ตอนที่ 1044 พวกขี้ข้าปลายแถว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ผลซิวหลัวนี้ดำสนิทราวกับถ่านหินก็มิปาน ดูไม่เห็นมีค่าอันใดเลย

มู่เฉียนซีเอาเข็มยาเข็มหนึ่งออกมาและหยดยาลงไป ทำให้ความดำของผลซิวหลัวถอนออก แต่มันยังไม่พอ!

มู่เฉียนซีพึมพำว่า “เพียงระดับนี้ ความเป็นพิษมันยังไม่ถึงหนึ่งส่วนสิบเลย จะวางพิษทำร้ายหมิงจียังไม่ได้”

ทันใดนั้นเอง ร่างในชุดเขียวร่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นข้างหลังมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่ง!”

ชิงอิ่งในตอนนี้นับวันยิ่งเก่งกาจมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ข้างกายนาง แต่นางก็ไม่อาจรับรู้ถึงตำแหน่งของเขาได้ ยิ่งเฟิงอวิ๋นซิวและพวก ก็ยิ่งไม่สามารถรับรู้ได้

“เฉียน ข้าทำได้!” ชิงอิ่งมองไปที่มู่เฉียนซี

จากนั้นแสงสีเขียวอ่อนแสงหนึ่งก็ได้ไหลเข้าสู่ผลซิวหลัวผลนั้น ผลซิวหลัวที่ถูกพลังแห่งชีวิตทำพิธีชะล้างมหาสนิทก็ได้กลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ราวกับว่าเพิ่งเด็ดออกมาจากต้นใหม่ ๆ เลยก็มิปาน

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก พลังแห่งชีวิตของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”

ภายในดวงตาของชิงอิ่งส่องสะท้อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีอกดีใจของมู่เฉียนซี เมื่อได้เห็นรอยยิ้มนี้ เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างแปลกประหลาด

“ง่ายมาก ต่อไปหากเฉียนต้องการอีก ข้าจะทำให้”

“สมุนไพรแห่งความตายอันล้ำค่านี้ ใช่ว่าจะหามาได้ทุกวัน แต่หากว่ามีละก็ ข้าก็จะไม่เกรงใจเจ้าแน่นอน”

“เฉียน กับข้าแล้วเฉียนไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”

ชิงอิ่งผู้เปรียบเสมือนท่อนไม้แข็งทื่อผู้นี้ไม่พูดคุยกับมู่เฉียนซีนานอยู่แล้ว

หลังจากที่ทั้งสองไม่มีเรื่องใดจะพูด มู่เฉียนซีก็ไปศึกษาผลซิวหลัวผลนั้นต่อ

และหลังจากที่ชิงอิ่งไปได้ไม่นานก็มีคนผู้หนึ่งเข้ามาในห้องมู่เฉียนซีอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ

เขามองไปที่ผลซิวหลัวที่มู่เฉียนซีฟื้นฟูขึ้นมาอย่างสดใหม่ผลนั้นและตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

“เจ้าหนู ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสามารถฟื้นฟูผลซิวหลัวขึ้นมาได้ถึงขั้นนี้ หรือว่าเจ้าก็เป็นจอมภูตพลังธาตุแสงที่สามารถซ่อมแซมคืนสู่สภาพเดิมได้ด้วย?”

ดวงตาของเขาเปล่งประกายพลางจ้องมองไปที่ผลซิวหลัวผลนั้น ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

ของมีพิษนั้นมีมากมาย แต่พิษที่สามารถทำร้ายดวงวิญญาณได้เช่นนี้ กลับหาได้ยากนัก

ตอนนี้ได้พบเจอแล้ว อีกทั้งยังสมบูรณ์แบบมากอีกด้วย เขาไม่มีทางยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้เด็ดขาด

ดวงตาของชายชราหน้าดำเผยความละโมบออกมา แต่ผลลัพธ์ก็คือชายหนุ่มตรงหน้ากลับยิ้มเย้ยหยันขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะรนหาที่ตายถึงที่!”

“รนหาที่ตายรึ!” ใบหน้าของชายชราหน้าดำบิดเบี้ยวขึ้น

“เจ้าหนู ดูถูกข้าเกินไปแล้ว ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ให้แก่ข้า ด้วยความสามารถของเจ้าแล้ว เพียงแค่ข้าขยับไม้ขยับมือเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เจ้าตายได้”

เขาคิดว่า ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้จะสายตาดี แต่ด้วยอายุที่ยังอ่อนเยาว์เช่นนี้ กำลังในการต่อสู้ก็คงจะไม่เก่งกาจอะไร

ฟึ่บ! เขาเพิ่งจะกล่าวจบ เข็มยาเข็มหนึ่งก็พุ่งออกไปทันที

ชายชราหน้าดำสกัดเอาไว้ จากนั้นเข็มยาขนาดเล็กและบางหลายเข็มก็พุ่งเข้ามาราวกับพายุพัดกระโชก

พรึ่บ พรึ่บ! ชายชราหน้าดำถอดชุดคลุมของเขาออกมาโบกสะบัดร่ายรำ และสกัดกั้นเข็มพิษเหล่านี้ไว้

“เจ้าเด็กบ้า นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้อาวุธลับเล่นงานข้า”

นักพิษ ย่อมใช้พิษต่อสู้กับศัตรูจนถึงแก่ความตาย ถึงแม้ว่าระดับของเขาจะสูงกว่ามู่เฉียนซี แต่ก็ไม่กล้าที่จะแผ่ซ่านพลังขั้นมหาจักรพรรดิของเขาออกมา

ทันทีที่เขาโบกมือขึ้น ผงพิษก็ได้โปรยไปทั่วทั้งบริเวณโดยรอบ เขากล่าวอย่างโหดร้ายว่า “เจ้าหนู กล้าต่อสู้กับข้า เจ้ามันอ่อนหัดยิ่งนัก”

มู่เฉียนซีส่ายหน้าด้วยความผิดหวังพลางกล่าว “เจ้าคิดว่าของเล่นเด็ก ๆ เหล่านี้ของเจ้ามันจะทำอันใดได้มากมายอย่างนั้นเหรอ?”

มู่เฉียนซีขว้างยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมา

ตูม! ในขณะที่ชายชราหน้าดำหลบนั้น ยาเม็ดนั้นก็ได้ระเบิดขึ้น และควันดำก็ได้ปกคลุมชายชราหน้าดำผู้นั้นไว้

ค่อก ค่อก ค่อก!

“นี่มันพิษใด!”

ชายชราหน้าดำพลางไอค่อกแค่กพลางน้ำตาไหล สำลักควันพิษนี้จนพูดไม่ออก

การเคลื่อนไหวนี้ได้ดึงดูดความสนใจของเฟิงอวิ๋นซิวและพวก และในขณะที่พวกเขากำลังจะพรวดเข้ามานั้น มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นว่า “อย่าเข้ามา ตอนนี้ในห้องของข้ามีพิษร้ายแรงอยู่”

ชายชราหน้าดำเริ่มตาเหลือกลานขึ้นแล้ว เขามองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “เจ้า…เจ้า…”

ตุบ! เขาโดนพิษจนร่างกายชักกระตุกและล้มลงไปกับพื้น

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามันรนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็ยอมรับการต้อนรับจากข้าเสียโดยดีเถอะ!”

มู่เฉียนซีได้โรยผงยาภายในห้อง และควันพิษเหล่านั้นก็ได้สลายหายไป

จากนั้นนางก็โบกสะบัดมือพลางกล่าว “ซวนอี หามตาเฒ่าผู้นี้ออกไปและให้เขาทำลายตัวเองเสียเถอะ!”

ซวนอีกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “นี่เจ้าใช้ข้าอีกแล้วเหรอ?”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ข้าชินแล้ว”

“ซวนซาน เจ้าไป!” ซวนอีกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ

ด้านในไม่มีพิษแล้ว เฟิงอวิ๋นซิวจึงเดินเข้ามาและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่ยังไม่ยอมตัดใจ มาลอบทำร้ายเจ้ายามดึกเช่นนี้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ผลซิวหลัว มีแรงดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักพิษ หากข้าเห็นคนอื่นได้ผลซิวหลัวไป ข้าก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเช่นกัน แต่ตาเฒ่าผู้นี้ช่างไม่รู้จักประเมินกำลังของตัวเองเอาซะเลย”

“เจ้าเชี่ยวชาญในเรื่องพิษมากมายถึงเพียงนี้ หากข้าไม่เห็นเจ้าใช้ทักษะกระบี่เงาจันทราหนาวเหน็บแล้วละก็ ข้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของกู้ไป๋อี”

อาจารย์และศิษย์สองคนนี้ นิสัยช่างแตกต่างกันมากเกินไปแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เขาก็แค่สอนทักษะกระบี่เงาจันทราหนาวเหน็บให้ข้าก็เท่านั้นเอง อย่างอื่นเขาไม่ได้สอนข้าสักหน่อย”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ในคืนนี้ก็เป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ รอให้พวกเราออกจากเมืองโอสถ เกรงว่าสถานการณ์จะยิ่งรุนแรงไปมากกว่านี้ หรือว่าพวกเราจะแยกกันดี?”

ก็เหมือนกันกับนักพิษที่ต้องการครอบครองในผลซิวหลัว ผู้ฝึกบำเพ็ญก็ต้องการครอบครองในมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เช่นเดียวกัน

พวกเขาไม่กล้าลงมือในเมืองโอสถ ตั้งตัวเป็นศัตรูกับกองกำลังระดับสามอย่างตำหนักตงจี๋อย่างโจ่งแจ้ง

ทว่า ทันทีหลังจากที่พวกเขาออกไปจากเมืองโอสถ พวกเขาก็สามารถลงมืออย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัวได้

คนอย่างเฟิงอวิ๋นซิวน่ะหรือที่จะไม่รู้ทันถึงแผนการความคิดของพวกเขา

มู่เฉียนซีตอบ “หากแยกทางกันแล้วเจ้าไม่ทันระวังตัวถูกฆ่าตายไป แล้วข้าจะไปตำหนักตงจี๋ไปหาท่านผู้อาวุโสสูงสุดพลังธาตุอัคคีท่านนั้นให้ไขความลับในแผ่นเหล็กดำได้อย่างไรกันล่ะ!”

“ไปตำหนักตงจี๋ด้วยกันเถอะ อย่าบอกนะว่าเจ้าเกรงกลัวพวกขี้ข้าปลายแถวเหล่านั้น?”

เฟิงอวิ๋นซิวขมวดคิ้วพลางกล่าว “ไม่ใช่แค่พวกนั้น”

“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดข้าก็ไม่กลัว” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว

นางมองเฟิงอวิ๋นซิวและกล่าวว่า “พวกเราจะเดินทางไปกันเมื่อไหร่ล่ะ?”

“วันพรุ่ง” เฟิงอวิ๋นซิวก็ไม่โน้มน้าวเขาแล้ว เขาเป็นถึงศิษย์ของกู้ไป๋อี ต้องมีของดีปกป้องตัวเองไม่น้อยแน่นอน

ก็อย่างที่เขาได้กล่าวเอาไว้นั่นแหละ พวกขี้ข้าปลายแถวเหล่านั้นไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้

ไม่นานนัก ข่าวเที่เฟิงอวิ๋นซิวและพวกได้เดินทางออกจากเมืองโอสถก็ได้แพร่งพรายออกไป

“นายน้อยอวิ๋นซิวเดินทางออกจากเมืองแล้ว”

“พวกเรารอมาตั้งนาน ในที่สุดเฟิงอวิ๋นซิวก็กล้าเดินทางออกจากเมืองจนได้ ข้าคิดว่ามันจะมุดหัวอยู่ที่เมืองโอสถแห่งนี้ไปตลอดชีวิตซะอีก”

“ตามไป!”

ชื่อเสียงของตำหนักตงจี๋นั้นสามารถสยบผู้คนด้วยกำลังได้ แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางความทะเยอทะยานอันแรงกล้าของคนเหล่านี้ได้

ทว่า พวกเขาไม่ได้ลงมือโจมตีเฟิงอวิ๋นซิวและพวกทันทีที่พวกเขาออกจากเมือง แต่แอบตามพวกเขาไปห่าง ๆ

พวกเขาคิดว่าตนเองนั้นได้ซ่อนตัวดีแล้ว ทว่า ก็ไม่สามารถซ่อนมู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวได้

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “มีคนตามมาไม่น้อยเลย ข้าก็ไม่ได้ออกกำลังมาหลายวันแล้วด้วย พวกมันตามมาก็ดีเหมือนกัน”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “อย่าได้ประเมินพวกมันต่ำไป ระวังตัวด้วย และอย่าได้ผลีผลามเป็นอันขาด!”

“เข้าใจแล้ว!”

ขวับ ขวับ ขวับ! หลังจากที่เดินทางห่างออกมาจากเมืองโอสถได้ระยะหนึ่ง ร่างสิบกว่าร่างก็ได้กระโจนออกมาห้อมล้อมพวกเขาเอาไว้