หลิงตู้ฉิงนั้นเคยได้ครอบครองสมบัติจากสวรรค์มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีกว่าพวกมันมีความสำคัญแค่ไหน ซึ่งหากสมบัติสวรรค์ของผู้สร้างเต๋าในยุคนี้เข้าตาของเขา เขาก็ไม่ลังเลที่จะแย่งมันมาเป็นของเขาเอง
ในระหว่างที่เขากำลังคุยอยู่กับหลิงยู่ชานต่อไปได้อีกสักพัก จู่ ๆ ลูกคนอื่น ๆ ของเขาก็พากันเดินเข้ามาหา
หลิงตู้ฉิงมองไปที่หลิงฟ่างหัว และถามว่า “ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปอาณาเขตเหยาชานอีก?”
ก่อนหน้านี้หลิงตู้ฉิงมอบหมายภารกิจให้กับหลิงฟ่างหัว ให้นางไปติดตั้งประตูเคลื่อนย้ายให้กับเผ่าภูตดินเพื่อที่พวกเขาจะไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น และเผ่าภูตดินจะได้สามารถพัฒนาเผ่าตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
หลิงฟ่างหัวทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “ก็ข้าอยากจะดูท่านจัดการกับพวกศัตรูก่อนนี่นา มันก็แค่การไปสร้างประตูเคลื่อนย้ายไม่ใช่เหรอไง ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็สร้างเสร็จแล้วท่านพ่อไม่ต้องรีบทวงก็ได้! ว่าแต่ท่านพ่อเมื่อไหร่จะลงมือ?”
“อีกไม่นาน ไว้เมื่อไหร่ระดับการบ่มเพาะของพ่อทะลวงขึ้นไปถึงระดับสวรรค์สามัญพ่อจะลงมือ” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อก็รีบ ๆ เลย ข้าอยากดูจะตายอยู่แล้ว!” หลิงฟ่างหัวคะยั้นคะยอ
“อืม!” จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็หันไปถามหลิงยี่เทียนว่า “ทางเจ้าล่ะ ตอนนี้พร้อมรึยัง?”
หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ตามแผนที่ข้าวางไว้ ข้าจะให้หยูไท่ฉวนขอความช่วยเหลือจากตำหนักมังกร ซึ่งอยู่ใกล้ที่นี่ที่สุดให้ส่งกองทัพมาและข้าจะมอบหน้าที่ในการปกครองดูแลอาณาเขตบริเวณนี้ทั้งหมดให้กับหยูไท่ฉวน และกองทัพให้เขาดูแล”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ตำหนักมังกรอยู่ใกล้ที่นี่ที่สุด ดังนั้นการยืมกำลังของพวกเขามาก็นับได้ว่าสะดวกที่สุดเช่นกัน และยิ่งให้หยูไท่ฉวนที่เป็นจักรพรรดิของอาณาจักรมังกรทะยาน ซึ่งเป็นคนของตำหนักมังกรมาเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้มันยิ่งง่ายไปกันใหญ่ เจ้าตัดสินใจได้ดีมาก อ๋อและอีกอย่างเจ้าช่วยบอกหยูไท่ฉวนเรื่องของภูเขาเอ้อหลงด้วย บอกกับเขาว่าเมื่อถึงเวลาพ่อจะให้ฟ่างหัวคืนภูเขาเอ้อหลงให้กับเขา”
“รับทราบ!” หลิงยี่เทียนพยักหน้า “ถ้างั้นเดี๋ยวข้าขอตัวไปนำหยูไท่ฉวนและคนของเขาเดินทางมาที่นี่ก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ หลิงยี่เทียนก็จากไป ส่วนหลิงตู้ฉิงก็เรียกให้จักรพรรดินีภูตนางฟ้าเข้ามาหาและพูดว่า “จงไปตามคนของเผ่าเจ้าทั้งหมดให้มารวมตัวกัน ข้าจะทำการบรรยายเต๋าให้พวกเจ้าฟังเพื่อที่เผ่าของเจ้าจะได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดินีภูตนางฟ้ารู้สึกเบิกบานมากทันที และตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “เป็นพระกรุณายิ่งองค์เหนือหัว! ด้วยการบรรยายเต๋าครั้งนี้.. ข้ามั่นใจเผ่าภูตนางฟ้าจะต้องแข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว!”
หลังจากนั้นหลิงตู้ฉิงก็บรรยายเต๋าให้กับเผ่าภูตนางฟ้ารวมไปถึงเหล่าผู้คนที่มาจากอาณาจักรจันทราก็ได้ฟังการบรรยายนี้ไปด้วย
หัวข้อที่หลิงตู้ฉิงบรรยายนั้นหลัก ๆ เกี่ยวกับพลังธาตุไม้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเหล่าภูตนางฟ้าแน่นอน และอีกประเด็นก็คือการทะลวงระดับขอบเขตต่าง ๆ
ด้วยความรู้ที่เป็นประโยชน์มากมาย เหล่าภูตนางฟ้าจำนวนมากก็ทะลวงระดับกันอย่างรวดเร็วในระหว่างที่พวกเขากำลังฟังการบรรยาย
หยูไท่ฉวนและคนของเขาเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ
ในตอนแรกเพราะความดื้อรั้นของเขา เขาจึงนำอาณาจักรของตัวเองต่อต้านหลิงยี่เทียน ซึ่งมันส่งผลให้เขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก
จากนั้นเมื่อเขาเห็นว่าเขาต่อต้านไม่ได้แล้วเขาจึงยอมสละบัลลังก์ของตัวเองเพื่อให้คนของเขายอมจำนนต่อหลิงยี่เทียน แต่หลิงยี่เทียนกลับชวนให้เขาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรโดยที่เขายังสามารถครองอาณาจักรของตัวเองได้ และยังทำให้เขาสามารถบ่มเพาะเต๋าดวงใจจักรพรรดิได้ต่อ ซึ่งเขารู้สึกตัวเองนั้นโชคดีเป็นอย่างมาก
แต่แล้วพอมาวันนี้ เมื่อเขาได้เห็นว่าหลิงตู้ฉิงนั้นวิเศษขนาดไหน เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเข้าไปใหญ่ที่ในวันนั้นอาณาจักรของเขาไม่ถูกฆ่าล้างไปจนหมด แถมในวันนี้เขายังได้รับโอกาสจากหลิงยี่เทียน ซึ่งให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ดูแลทุกอาณาเขตเขาที่ยึดได้ในภูมิภาคตงซวน ฉะนั้นยิ่งเขาขยันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีอาณาจักรที่ใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น โอกาสเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่นึกฝันมาก่อนว่าจะได้รับหลังจากที่เขาพ่ายแพ้
แต่แน่นอนว่าหลังจากนี้เขายังคงต้องเชื่อคำสั่งของหลิงยี่เทียนเหมือนเดิม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรและเต็มใจซะด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเขาก็ยังคงต้องหวังพึ่งความแข็งแกร่งของอาณาจักรจันทราอยู่ดี
เนื่องจากหอการค้าเชื่อมสวรรค์สาขาป่าภูตนางฟ้ายังคงสร้างไม่เสร็จ มันจึงเป็นโชคดีของเหรินฉิงชานที่ยังอยู่ในป่าภูตนางฟ้า และได้มีโอกาสได้เข้าฟังการบรรยายของหลิงตู้ฉิง ซึ่งเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเองว่า “ยุคนี้เผ่าภูตนางฟ้าจะต้องรุ่งเรืองยิ่งกว่ายุคก่อนหน้านี้แน่นอน! หลังจากนี้เหล่าผู้คนที่เคยรังแกเหล่าภูตนางฟ้าจะต้องอยู่ไม่สุขแน่ ๆ รวมไปถึงคนในตำหนักเทพโชคลาภของข้าหลายคนคงจะไม่ชอบใจเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะอยู่ฝั่งไหนดี?”
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตำหนักโชคลาภ ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่ามีคนในตำหนักที่แอบใช้อำนาจของตัวเองในการจัดการกับเผ่าภูตนางฟ้า ซึ่งการที่เขาร่วมมือกับเผ่าภูตนางฟ้าแบบนี้มันทำให้เขาต้องขัดแย้งกับผู้คนเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะที่ในตอนนี้เผ่าภูตนางฟ้าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ก่อนหน้านี้ที่เขาร่วมมือกับเผ่าภูตนางฟ้าก็เพราะเขาเห็นผลประโยชน์ในด้านการค้าเขาจึงยอมร่วมมือด้วย และคิดว่าจะถอนตัวออกเมื่อเขาทำกำไรได้ถึงระดับหนึ่งก่อนที่คนในตำหนักเทพโชคลาภบางคนจะทันได้รู้ตัวว่าป่าภูตนางฟ้านั้นกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งและเป็นภัยต่อพวกเขา แต่แล้วตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าเผ่าภูตนางฟ้ากลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันทำให้เขาต้องคิดใหม่
ในความคิดของเขายังมีสิ่งหนึ่งที่รั้งให้เขายังคงมีเหตุผลในการร่วมมือกับป่าภูตนางฟ้าได้อยู่ ซึ่งก็คืออาณาจักรจันทรา หากเขาสามารถทำให้อาณาจักรจันทรายอมเชื่อฟังเขาไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งผลประโยชน์ที่เขาได้รับกลับมามันก็คุ้มค่าที่เขาจะขัดแย้งกับคนของเขาเอง
แต่ว่าเขาจะทำยังไงให้อาณาจักรจันทราเชื่อฟังเขา?
นี่เป็นสิ่งที่เขายังคิดไม่ออก…
ส่วนทางด้านของหลิงตู้ฉิง หลังจากที่เขาบรรยายเต๋าให้กับเหล่าภูตนางฟ้าอยู่ประมาณ 1 ปี ด้วยพลังแห่งอารมณ์มากมายที่หลั่งใหลเข้ามาในร่างกายของเขา ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ก้าวเข้าสู้ขอบเขตนภาระดับ 15
เมื่อเขาบรรลุเป้าหมายที่เขาตั้งใจไว้เรียบร้อย เขาจึงหยุดการบรรยายเต๋าทันที
ส่วนทางด้านของเหล่าภูตนางฟ้าต่างก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกันอีกหลายเท่าตัว และสายตาที่พวกเขามองหลิงตู้ฉิงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเทิดทูนราวกับมองพระเจ้าเลยด้วยซ้ำ
เพราะหลายสิ่งที่หลิงตู้ฉิงได้ทำลงไปนั้นมันมีค่ากับพวกเขามากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาช่วยเหลือเผ่าของพวกเขาให้รอดจากหายนะ ช่วยให้เผ่าของพวกเขาพัฒนาขึ้น และที่สำคัญนับจากนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าจะต้องถูกใครรังแก
เมื่อเห็นสถานการณ์ของเผ่าตนเองในตอนนี้ จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นนางสั่งกับคนของนางขึ้นต่อ “หลังจากพวกเจ้าทุกคนทำความเข้าใจกับความรู้ใหม่หมดแล้ว ภารกิจต่อไปของพวกเราเผ่าภูตนางฟ้าก็คือการผลิตทายาท ในอดีตตอนที่เผ่าของเรายังรุ่งเรือง พวกเรามีจำนวนถึงหลักร้อยล้าน แต่ตอนนี้พวกเราเหลือเพียงไม่กี่แสน หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ต่อให้พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นแต่มันคงอีกไม่นานที่เผ่าของพวกเราจะต้องสูญพันธ์เพราะการขาดแคลนสมาชิกรุ่นใหม่ที่สามารถให้กำเนิดทายาทได้เหลือน้อยลง”