ตอนที่ 642 พัฒนาการที่ไล่ตามไม่ทัน

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตอนแรกๆพระองค์เคยหัวเราะเยาะนาง ในใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีความเท่าเทียมกันอยู่จริง 

 

 

แต่ต่อมาพระองค์ก็ทรงเชื่อในความเท่าเทียมกันอย่างที่นางบอก 

 

 

แต่ว่าตอนที่พระองค์ถามนาง : ในเมื่อทุกชีวิตต่างก็เท่าเทียมกัน แล้วทำไมในหัวใจของนางจึงมีแต่ซีเหอ ไม่มีพระองค์ตี้เสีย? 

 

 

นางกลับเงียบงันไป 

 

 

จากนั้นก็บอกกับพระองค์ว่า ความเท่าเทียมกันมิได้หมายความเช่นนี้ 

 

 

เห็นไหมเล่า ที่บอกว่าเท่าเทียมก็เป็นเพียงคำพูดจากลมปากเท่านั้น 

 

 

ในหัวใจของนาง ไม่เคยให้ความเท่าเทียมระหว่างซีเหอและตี้เสียอย่างพระองค์อยู่แล้ว 

 

 

ฮว๋ายยู่พิงร่างลงไปบนบ่าของพระองค์ ทั้งๆที่ทั้งสองอยู่แนบชิดกันเช่นนี้แท้ๆ แต่ว่าสายพระเนตรของพระองค์กลับอยู่ที่ร่างของตู๋กูซิงหลันตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงบัดนี้ 

 

 

พระองค์ถึงกลับ มองดูสตรีผู้นั้นทุบทำลายโซ่ตรวนที่รัดตรึงมังกรทั้งเก้าเอาไว้อย่างเงียบเฉย แววพระเนตรที่มองดูสาวน้อยผู้นั้นเปล่งประกายจนวาววับ 

 

 

ทั้งที่ทรงเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ เมื่อได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ด้วยองค์เอง แต่พระองค์ก็มิได้สกัดขัดขวางใดๆทั้งสิ้น 

 

 

หัวใจที่พึ่งจะสงบลงไปของฮว๋ายยู่ ตอนนี้ก็ไม่อาจนิ่งเฉยต่อไปแล้ว 

 

 

ตอนนี้นางรู้สึกถึงความไม่มั่นคง ไม่ปลอดภัย 

 

 

หากข้างกายของตี้เสียจะมีหญิงใดปรากฏตัวขึ้น นางสามารถทำตนให้นิ่งเฉยไม่เดือดร้อน จนถึงขั้นทำเป็นมองไม่เห็นก็ย่อมได้ 

 

 

ยกเว้นแต่สตรีผู้นี้เท่านั้น! 

 

 

นางอันตรายจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้สึกว่า หากปล่อยให้สตรีผู้นี้พูดคุยกับตี้เสียเพียงไม่กี่คำ พระทัยของพระองค์ก็….จะต้องเปลี่ยนไป 

 

 

นางไม่กล้าเดิมพัน! 

 

 

ขณะที่ในใจกำลังเป็นกังวล นางก็ส่งสายตาให้กับเทพธิดาที่อยู่นอกเกี้ยวแวบหนึ่ง 

 

 

เทพธิดาเหล่านี้ติดตามรับใช้นางมานานนับพันปี เพียงแค่ได้สบตากันก็เข้าใจหมายความในแววตาของนางแล้ว 

 

 

ดังนั้นเทพธิดาที่เป็นหัวหน้าจึงถอยออกไปที่ด้านข้าง ในมือก็ปรากฏกระจกทองแดงชิ้นหนึ่งขึ้นมา นางวาดอักขระสองสามตัวลงไปบนกระจกทองแดง ริมฝีปากก็เอ่ยถ้อยคำบางอย่างออกไป 

 

 

จากนั้นก็ถอยกลับมาอยู่ข้างกายฮว๋ายยู่เช่นเดิม 

 

 

ทั้งยังส่งสายตารายงายชนกับนางเป็นเชิงสื่อความหมายว่า ‘ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว’  

 

 

ขนตาของฮว๋ายยู่กระพริบคราหนึ่ง นางยังคงอิงแอบอยู่กับตี้เสียต่อไป 

 

 

ดูเอาเถอะ ยามนี้รอบด้านมีเทพทยอยกันปรากฏตัวจำนวนไม่น้อยแล้ว แต่พอเห็นว่ามีคนถูกทิ่มแทงจนพรุนและสลายกลายเป็นขี้เถ้าไป ก็ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหววู่วามอีก 

 

 

ไม่มีใครอยากจะเป็นแนวหน้าทั้งสิ้น 

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นเทียนตี้และเทียนโฮว่ก็ทรงประทับอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อมีมีพระบัญชาจากเทียนตี้ พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าลงมือ 

 

 

แน่นอนว่า เทียนตี้มิได้ทรงคิดจะทำลายตู๋กูซิงหลัน 

 

 

พระองค์เพียงแต่ต้องการทอดพระเนตรดู ดูว่านางจะทำอะไรต่อไป และจะหลบหนีไปได้อย่างไร 

 

 

เพราะนางไม่มีทางหนีพ้นได้อยู่แล้ว 

 

 

พอพระองค์ไม่มีพระบัญชาออกไป ฮว๋ายยู่ก็ยิ่งร้อนใจขึ้นมา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตี้เสีย นางจำต้องรักษาภาพลักษณ์ที่งดงาม ไร้เดียงสา และเชื่อฟังที่ทำมานานปีเอาไว้ เมื่อพระองค์ไม่เคลื่อนไหว นางก็ไม่อาจกระทำอะไรที่เป็นการล่วงพระพักตร์ได้ 

 

 

แต่ถึงต่อหน้าไม่ได้ ก็มิได้หมายความว่าลับหลังจะทำอะไรไม่ได้ สายตาของนางเมื่อครู่ ก็ออกคำสั่งให้เทพธิดาคนสนิทส่งสัญญาณเรียกคนมา 

 

 

เรียกซือเป่ย 

 

 

ซือเป่ยคือเทพสงครามของแดนสวรรค์ ขอแค่เขาออกโรง พวกมดปลวกจากโลกเบื้องล่างก็อย่าหวังจะได้ก่อความวุ่นวายอีกเลย 

 

 

จะให้ดี ก็จัดการเล่นงานนางจนวิญญาณแตกสลายไปเลย 

 

 

แค่ซือเป่ยลงมือย่อมไม่มีผู้เหลือรอดอยู่แล้ว เมื่อกว่าครึ่งปีก่อน ซือเป่ยก็พึ่งจะยกทัพลงไปบนโลกเบื้องล่าง สังหารหมิงอ๋องที่ยังมิตายดีให้ดับสิ้นไปมิใช่หรือ? 

 

 

บนแดนสวรรค์แห่งนี้ นอกจากตี้เสีย ซือเป่ยก็คือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่สุด 

 

 

ที่นี่อยู่ห่างจากตำหนักของเทพสงครามไปมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวที่คึกโครมขนาดนี้ ซือเป่ยก็ยังมิได้ปรากฏตัวขึ้นมา 

 

 

แต่ว่าข่าวคราวถูกส่งออกไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องสนใจอะไรอีก 

 

 

ฮว๋ายยู่เชื่อในตัวเขา 

 

 

ตอนนี้นางไม่จำเป็นจะต้องทำสิ่งใดทั้งสิ้น เพียงรอคอยซือเป่ยอย่างเงียบๆก็พอแล้ว 

 

 

…………. 

 

 

อีกด้านหนึ่ง พอตู๋กูซิงหลันหันกลับมามอง ก็เห็นเกี้ยวทรงหลังนั้นในทันที 

 

 

อย่าได้เห็นว่าผ้าโปร่งเหล่านั้นดูบางเบา แต่ว่ามันสามารถบดบังการมองเห็นของผู้คนได้ดี 

 

 

มองเห็นแต่เพียงเค้าโครง ไม่อาจมองเห็นรูปร่างหน้าตาได้เลย 

 

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ยังรู้สึกได้ว่าตี้เสียกับภรรยาของเขาอยู่ในนั้น 

 

 

ตอนที่อยู่ในเจดีย์กำราบเทพมาร ตี้เสียแทบจะอยากซัดนางให้ตายในฝ่ามือเดียว ตอนนี้ดวงวิญญาณของนางกระเด็นออกมาแล้ว หรือจะต้องให้ตายอยู่ที่หน้าตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนอีกรอบหนึ่ง 

 

 

เขากลับไม่มีความเคลื่อนไหว 

 

 

เช่นนี้ทำให้ตู๋กูซิงหลันประหลาดใจขึ้นมาแล้ว 

 

 

หากว่าตามอุปนิสัยชั่วๆที่โหดเ**้ยมผิดประหลาดของเขา เรื่องนี้ไม่มีทางจบอย่างง่ายๆเป็นแน่ 

 

 

ในสมองของตู๋กูซิงหลันกำลังผุดแผนการต่างๆของเขาออกมา 

 

 

เช่นนี้นางก็จะไม่รอช้าอีกต่อไป 

 

 

ในเมื่อ ‘เจ้าไม่มาเล่นงานข้า เช่นนั้นข้าก็จะหนีให้ไวละนะ’ นางพุ่งไปทางตำหนักของต้าซือมิ่งด้วยความเร็วดุจสายลม 

 

 

เยี่ยเฉินทำตัวเป็นพาหนะจนติดนิสัยไปเสียแล้ว พอเห็นว่าตู๋กูซิงหลันเคลื่อนไหว เขาก็รีบเหาะเข้าไปหา 

 

 

ก้มศีรษะรับฝ่าเท้าของนางเอาไว้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเกิดความประหลาดใจขึ้นมา นางยืนอยู่บนศีรษะของเยี่ยเฉิน ชุดสีแดงพลิ้วออกไป “ไง ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกมาโซคิสสินะ?” 

 

 

เยี่ยเฉิน “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าหมายความว่าอะไร” 

 

 

แต่ต่อให้เข้าใจก็คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ 

 

 

สตรีผู้นี้ฝีปากร้ายจะตายไป เขาสมควรถนอมเรี่ยวแรงเอาไว้ อย่าได้ไปเปลืองกำลังกับนางในเรื่องนี้จะดีกว่า 

 

 

มิเช่นนั้นจะร่วมมือกันได้อย่างไร สู้ก็สู้ไม่ได้ เถียงก็ยังไม่ชนะอีก….. 

 

 

ตู๋กูซิงหลันหัวเราะออกมาสองคำ ขณะที่เหาะไป นางก็ล้วงเอายารักษาอาการบาดเจ็บออกมาจากในถุงเฉียนคุนของพี่สาวต๋าจี่ 

 

 

ช่างน่าแปลกจริงๆ………… 

 

 

ตอนที่นางจากมา พี่สาวเอ่ยออกมาอย่างชัดเจนว่า ข้างในว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้นแท้ๆ 

 

 

แต่ว่าตอนนี้พอเปิดออกมาดู….ก็เห็นว่าด้านในมียาอยู่นับร้อยขวด 

 

 

ทั้งยังมีบุปผาวิญญาณที่อบแห้งอยู่หลายสิบดอก 

 

 

เสบียงอาหารและน้ำแร่วิญญาณจากหุบเขาหมื่นปีศาจ…. 

 

 

บรรจุอยู่เต็มไปหมด 

 

 

ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ข้างในยังมีเสื้อผ้าอยู่หลายชุด 

 

 

เสื้อผ้าทุกชุดล้วนเป็นสีแดงดุจเปลวเพลิง และขนาดของเสื้อผ้าก็มิใช่ของพี่สาวต๋าจี่เสียด้วย… 

 

 

อืม หน้าอกหน้าใจเล็กไปกว่าครึ่ง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั้นเป็นโฉมสคราญอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องเปรียบเทียบกับพี่สาวต๋าจี่ผู้นี้ ก็คงต้องแพ้ที่หน้าอกนี่ละ 

 

 

ฮือ ฮือ ฮือ นมเล็กกว่าคนอื่นเค้า! 

 

 

ไม่ต้องรีบร้อน…นางพึ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น ยังมีเวลาโตขึ้นได้อีก 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่บนศีรษะของเยี่ยเฉิน ในสมองของนางมีแต่เรื่องหน้าอกของพี่สาวต๋าจี่ 

 

 

แต่ยิ่งคิดไปยิ่งคิดไปก็อยากจะร้องไห้ออกมา 

 

 

ฮือ …..ยังไงก็คงไม่ใหญ่เท่าผู้อื่นเค้า ก็ของพี่สาวต๋าจี่ใหญ่กว่านางตั้งสองเท่านิ! 

 

 

พัฒนาการที่แตกต่างเช่นนี้ยังไงก็คงไล่ตามไม่ทันอยู่ดี! 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเป็นคนที่รู้จักแสวงหาความสุขขณะมีทุกข์ มิว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่นางก็สามารถหาเรื่องอะไรมาสร้างความสุขให้กับตนเองได้ทั้งสิ้น 

 

 

“ท่านเจ้าวัง ท่านรู้สึกโศกเศร้าเพราะว่าพวกเราทั้งหมดอาจต้องดับสูญร่วมกันกระนั้นหรือ?” 

 

 

พวมมันถามอย่างเคร่งเครียด 

 

 

ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะฮึกเหิมไปด้วยเลือดอันร้อนระอุ แต่ว่าก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มืดมิดและน่ากลัวอย่างยิ่ง 

 

 

ที่นี่คือแดนสวรรค์ เหล่าเทพยังไม่ลงมือกับพวกมัน แสดงว่าจะต้องกำลังวางแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อยู่…. 

 

 

พวกมันลากตำหนักหลิงเสียวเป่าเตี้ยนมานานถึงหมื่นปี มีเรื่องใดไม่เคยเห็นมาบ้าง 

 

 

ว่าตามจริงแล้ว หากคิดจะหลบหนีไปจากแดนสวรรค์ย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด 

 

 

ตู๋กูซิงหลันปาดเช็ดหยาดน้ำตาที่ไม่ได้มีอยู่จริงตรงหางตาออกไป ตอบอย่างเอาจริงเอาจังว่า “หากว่าที่ข้าโศกเศร้าก็เพราะเสียใจที่ตนเองอกไม่ใหญ่เท่าพี่สาวต๋าจี่ พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่?”  

 

 

เยี่ยเฉิน “! ! !” 

 

 

ภาพลักษณ์ของตู๋กูซิงหลันในใจของเขาต้องพังทลายลงไปอย่างระเนระนาดอีกครั้ง 

 

 

นางช่วยระวังเนื้อระวังตัวหน่อยได้ไหม ยิ่งไปกว่านั้นมังกรที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาล้วนแล้วแต่เป็นตัวผู้! 

 

 

สตรีผู้หนึ่งมาถกเรื่องหน้าอกของตัวเองใหญ่หรือเล็กกับมังกรตัวผู้สิบตัว นี่จะไม่เป็นปัญหาจริงๆหรือ? 

 

 

…………………………