบาท แถมระดับการบ่มเพาะของนายท่านตอนนี้เกือบจะทะลวงขึ้นไปถึงระดับสวรรค์สามัญแล้วด้วย!” อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ “ส่วนครั้งนี้ที่ข้าพาคนของข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นเพราะว่าเผ่าภูตนางฟ้าของข้าต้องการทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรจันทราของฝ่าบาทเพคะ!”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปรึกษาหารือเกี่ยวกับข้อตกลงที่พวกเขาจะทำร่วมกันอยู่สักพัก
ทางด้านป่าภูตนางฟ้ามีเป้าหมายหลัก ๆ ก็คือการได้รับความช่วยเหลือของอาณาจักรจันทราโดยแลกกับการที่เผ่าภูตนางฟ้าจะยินยอมให้อาณาจักรจันทราเคลื่อนทัพผ่านป่าภูตนางฟ้า เพื่อออกไปยึดดินแดนในภูมิภาคตงซวน
หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ ทั้งสองฝ่ายก็สามารถตกลงกันได้เรียบร้อย จากนั้นหลิงยี่เทียนจึงพูดขึ้นว่า “องค์หญิงอี้คงไม่มีปัญหาใช่ไหมถ้าหากในเวลาอีกไม่นานข้าจะเคลื่อนทัพผ่านดินแดนของท่านเพื่อขยายอาณาเขตของข้า?”
อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ “เกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่ข้าจะมา ท่านแม่ได้พูดกับข้าเอาไว้ก่อนแล้วว่าถ้าหากฝ่าบาทยินยอมให้พวกเราปกครองตัวเองต่อไปเหมือนเดิม หลังจากที่พวกเราทำข้อตกลงกันเสร็จ ฝ่าบาทสามารถเคลื่อนทัพผ่านดินแดนของเราเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ท่านสะดวก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราเองจะคอยสนับสนุนท่านโดยช่วยรับหน้าที่ลำเลียงเสบียงที่จำเป็นให้กับทหารของฝ่าบาทอีกต่างหาก”..
“อันที่จริงหากฝ่าบาทมีแผนจะเคลื่อนทัพเร็ว ๆ นี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ป่าภูตนางฟ้าของข้าถูกกองกำลังอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงรุมโจมตี ซึ่งนายท่านได้ทำการขับไล่กองกำลังเหล่านั้นออกไปหมดแล้วจนตอนนี้เหลือแค่เพียงขั้นตอนสุดท้ายคือการรอให้นายท่านบ่มเพาะเสร็จ จากนั้นนายท่านจะออกไปกวาดล้างกองกำลังเหล่านั้นที่ดินแดนบ้านเกิดของพวกเขาอีกที ดังนั้นหากฝ่าบาทเคลื่อนทัพเลย ท่านน่าจะทันได้ผนึกกำลังกับนายท่านเข้าโจมตีอาณาจักรอ้าวเฟิงและกองกำลังอื่น ๆ ที่อยู่รอบป่าภูตนางฟ้าและยึดครองพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “แน่นอนว่าข้าตกลงอยู่แล้วสำหรับเรื่องที่เผ่าของท่านจะได้มีสิทธิ์ในการปกครองตัวเอง ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในของเผ่าท่านแน่นอน และถ้าหากมีใครกล้ารังแกเผ่าของท่านอีกในอนาคต ท่านสามารถส่งคนมาขอความช่วยเหลือจากข้าได้เสมอ ส่วนเรื่องการเคลื่อนทัพ แน่นอนว่าหลังจากที่ข้าจัดทัพเสร็จและปรึกษากับท่านพ่อของข้าอีกรอบ หากท่านพ่อของข้าไม่มีอะไรขัดข้องข้าจะเคลื่อนทัพทันทีเช่นกัน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเข้าใจ เมื่อถึงเวลาเผ่าของข้าจะต้อนรับท่านและคนของท่านเป็นอย่างดี!” อี้ลั่วเอ๋อหัวเราะ
หลังจากตกลงกันเสร็จ หลิงยี่เทียนจึงให้คนของเขาไปส่งคณะของอี้ลั่วเอ๋อที่คฤหาสน์สราญรมย์ ส่วนตัวของเขาเองนั้นยังคงปรึกษาหารือกับเหล่าขุนนางของเขาในท้องพระโรงต่อ
หลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่หลังจากอาณาจักรจันทรายึดครองอาณาเขตนภาได้ทั้งหมด บวกกับเหลียนปู้ชิงที่ได้รับการถ่ายทอดทักษะการสร้างสมบัติวิเศษจากหลิงตู้ฉิง และหวงอี้เฟยที่ได้รับทักษะหลอมโอสถ ซึ่งพวกเขาก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอาณาจักร ทำให้อาณาจักรจันทราก็พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด
ความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราในตอนนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถยึดครองอาณาเขตต่าง ๆ ได้อย่างสบาย ๆ แต่ด้วยเหตุผลที่หลิงตู้ฉิงเคยสั่งห้ามไว้ไม่ให้พวกเขาลงมือทำอะไรบุ่มบ่ามในช่วงนี้ หลิงยี่เทียนจึงได้แต่รอคำสั่งของพ่อของเขา ซึ่งตอนนี้มันก็เหมือนว่าโอกาสที่เขาจะได้ลงมือนั้นกำลังมาถึงแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้พ่อของเขาอนุญาตอีกที ซึ่งเขาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลิงยี่เทียนจึงส่งข่าวให้คนในครอบครัวของเขาทุกคนเตรียมตัวเดินทางไปหาพ่อของเขาพร้อมกันที่ป่าภูตนางฟ้า
“ดูแลที่นี่ให้ดี ๆ หากมีใครที่เจ้าไม่รู้จักเดินทางผ่านประตูเคลื่อนย้ายเข้ามา เจ้าจงจับตัวมันเอาไว้ก่อน อย่าให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียวเจ้าเข้าใจไหม!” มี่ไลออกคำสั่งกับง้าวเทวะพินาศ
ในทางกลับกัน ง้าวเทวะพินาศไม่ตอบโต้อะไรนางสักนิด มันเอาแต่นอนหลับตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เมื่อเห็นว่าหมาแก่จงใจแสดงท่าทีไม่สนใจนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะเตะมันไป 2-3 ทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายตามคนอื่น ๆ ไป
หลังจากนั้นเมื่อบรรดาสมาชิกในครอบครัวของหลิงตู้ฉิงเดินทางไปถึงป่าภูตนางฟ้า จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็เป็นคนออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง
“ฝ่าบาท แล้วสามีของข้าล่ะเขาอยู่ที่ไหน?” จ้าวเหมิงลู่ถามขึ้น
เมื่อได้ยินคำถามนี้ จักรพรรดินีภูตนางฟ้าแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนในทันทีและตอบว่า “เอ่อ…นายหญิงตอนนี้องค์เหนือหัวกำลังบ่มเพาะอยู่ แต่สภานการณ์ของเขาตอนนี้ค่อนข้างจะแปลกไปสักหน่อย ร่างกายของเขาตอนนี้มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิม…”
“หืม? ตัวใหญ่ขึ้น? ถ้างั้นเดี๋ยวท่านช่วยพาพวกเราไปหาเขาที ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง” จ้าวเหมิงลู่พูดขึ้น
“ได้แน่นอนนายหญิง เชิญตามข้ามาได้เลย” จากนั้นจักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็นำทุกคนเดินไปหาหลิงตู้ฉิงที่ห้องนอนของนาง
ในเวลานี้ร่างกายของหลิงตู้ฉิงนั้นแปลกไปจริง ๆ เพราะเขากลายเป็นคนที่มีร่างสูงกว่ามากกว่า 10 เมตร
หลิงฟ่างหัวยืนดูพ่อของนางอยู่นานแล้ว เมื่อนางเห็นว่าคนอื่น ๆ เดินเข้ามา นางจึงรีบตะโกนขึ้นกวักมือเรียกทุกคนให้เข้ามาใกล้ ๆ และพูดว่า “ตอนนี้ร่างกายของท่านพ่อแปลกมาก ๆ เลย ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ ๆ ตัวของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นได้ขนาดนี้”
มี่ไลยิ้ม “เหตุผลที่พ่อของเจ้าตัวใหญ่ขึ้นก็เพราะเขากำลังบ่มเพาะร่างกายธาตุไม้ ซึ่งพลังชีวิตคือส่วนประกอบหลักของธาตุไม้ ดังนั้นด้วยพลังชีวิตที่เพิ่มพูนเข้าไปในร่างของเขาอย่างมหาศาล มันจึงทำให้ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้น เอาไว้เดี๋ยวรอให้เขาบ่มเพาะเสร็จร่างกายของเขาก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ
จากนั้นเมื่อทุกคนรู้ว่าหลิงตู้ฉิงไม่มีปัญหาอะไร พวกเขาจึงแยกย้ายกันออกไปเที่ยวชมความงดงามของป่าภูตนางฟ้า เพื่อรอเวลาให้หลิงตู้ฉิงบ่มเพาะร่างเบญจธาตุเสร็จ