นับจากวันที่ครอบครัวของเขามาถึงป่าภูตนางฟ้า หลิงตู้ฉิงก็ใช้เวลาบ่มเพาะร่างเบญจธาตุต่อไปอีก 10 ปี จนขนาดของร่างกายเขากลับมาเป็นปกติ
ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมานี้ ครอบครัวของเขาทุกคนก็ไม่จากไปไหนเช่นกัน แม้แต่หลิงยี่เทียนเองก็ไม่ได้กลับไปที่อาณาจักรจันทรา
อาณาจักรจันทราในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยเหล่าคนที่มีความสามารถอยู่มากมาย ดังนั้นการที่หลิงยี่เทียนจะไม่อยู่ว่าราชการสัก 10 หรือ 20 ปีมันจึงไม่ใช่ปัญหาอะไร หรือถ้ามีเรื่องใหญ่จริง ๆ พวกเขาก็แค่ให้คนเดินทางมาที่ป่าภูตนางฟ้าเพื่อแจ้งหลิงยี่เทียนก็เท่านั้น
หรือถ้ามีใครคิดแผนการกบฏในระหว่างที่เขาไม่อยู่จริง ๆ คนผู้นั้นก็ทำตัวไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเพราะด้วยความแข็งแกร่งของหลิงตู้ฉิง มีใครบ้างที่จะสามารถต่อกรกับเขาได้?
เมื่อเห็นว่าร่างกายของหลิงตู้ฉิงกลับมาเป็นปกติแล้ว ทุกคนก็รอวันที่หลิงตู้ฉิงจะลืมตาตื่นขึ้น
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน จู่ ๆ ร่างกายของหลิงตู้ฉิงกลับแผ่รัศมีพลังอันแปลกประหลาดออกมา ซึ่งมันคล้ายกับอำนาจของทักษะอาณาเขตสวรรค์มาก แต่ทุกคนรู้สึกถึงมันแค่เพียงครู่เดียว จากนั้นมันก็จางหายไปจนไม่อาจจับสัมผัสได้อีกต่อไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อกัน?” หลิงฟ่างหัวอุทานขึ้นด้วยสีหน้าสับสน
มี่ไลยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะพ่อของเจ้าเพิ่งอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 13 อาณาเขตสวรรค์ของเขาจึงยังก่อรูปไม่สำเร็จ สิ่งที่เจ้าเห็นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่การก่อรูปขั้นต้นของอาณาเขตสวรรค์ของเขาเท่านั้น เหตุการณ์แบบนี้หาดูได้ยากมากเพราะมันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออาณาเขตสวรรค์ของผู้บ่มเพาะต้องมีอำนาจเหนือล้ำจริง ๆ และถ้าหากอาณาเขตสวรรค์ของเขาก่อรูปเสร็จเมื่อไหร่ คนธรรมดาจะไม่มีวันจับสัมผัสการดำรงอยู่ของมันได้เลย”
ในเวลาเดียวกัน หลิงตู้ฉิงก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น และเมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ครอบครัวของเขาอยู่กันพร้อมหน้า เขาจึงยิ้มและทักทายทันที “พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันครบทุกคนเลยงั้นเหรอ!”
“ท่านปู่!” ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบกลับ คนที่ไวที่สุดกลับเป็นเด็กน้อยลูกของหลิงยู่ชาน หลิงเจิ้นฮุย ซึ่งในตอนนี้รีบวิ่งเข้าไปกระโดดเกาะหลิงตู้ฉิงเรียบร้อยแล้ว
ด้วยสายเลือดที่เหนือล้ำกว่าคนอื่น ๆ หลิงเจิ้นฮุยที่ยังคงเป็นเด็กน้อยตอนนี้กลับมีระดับการบ่มเพาะปาเข้าไปขอบเขตนภาเรียบร้อยแล้ว
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงยู่ชาน จากนั้นเขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
หลังจากผ่านไปนับร้อยปีที่พลังสายเลือดของหลิงยู่ชานถูกขโมยไป ในวันนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชานได้ทะลวงเข้าสู่ระดับสวรรค์สามัญเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความพิเศษของเส้นทางการบ่มเพาะของเขา มันจึงทำให้กลิ่นอายของเขาดูไม่โดดเด่นและไม่น่าเกรงขามเหมือนคนอื่น ๆ ซึ่งจะมีก็แต่หลิงตู้ฉิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าหลิงยู่ชานในตอนนี้มีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของทุกคนต่างก็ทะลวงขึ้นไปเหนือระดับสวรรค์กันหมดแล้วเช่นกัน จะมีก็แต่หลิงว่านถิงที่อยู่ที่สำนักเต๋าสวรรค์ หลิงเทียนหยุนที่อยู่กับหยิงหยิง และหลิงไช่หยุนที่อยู่ในภูเขาฟีนิกซ์ที่เขาไม่เห็นว่าตอนนี้พัฒนาไปขนาดไหนแล้ว แต่หลิงตู้ฉิงก็มั่นใจมากว่าพวกเขาน่าจะบ่มเพาะไปไกลแล้วเช่นกัน..
“ท่านพ่อ ตอนนี้ข้ากำลังรอคำอนุญาตของท่านอยู่ ข้าขยายอาณาเขตได้รึยัง?” หลิงยี่เทียนถามขึ้นทันที “หลายปีที่ผ่านมานี้ข้าสั่งสมกำลังไว้เป็นจำนวนมาก ข้ามั่นใจว่าด้วยความแข็งแกร่งอาณาจักรจันทราตอนนี้ การสยบอาณาเขตรอบ ๆ ป่าภูตนางฟ้าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ที่พ่อสั่งห้ามไม่ให้เจ้าขยายอาณาเขตก็เพราะพ่อต้องการให้เจ้าสั่งสมความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก่อน และในเวลาเดียวกันพ่อจะได้ตามหาว่าใครกันแน่ที่เป็นภัยคุกคามกับเราจริง ๆ ซึ่งในเวลานี้พ่อรู้แล้วว่าศัตรูที่แท้จริงของพวกเราคือตำหนักดับเซียน”
“ดังนั้นหลังจากที่พวกเราจัดการกับอาณาเขตรอบ ๆ ป่าภูตนางฟ้าเสร็จ พ่อจะกลับไปที่อาณาเขตนภาเพื่อวางมหาค่ายกลป้องกันที่นั่นจากเหล่าศัตรูของเรา ส่วนตัวเจ้าเองหลังจากนี้เจ้าสามารถที่จะขยายอาณาเขตได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าทุกครั้งที่เจ้าออกนอกอาณาเขตนภา เจ้าจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิติดตามไปด้วยอย่างต่ำ 2 คน ไม่เช่นนั้นโอกาสรอดของเจ้าเมื่อเจ้าเผชิญหน้ากับเหล่ามือสังหารของตำหนักดับเซียนนั้นจะริบหรี่เป็นอย่างมาก”
“และเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับจำนวนของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิ หลังจากนี้พ่อจะใช้สถานะของพ่อที่พวกภูตดินเห็นว่าพ่อเป็นผู้ส่งสาสน์ของพระเจ้า บอกให้พวกเขาแบ่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิมาช่วยงานเจ้า แต่เจ้าก็ต้องตอบแทนพวกเขาด้วยเช่นกัน ตอนนี้พวกเขามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องผลิตทายาทให้ได้เร็วที่สุด ดังนั้นเมื่อไหร่ที่พวกเขาไปถึงอาณาจักรจันทรา เจ้าก็จงถามความสมัครใจของประชาชนของเจ้าว่ามีใครเต็มใจจะแต่งงานกับพวกเขาไหม หากไม่มีเจ้าก็อย่าได้บังคับใคร แต่ถ้ามีเจ้าก็ให้คนเหล่านั้นแต่งงานกับเหล่าภูตดินให้หมด ด้วยวิธีนี้ทุกฝ่ายล้วนได้ประโยชน์เหมือนกัน”
“แต่ด้วยระยะทางที่อาณาเขตเหยาชานของพวกภูตดินค่อนข้างไกล ดังนั้นหลังจากนี้ฟ่างหัวจะต้องเดินทางไปที่นั่นเพื่อทำการติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายให้กับพวกเขา และด้วยวิธีนี้พวกเราจะได้มีประตูมิติที่อยู่ใกล้กับเขตแดนอุดรทมิฬเป็นของตัวเอง ส่วนภูมิภาคตงซวนนั้นพวกเราสามารถใช้ประตูเคลื่อนย้ายของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้ ยกเว้นแต่ภูมิภาคอี้ซางที่ในตอนนี้เจ้ายังไม่มีความเจ็บเป็นต้องไป เนื่องจากสถานการณ์ที่นั่นมันค่อนข้างซับซ้อนและสุดท้ายภูมิภาคซ่งหยวน พ่อจะไปที่นั่นด้วยตนเองและเจรจากับทำเนียบราชันมนุษย์ ซึ่งพ่อคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“และสุดท้ายอย่าลืมว่าเจ้าต้องเตรียมตัวไปสำนักเที่ยงธรรมเพื่อสนับสนุนครูถังของเจ้า ซึ่งในตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่ร้อยปีแล้ว และการไปที่นั่นเจ้าจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ พวกเจ้าทุกคนต้องพัฒนาระดับการบ่มเพาะของตนเองให้เร็ว เนื่องจากการสนับสนุนครูถังของพวกเจ้าก็คือการที่พวกเจ้าจะต้องปะทะกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากมาย!”
เมื่อฟังจนจบ หลิงยี่เทียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อของเขาถึงไม่ยอมให้เขาออกจากอาณาเขตนภาหากไม่จำเป็น และทั้งเขาและคนอื่น ๆ ในเวลานี้ก็ได้รู้แล้วว่าในอนาคตพวกเขาต้องทำอะไรกันบ้าง
หลิงตู้ฉิงพูดต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าทุกคนก็จงแยกย้ายกันไปตั้งใจบ่มเพาะต่อได้แล้ว และแน่นอนว่าหากพวกเจ้าคนไหนสงสัยในเรื่องอะไร พวกเจ้าสามารถมาถามพ่อได้โดยตรง ส่วนเรื่องการบุกอาณาเขตรอบ ๆ ไว้รอให้พ่อทะลวงระดับไปถึงสวรรค์สามัญก่อน จากนั้นพวกเราค่อยยกทัพไปโจมตีอาณาจักรเหล่านั้นพร้อมกัน ยี่เทียน เจ้าเองก็จงไปเตรียมทหารของเจ้าไว้ให้พร้อม พ่อจะช่วยเจ้าโจมตี 3 อาณาเขตรอบ ๆ ป่าภูตนางฟ้าเพื่อที่ในอนาคตเจ้าจะได้มีอาณาเขตแถว ๆ นี้อยูใต้การปกครอง”
หลิงยี่เทียนหัวเราะ “ท่านพ่อ อันที่จริงตอนนี้คนของข้าเตรียมพร้อมกันหมดแล้ว ทำไมท่านถึงไม่ให้ข้าลงมือเองซะเลยล่ะท่านพ่อ ท่านจะได้ไม่ต้องเปลืองแรงด้วย”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “ป่าภูตนางฟ้านั้นนับว่าเป็นคนของพ่อ ดังนั้นการโจมตีล้างแค้นนี้พ่อต้องจัดการด้วยตัวเอง และอีกอย่างหากเจ้าส่งกองทหารจำนวนมากของเจ้าผ่านประตูเคลื่อนย้ายเข้ามา มันจะทำให้เจ้าสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ เอาเป็นว่าเจ้าแค่ส่งเหล่าคนที่เป็นแกนหลักมาก็พอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิงยี่เทียนจึงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าจะทำตามที่ท่านพ่อสั่ง ข้าจะคัดเลือกคนมาที่นี่แค่กลุ่มเดียวเพื่อรอฟังคำสั่งของท่าน!”
“อืม รีบไปจัดการเถอะ” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ส่วนพวกเจ้าที่เหลือก็ด้วยจงแยกย้ายกันไปบ่มเพาะต่อได้แล้ว! ข้าไม่ได้เจอกับแม่ของพวกเจ้ามานาน ข้ามีเรื่องจะคุยเป็นการส่วนตัวกับพวกนางเหมือนกัน อ๋อ ยู่ช่าน หลังจากที่พ่อคุยกับบรรดาแม่ของเจ้าเสร็จ เดี๋ยวพ่อจะเสริมพลังสายเลือดให้เจ้าอีกรอบหนึ่ง ก่อนหน้านี้พ่อได้เลือดดี ๆ มาเยอะเลย!”
หลิงยู่ชานหัวเราะ “ถ้างั้นข้าจะมาหาท่านใหม่หลังจากท่านคุยเสร็จก็แล้วกันนะท่านพ่อ!”
หลังจากนั้นบรรดาลูก ๆ ของหลิงตู้ฉิงก็เดินออกไปเหลือเพียงแต่บรรดาภรรยาของเขาเท่านั้นที่ยังอยู่และเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา