ภาคกลางภูเขาหัวใจทะเลสาบ
ฐานทัพใหญ่ของนิกายคฤหาสน์วิญญาณตั้งอยู่ที่นี่
ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่ที่เรียกว่าหุบเขาฝนเงียบ
เมื่อฟงจินฮวงเดินมาถึงหุบเขาแห่งนี้ ฝนเริ่มตก
สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างแผ่วเบา
ท่ามกลางสายฝน ฟงจินฮวงหยุดเดินและได้กลิ่นของหญ้าที่อยู่รอบๆ
ฟงจินฮวงชอบสิ่งที่เรียกว่าฝนเงียบ เพราะเมื่อฝนตก เสียงทั้งหมดจะถูกดูดซับและทําให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นเงียบสงบ
ฝนเงียบเป็นทรัพยากรอมตะระดับหก มันเป็นแหล่งทรัพยากรของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ
หลังจากฟงจิวเก้อทรยศวังสวรรค์และหายตัวไป เทพธิดาไปชิงภรรยาของเขาย้ายมาอยู่ที่หุบเขาฝนเงียบและเก็บตัวอยู่ที่นี่
ฟงจินฮวงมาที่นี่เพื่อเยี่ยมแม่ของนาง
เมื่อฝนหยุดตก เสียงพิณและเสียงขลุ่ยก็ดังขึ้น
ฟงจินฮวงเดินเข้าไปในหุบเขาและพบกับมารดาของนาง
เทพธิดาไปชิงนั่งอยู่ในศาลาไม้ไผ่โดยมีวิญญาณสองดวงบันอยู่รอบๆพวกมันคือวิญญาณพิณและวิญญาณขลุ่ย
เมื่อฟงจินฮวงเดินเข้าไปในศาลา เสียงเพลงก็หยุดลง
เทพธิดาไปชิงหันกลับมาอย่างช้าๆ“เพลงพบกันใหม่ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อของเจ้าเมื่อเราตกหลุมรักกัน มันเป็นสัญลักษณ์ในความสัมพันธ์ของเราครั้งแรกที่พ่อของเจ้าบรรเลงเพลงนี้ให้แม่ฟังเขาบอกว่าผู้อมตะหรือปีศาจอมตะล้วนมีต้นกําเนิดเดียวกันเทพอมตะแรกกําเนิดเคยถูกเรียกว่าเทพปีศาจแรกกําเนิดโดยมนุษย์กลายพันธุ์มาก่อนเพลงนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งพ่อของเจ้าเก็บมันไว้เป็นสมบัติและไม่เคยใช้มัน แต่เขาบรรเลงเพลงนี้ในสงครามชะตากรรม”
เทพธิดาไปชิงมองฟงจินฮวงอย่างจริงจัง “รายชื่อเมล็ดพันธุ์อมตะประกาศออกมาแล้ว”
ฟงจินฮวงพยักหน้า “ข้าร์ ครั้งก่อนนิกายเสนอชื่อข้าแต่ไม่มีการตอบรับจากวังสวรรค์ครั้งนี้นิกายจึงเสนอชื่อซุนเหยานางได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วจากวงสวรรค์”
เทพธิดาไปชิงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เดิมทีนิกายยังต้องการส่งเข้าไปที่นั่นแต่หลีจุนอิงและซเฮาเข้ามาขัดขวางเจ้ารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับผลลัพธ์นี้ลูกสาวที่รักของข้า”
“ฮ่าฮ่า” ฟงจินฮวงเผยรอยยิ้มที่สดใสเหมีนอดอกไม้
“ท่านแม่ เหตุใดท่านต้องทดสอบข้าเรื่องนี้? ตั้งแต่ท่านพ่อทรยศวังสวรรค์ข้าก็เตรียมใจไว้แล้วตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายนัก วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันไม่ได้ถูกพรากไป”ฟงจินฮวงกล่าว
เทพธิดาไปชิงยิ้ม “ไม่ใช่ว่าฝ่ายธรรมะไม่ทําเรื่องชั่วช้า แต่พวกเขาจะปกปิดมันด้วยข้ออ้างที่ชอบธรรมดีแล้วที่เจ้าเข้าใจอย่างไรก็ตามไม่จําเป็นต้องกังวลมากเกินไปพ่อของเจ้าออกจากวังสวรรค์ แต่เขายังมีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่นวังสวรรค์และนิกายคฤหาสน์วิญญาณจะไม่แตะต้อง
เจ้า”
ฟงจินฮวงไม่ปิดบังความไม่พอใจ “ท่านแม่ไม่จําเป็นต้องแก้ตัวแทนท่านพ่อแม้ข้าจะเข้าใจท่านพ่อแต่ข้าจะไม่ยกโทษให้ท่านพ่อ ท่านพ่อหันหลังให้กับวังสวรรค์โดยไม่บอกข้าล่วงหน้าเขาละทิ้งภรรยาและบุตรสาววันหนึ่งข้าจะพิพากษาท่านพ่อ”
“ฮ่าฮ่า” เทพธิดาไปชิงหัวเราะและส่ายศีรษะก่อนจะเดินเข้าไปหาฟงจินฮวงและจับมือนาง“เจ้าเข้าใจพ่อของเจ้าผิดเพลงพบกันใหม่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรักของเรามันไม่เคยถูกบรรเลงต่อสาธารณชนมันมีไว้เพื่อแม่เท่านั้นแต่เขาใช้มันในสงครามชะตากรรมมันเป็นการส่งข้อความถึงแม่โดยตรงเขาต้องการบอกว่าไม่ว่าจะเป็นผู้อมตะหรือปีศาจอมตะความรู้สึกที่พ่อมีต่อแม่ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปแม้เขาจะออกจากฝ่ายธรรมะและเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจ ความสัมพันธ์ ในครอบครัวก็จะไม่จบลง”
“เจ้าเชื่อแม่หรือไม่? ตราบเท่าที่แม่บอกใบ้เพียงเล็กน้อยว่าต้องการออกจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เขาจะมารับแม่ไป แต่พ่อของเจ้าเข้าใจและรู้ว่าแม่ไม่ต้องการก้าวเข้าสู่เส้นทางสายปีศาจ ดังนั้นเขาจึงให้โอกาสเราทั้งสองเลือกเส้นทางของตนเองอย่างเสรีและไม่ต้องการให้การตัดสินใจของเขาเป็นภาระของเรา”
ฟงจินฮวงก่นเสียงเย็น “ท่านพ่อต้องการช่วยฟางหยวนมากว่าท่านอาจารย์ แม้ท่านอาจารย์จะหัวแข็งและให้ความสําคัญกับชะตากรรมมากเกินไป แต่สุดท้ายเขาก็ใจดีกับข้าท่านพ่อเย็นชาและไร้หัวใจเกินไป!”
“ท่านแม่ เมื่อท่านสบายดี ข้าก็ขอตัวก่อน”
“เจ้า…” เทพธิดาไปชิงถอนหายใจแต่ไม่ได้ขอให้บุตรสาวของนางอยู่ต่อ
เมื่อฟงจินฮวงออกจากหุบเขาฝนเงียบ นางพบกับผู้ใช้วิญญาณหญิงสองคน
คนทั้งสองเดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“ศิษย์พี่ เราได้ยินว่าท่านมาที่นี่ ดังนั้นเราจึงรีบมาหาท่าน!” ผู้ใช่วิญญาณหญิงชื่อฉันจวนกล่าว
“ศิษย์พี่ ข้าขอโทษ ข้าข้าไม่ต้องการขโมยโอกาสของท่าน…” ซุนเหยากล่าวด้วยความกังวล
ฉันจวนและซุนเหยาเป็นสหายที่ดีของฟงจินฮวง ทั้งสองเป็นผู้ติดตามของนาง
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฟงจินฮวงติดตามราชันมังกรและออกไปฝึกฝนอยู่ภายนอกดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้พบกันมากนัก
ฟงจินฮวงหัวเราะเสียงดัง “คราวนี้เจ้าทําได้ดีมาก เหตุใดต้องขอโทษ? มันเป็นเรื่องเล็กน้อยข้าไม่สามารถกลายเป็นผู้อมตะหากปราศจากโอกาศนี้งั้นหรือ? สําหรับข้าการเป็นผู้อมตะไม่ใช่ปัญหา ข้าเพียงต้องพิจารณาว่าผู้อมตะเช่นไรที่ข้าต้องการเป็นแต่สําหรับเจ้านี่เป็นโอกาสที่หายากดังนั้นจงคว้ามันไว้!”
หลังจากพูดคุยกับซุนเหยา ฟงจินฮวงมองไปที่ฉันจวน “เจ้าค่อนข้างกระตือรือร้นและพากเพียรแต่เหตุใดเจ้าจึงหมดสติในการปรับแต่งเต่คราวก่อนหากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้คนที่ได้รับการเสนอชื่อจะเป็นเจ้า”
ฉันจวนไม่กล้าโต้แย้ง “ศิษย์พี่กล่าวได้ถูกแล้ว ข้าจะทํางานอย่างหนัก”
“ศิษย์พี่ ฉันจวนได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว นางไม่สามารถอดทนต่ออาการบาดเจ็บและหมดสติ” ซุนเหยาเร่งชี้แจง
“เป็นเช่นนั้น” ฟงจินฮวงพยักหน้า “มันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่จริงๆ หลังจากฟางหยวนทําลายวิญญาณชะตากรรม ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์จํานวนนับไม่ถ้วนกระจายไปยังผู้คนบนโลกใบนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนแม้จะมีอันตรายซ่อนอยู่อย่างไรก็ตามความสําเร็จของเราจะขึ้นอยู่กับความสามารถและความพยายามของตัวเราเอง”
“ฉันจวนจะฟังคําสอนของศิษย์พี่” ฉันจวนโค้งคํานับ
ฟงจินฮวงยิ้ม “ไปกันเถอะ ข้าจะให้คําแนะนําแก่พวกเจ้าทั้งสอง”
ฉันจวนและซุนเหยามีความสุขมาก “ยอดเยี่ยม เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนานมากแล้ว”
ทั้งสามเดินไปด้วยกันและค่อยๆออกจากหุบเขาฝนเงียบ
ภายในหุบเขา เทพธิดาไปชิงหยุดใช้วิธีตรวจสอบของนาง
“ลูกสาวของท่านเติบโตขึ้นแล้ว” เทพธิดาไปชิงรู้สึกโล่งใจ
ฟงจินฮวงเข้าใจสถานการณ์ของนางเองรวมถึงวังสวรรค์และสิบนิกายโบราณนางมีความคิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับการกระทําของฟงจิวเก้อนางสามารถตัดสินและละทิ้งมันนางมีความคิดที่เติบโตขึ้น
“บางทีการทรยศของท่านอาจทําให้ลูกสาวของเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เราควรปล่อยให้นางเดินไปตามเส้นทางของนางเอง”
“ในฐานะแม่ สิ่งเดียวที่ข้าทําได้คืออวยพรให้นาง”
“แน่นอนว่าหากบางคนในนิกายไม่รู้ว่าสิ่งใดดีสําหรับพวกเขาและทําสิ่งเลวร้ายบางอย่าง ข้าจะไม่หลบหนีจากการเผชิญหน้าเช่นกัน” การแสดงออกของเทพธิดาไปชิงกลายเป็นเย็นชา
ในเวลาเดียวกัน บนยอดเขาเสน่หา
หลีจุนอิงและซูเฮามาเยี่ยมจาวเหลียนหยุน
จ้าวเหลียนหยุนกลายเป็นผู้อมตะไปแล้วและเป็นเจ้าของยอดเขาแห่งนี้
นางมาถึงจุดนี้ได้เพราะการสนับสนุนของซูเฮาและหลีจุนอิง
จ้าวเหลียนหยุนจดจ่าหนี้เหล่านี้เอาไว้ในใจของนาง ดังนั้นเมื่อซูเฮาและหลจนอิงมาเยี่ยมนางจึงรีบออกมาต้อนรับพวกเขา
แต่เมื่อนางได้ยินคําขอของพวกเขา นางกลับรู้สึกล่าบากใจ
“ผู้อาวุโส พวกท่านต้องการให้ข้าใช้สถานะของข้าเพื่อจัดการฟงจินฮวงและเทพธิดาไปชิงเช่นนั้นหรือ?”
“ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ฟงจิวเก้อทรยศและทําให้วังสวรรค์พ่ายแพ้ หากเราฉวยโอกาสนี้เราจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน” ซูเฮากล่าว
ความเกลียดชังระหว่างซูเฮากับฟงจิวเก้อมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
สําหรับพวกเขา การทรยศของฟงจิวเก้อถือเป็นข่าวดี มันเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง
“นี่…” จาวเหลียนหยุนลังเล “ผู้อาวุโส ข้ารู้ว่าท่านมีความแค้นกับฟงจิวเก้อ แต่เหตุใดต้องพาดพิงถึงครอบครัวของเขา?”
“โอ้ เหลียนหยุน บางครั้งเราก็ไม่สามารถใจดีเกินไป ลองคิดดู คิดถึงช่วงเวลาที่เจ้าแข่งขันชิงตําแหน่งผู้นํานิกาย” หลี่จุนองกระตุ้น “หากเราไม่ใช้โอกาสนี้เราจะเสียใจในอนาคตเจ้าไม่จําเป็น ต้องกังวล ข้าจะบอกเจ้าบางอย่างเดิมที่ผู้ที่ได้การเสนอชื่อจากนิกายของเราคือฟงจินฮวง แต่ตอนนี้ชื่อของนางถูกถอดออกแล้ว”
จ้าวเหลียนหยุนพยายามอธิบายว่านางไม่เต็มใจที่จะทําเรื่องนี้ ความขัดแย้งควรได้รับการแก้ไขและไม่ถล้ําลึกมากขึ้น ในการแข่งขันเพื่อตําแหน่งผู้นํานิกายฟงจินฮวงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งแต่นางไม่เคยใช้วิธีไร้ยางอายใดๆดังนั้นจ้าวเหลียนหยุนจึงไม่ต้องการจัดการนาง
แม้จ้าวเหลียนหยุนและฟงจินฮวงจะเป็นคู่แข่ง แต่จ้าวเหลียนหยุนไม่มีความรู้สึกไม่ดีต่อฟังจินฮวง
ซเฮาไม่ฟังคํากล่าวของนาง “ฟงจิวเก้อเคยช่วยเหลือพวกเรางั้นหรือ?”
“เจ้าใจดีเกินไป” หลี่จุนอิงขมวดคิ้ว
จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจและเปลี่ยนคําพูด “ผู้อาวุโส เราต้องวิเคราะห์สถานการณ์นี้อย่างลึกซึ้งแม้นิกายจะเสนอชื่อคนอื่น แต่วังสวรรค์ไม่ได้ลบล้างสถานะของฟงจินฮวงโดยตรงเราสามารถมองเห็นทัศนคติของวังสวรรค์ที่ยังรักษาความสัมพันธ์ที่คลุมเครือต่อฟงจินฮวงจากเรื่องนี้”
“เพราะพวกเขายังไม่แน่ใจในเวลานี้ ดังนั้นเราจึงต้องชิงลงมือและช่วยพวกเขาตัดสินใจ! การต่อสู้เพื่ออ่านาจไม่มีวันยุติ เฉพาะเมื่อผู้ชนะที่แท้จริงปรากฏขึ้นสันติภาพจึงจะมาเยือน”หลี่จนถึงกล่าว
จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจอีกครั้ง นางทําได้เพียงยอมรับค่าขอของพวกเขา
นางไม่มีทางเลือกอื่น นางติดหนี้บุญคุณคนทั้งสอง แม้นางจะไม่เต็มใจ แต่ผู้คนบนโลกใบนี้มักไม่สามารถเลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการ
จ้าวเหลียนหยุนเป็นปีศาจต่างโลก แม้นางจะเป็นผู้นํานิกายคนปัจจุบัน แต่นิกายคฤหาสน์วิญญาณจะกีดกันนางหากนางสูญเสียการสนับสนุนจากซูเฮาและหลีจุนอิงนางจะกลายเป็นคนนอกอย่างแท้จริง
เมื่อจ้าวเหลียนหยุนตกลง ซูเฮาและหลีจุนยิ่งมีความสุขมากและสัญญาว่าจะมอบรางวัลมหาศาลให้นาง
จ้าวเหลียนหยุนไม่สนใจรางวัล หลังจากคนทั้งสองจากไป นางก็กลับไปฝึกฝนต่อ
ความพินาศของวิญญาณชะตากรรมเป็นข่าวดีสําหรับจ้าวเหลียนหยุน ด้วยวิธีนี้ หม่าหงหยนจะมีโอกาสฟื้นคืนชีพ
แต่ดวงวิญญาณของหม่าหงหยุนยังอยู่ในมือฟางหยวน
ดังนั้นจ้าวเหลียนหยุนจึงต้องฝึกฝนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองเพื่อเตรียมตัวช่วยคนรักของนาง
ในห้องลับ จ้าวเหลียนหยุนสงบจิตใจและตรวจสอบมิติช่องว่างของตน
เดิมที่มิติช่องว่างของนางเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ แต่หลังจากที่มันได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ หลายสิ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
พื้นดินเริ่มแตกแยกและปรากฏร่องลึกขนาดใหญ่ ต่อมามีฝนตกหลักและมีแม่น้ำก่อตัวขึ้น แม่น้ำลนและท่วมพื้นที่รอบๆ หลังจากสามวันสามคืน อุทกภัยจึงค่อยๆสงบลงและทิ้งบ่อโคลนเอาไว้ แม่น้ำหลายสายเชื่อมต่อกันอย่างหนาแน่นและซับซ้อน
จ้าวเหลียนหยุนตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
“ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ มิติช่องว่างจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างสมดุลแม้มันจะพบกับภัยพิบัติชั่วคราวแต่ศักยภาพของมันจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
จ้าวเหลียนหยุนครอบครองผนึกศักดิ์สิทธิ์ของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ นางไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่การได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ช่วย นางได้มาก
“หากข้ามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์มากกว่านี้!”
“เห้อ…น่าเสียดายที่ข้าได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์เพียงหกร่องรอย
“ฟางหยวนได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ที่ร่องรอย หลังจากทั้งหมดเขาเป็นคนหลอมรวมวิญญาณเขาอยู่ใกล้ที่สุด
จ้าวเหลียนหยุนถอนหายใจ
นางไม่สามารถจินตนาการหรือหาค่าตอบ แต่นางรู้ว่าความแตกต่างระหว่างนางกับฟางหยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล