หลิงตู้ฉิงคุยกับเหล่าภรรยาของเขาอย่างร้อนแรงอยู่พักใหญ่ก่อนที่สุดท้ายเขาจะไปหาหลิงยู่ชาน เพื่อนำเลือดของสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่แข็งแกร่งไปมอบให้และถามขึ้นว่า “เจ้าอยากให้พ่อช่วยกลั่นเลือดเหล่านี้ให้ก่อนไหม?”
หลิงยู่ชานส่ายหัว “ไม่เป็นไรท่านพ่อ ข้าจัดการเองได้”
ในตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชานได้ก้าวมาถึงระดับสวรรค์สามัญแล้ว ดังนั้นหลิงยู่ชานจึงสามารถดูดซับเลือดทุกแบบได้ด้วยตัวเองไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
“อืม พ่อจะตามใจเจ้า” หลิงตู้ฉิงไม่ดื้อดึง “เลือดเหล่านี้ที่พ่อมอบให้เจ้าเป็นเลือดที่ได้มาจากเผ่าพันธุ์ธรรมดาเพื่อให้เจ้าใช้พวกมันในการเสริมสร้างรากฐานให้มั่นคงขึ้น เอาไว้ในอนาคตเมื่อเจ้าพร้อมเมื่อไหร่ พ่อจะให้เลือดที่แข็งแกร่งมากขึ้น อันที่จริงตอนนี้พ่อมีเลือดของฟีนิกซ์เก้ายมโลก เลือดของผู้ปกครองอาณาเขตเงาทมิฬและบรรพบุรุษของเผ่าอสูรสงครามทมิฬ ซึ่งคุณสมบัติของพวกมันแข็งแกร่งเกินไป หากให้เจ้าดูดซับในตอนนี้มันจะมีแต่ปัญหาตามมา”
หลิงยู่ชานยิ้มและพูดว่า “จริงสิ ข้ายังไม่ได้ยินดีกับท่านพ่อเลยที่ในที่สุดท่านก็ได้พบกับคนรักเก่า!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพยักหน้าให้กับหลิงยู่ชาน
ใรบรรดาลูก ๆ ของเขาทุกคน หลิงยู่ชานคือคนที่มีรากฐานการบ่มเพาะมั่นคงที่สุดและความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น และในตอนนี้ลูกชายของเขาคนนี้ก็มีลูกแล้ว เขาจึงมีความรู้สึกยินดีแบบแปลก ๆ
“แล้วน้องสาวของเจ้า 2 คนนั่นกลับมาเรือนบ้างรึเปล่า?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หลิงยู่ชานรู้ว่าหลิงตู้ฉิงหมายถึงใคร เขาพยักหน้าและตอบกลับ “หลังจากประตูเคลื่อนย้ายสร้างเสร็จ พวกนางทั้งคู่ก็กลับมาบ้างท่านพ่อ โดยเฉพาะระดับการบ่มเพาะของน้องเจ็ดนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากจนน่าเป็นห่วง ตอนนี้นางทะลวงไปถึงระดับเหนือล้ำแล้ว ข้าจึงเตือนนางไปว่าให้เน้นไปที่รากฐานก่อน แต่นางกลับตอบข้าว่าเส้นทางการบ่มเพาะของนางไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ…”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “นางไม่ได้โกหกเจ้าหรอก ทุกวันนี้นางก็เอาแต่นอนอยู่ในโพรงต้นเพลิงสวรรค์ ซึ่งมันเป็นวิธีการบ่มเพาะเฉพาะของเผ่าฟีนิกซ์อย่างนาง เอาเป็นว่าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนางไปหรอก”
หลิงยู่ชานพยักหน้าพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ค่อยโล่งใจหน่อย! ข้าเป็นห่วงนางอยู่มากกลัวว่ารากฐานของนางจะไม่มั่นคงจนทำให้มีปัญหาในภายหลัง อ๋อยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากปรึกษากับท่าน ก่อนหน้านี้หมิงจู้เข้ามาหาข้าและบอกว่านางต้องการที่จะร่วมเดินทางไปหาครูถังกับข้าด้วย ท่านพ่อคิดว่าถ้าข้าพานางไปมันจะมีปัญหาอะไรไหม?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “พวกเจ้าเองก็โต ๆ กันแล้ว เรื่องนี้พวกเจ้าตัดสินใจเองได้เลย หากหมิงจู้อยากจะไปเจ้าก็ให้นางไปเตรียมตัว และเมื่อพวกเจ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วก็ออกเดินทางซะ แต่ต้องไม่เกินเวลาที่พ่อกำหนด”
“ว่าแต่ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็ต้องไปเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมท่านถึงไม่ไปกับพวกเราเลยล่ะ?” หลิงยู่ชานถามขึ้น
“พ่อมีเรื่องอื่นจำเป็นต้องทำก่อน ดังนั้นพ่อจึงไม่สามารถร่วมทางไปกับพวกเจ้าทั้งหมดได้” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้น “ว่าแต่เจ้าได้ฝึกฝนวิชาพเนจรไร้จำกัดรึยัง? .. หากเจ้าฝึกฝนมันถึงระดับที่พอจะใช้งานมันได้ การเดินทางของเจ้าจะยิ่งเร็วและปลอดภัยขึ้นมากกว่าเดิม”
“ผู้อาวุโสสุนัขได้สอนพวกเราทั้งหมดแล้ว ส่วนตัวข้าเองถึงแม้ว่าข้าจะยังไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่ข้าก็พอที่จะใช้งานมันได้ในระดับหนึ่ง” หลิงยู่ชานตอบกลับ “และที่สำคัญการไปครั้งนี้ข้าคงได้รับความคุ้มครองจากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิของสันเขาทรราช ซึ่งจะติดตามคุ้มกันข้าด้วย ดังนั้นการเดินทางของข้าน่าจะปลอดภัยมากในระดับหนึ่ง”
เมื่อได้ยินหลิงยู่ชานพูดถึงสันเขาทรราช สีหน้าของหลิงตู้ฉิงก็กลายเป็นจริงจังและถามว่า “ตอนนี้ท่าทีของสันเขาทรราชเป็นยังไงบ้าง แล้วไอ้เจ้าเด็กนั่นปรากฏตัวออกมาบ้างไหม?”
หลิงยู่ชานหัวเราะ “คนส่วนหนึ่งของสันเขาทรราชค่อนข้างมีท่าทีที่เป็นมิตรต่อเรา ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะส่งผลให้คนของพวกเขาตายไปเป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งสาเหตุน่าจะมาจากบรรพบุรุษเทียนซ่งที่รู้ว่าท่านเป็นใคร เขาจึงน่าจะคอยย้ำเตือนคนของเขาอยู่ตลอดเวลา ส่วนเทียนเก๋อ ในตอนนี้ก็ยังคงเก็บตัวบ่มเพาะอยู่และแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นก็เหนือกว่าคนทั่วไปอยู่หลายเท่า”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “พวกเขาควรที่จะทำให้ตัวดี ส่วนเจ้าเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเกรงใจอะไรพวกเขามากนัก ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจจะได้ใจและเอาเปรียบเจ้าได้”
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล ข้าเข้าใจในเรื่องนี้ดี” หลิงยู่ชานพยักหน้า “แต่ท่านพ่อ ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วท่านเป็นใครกันแน่ ทำไมบรรพบุรุษเทียนซ่งถึงได้กลัวท่านมากขนาดนี้?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “พ่อของเจ้าคือตัวตนในตำนานที่ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกร และเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งยุคก่อน!”
“หืม? ท่านพ่อคือตัวตนต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าพูดถึงผู้นั้นน่ะเหรอ?” หลิงยู่ชานแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของลูกชายตัวเอง หลิงตู้ฉิงก็หัวเราะเสียงดังและพูดว่า “เป็นพ่อเองนั่นแหละ บังเอิญว่าเมื่อก่อนพ่อฆ่าคนเยอะมากไปหน่อย คนทั่วไปก็เลยมอบตำแหน่งเจ้าเหนือหัวให้พ่อ”
เมื่อเห็นว่าพ่อของเขาเองยอมรับมาตรง ๆ แบบนี้ หลิงยู่ชานก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากเข้าไปอีก เพราะหากเป็นเมื่อก่อนพ่อของเขาไม่มีวันยอมรับมาตรง ๆ แบบนี้แน่ แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่เขาคุยกับพ่อของเขามันเหมือนว่าเขากำลังคุยกับลุงข้างบ้านที่เข้าถึงได้ง่าย
หลังจากทำสติอยู่ได้สักพัก หลิงยู่ชานจึงพูดต่อว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะเป็นตัวตนผู้นั้น ว่าแต่ในยุคที่ท่านเป็นเจ้าเหนือหัวมันมันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอท่านพ่อ ทำไมผ่านมาหลายหมื่นปีแล้วถึงไม่มีผู้ที่สามารถสร้างวิถีเต๋าของตนเองปรากฏกายขึ้นอีกเลย”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “มันเกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดหลาย ๆ อย่าง เอาเป็นว่าในยุคนี้พ่อสามารถบอกได้ว่าจะเป็นยุคที่สดใสแน่นอน และอีกไม่นานผู้สร้างเต๋าจะปรากฏกายขึ้น”
หลิงตู้ฉิงไม่อยากจะบอกว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้เหล่าผู้สร้างเต๋าไม่ปรากฏกายขึ้นมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี เพราะเขาฆ่าผู้ที่มีคุณสมบัติจะสร้างเต๋าได้ตายไปหมดแล้ว
ส่วนยุคนี้แน่นอนว่าจะต้องมีผู้สร้างเต๋ามากมายปรากฏขึ้นอย่างน้อย ๆ ก็คนในครอบครัวของเขาที่มีเป็นสิบคน
“ท่านพ่อ ความแตกต่างระหว่างผู้สร้างเต๋ากับเจ้าเหนือหัวแห่งยุคคืออะไร?” หลิงยู่ชานถามต่อ
หลิงตู้ฉิงตอบกลับ “ผู้สร้างเต๋าคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดที่บรรลุเต๋าของตนเองจนถึงขั้นสูงสุด และใช้เต๋าของตนเองเกื้อหนุนอาณาเขตสวรรค์จนสามารถสร้างโลกจำลองของตัวเองขึ้นมาได้”
“หากผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นสร้างโลกจำลองของตนเองได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้สร้างเต๋าที่แท้จริงและด้วยอำนาจของเขาที่มีเหนือกว่าเหล่าผู้คนธรรมดา ผู้สร้างเต๋าสามารถที่จะขึ้นไปอยู่ที่โลกเบื้องบนได้โดยที่เงื่อนไขก็คือเขาจะไม่สามารถกลับลงมาได้อีก”
“ส่วนเจ้าเหนือหัวแห่งยุคนั้นคือผู้ที่ได้ครอบครองสมบัติสวรรค์ต่าง ๆ ของเหล่าผู้สร้างเต๋า ต้องรู้ไว้ว่าเมื่อไหร่ที่เหล่าผู้สร้างเต๋าสร้างอาณาเขตสวรรค์ของตนเองให้กลายเป็นโลกได้สำเร็จ เมื่อนั้นสวรรค์จะประทานสมบัติต่าง ๆ ที่มีอำนาจเหนือล้ำและเป็นปริศนาให้กับผู้สร้างเต๋าเพื่อเป็นรางวัล”
“แต่รางวัลที่มอบนี้ไม่ใช่แค่เพียงผู้สร้างเต๋าที่เป้นเจ้าของเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ คนอื่น ๆ ที่แย่งได้ก็สามารถเอามันไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน ดังนั้นในช่วงเวลาที่มีผู้สร้างเต๋าปรากฏกายขึ้น มันจึงนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความวุ่นวายเพราะใครก็อยากที่จะชิงสมบัติจากสวรรค์เหล่านั้น”
“ส่วนผู้สร้างเต๋าสามารถเลือกที่จะสู้เพื่อปกป้องสมบัติของตัวเองก็ได้หรือเลือกที่จะหนีไปก็ได้เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาก็เลือกที่จะสู้กันทั้งนั้น”
หลิงยู่ชานพยักหน้า “ถ้างั้นเมื่อถึงเวลาพวกเราจะช่วยท่านพ่อแย่งชิงสมบัติเหล่านั้นให้กับท่านเอง!”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “เอาไว้ค่อยพูดถึงเรื่องเหล่านั้นเมื่อถึงเวลาเถอะ!”