บทที่ 818 ยากจนจนเหลือแค่เงิน

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

อะไรคือการถูกดูหมิ่น?

อันที่จริง สิ่งเหล่านั้นที่มินตราพูดในสวนดอกไม้ ไม่ใช่เลยสักนิด อย่างมากก็แค่ถือว่าเป็นยายแก่บ้าที่ยืนด่าตามท้องถนน

แต่ตอนนี้ ชายชราคนนี้ไม่เหมือนกัน เขาใช้สีหน้าท่าทางอันเรียบนิ่งพูดออกมากับเธอ ก็เป็นคำพูดที่สุภาพที่สุด

แต่หลังจากที่เธอฟังแล้ว ในใจกลับคิดว่าถูกเหยียบย่ำอย่างจังอยู่ใต้ฝ่าเท้า อีกทั้งยังเหยียบตรงใบหน้าของเธอ แม้แต่จะหายใจ เธอก็รู้สึกได้ถึงความอับอาย!

อะไรคือควรแตะต้อง? ไม่ควรแตะต้อง?

เขาพูดถึงหลานชายผู้มีฐานะสูงส่งของเขาคนนั้นเหรอ?

ดังนั้น เขาก็ไม่ต่างอะไรกับลูกสะใภ้ของเขา อันที่จริงต่างก็ดูถูกเธอแสงดาว สำหรับภูมิหลังของเธอ ก็ไม่สนใจด้วยเช่นกัน

ใช่ไหม?

แสงดาวจำไม่ได้เลยว่าชายชราคนนี้เดินออกไปเมื่อไหร่?

เธอรู้เพียงว่า ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา พ่อบ้านสินคนนั้นก็ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว

“คุณแสงดาวครับ คุณท่านให้ผมช่วยคุณจองตั๋วเครื่องบินไว้เสร็จแล้วครับ เที่ยวบินหนึ่งทุ่มคืนนี้ครับ”

เขายื่นตั๋วเครื่องบินใบหนึ่งมา

แสงดาวเห็นเข้า ตะลึงไปหลายวินาที จากนั้นก็ลุกขึ้นนั่งอยู่ตรงนั้นแล้วกระตุกมุมปากอันซีดเผือด เผยให้เห็นถึงความหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย

“ได้ แต่ตั๋วเครื่องบินไม่ต้องแล้ว ฉันสามารถขับเครื่องบินส่วนตัวกลับไปด้วยตัวเอง”

“……”

ไม่นาน ตาสินก็ทำได้เพียงแค่นำตั๋วเครื่องบินกลับไปอย่างเขินอาย

บางครั้ง ก็ช่างเกลียดคนมีเงินเสียจริงๆ !

แสงดาว : “แล้วน้องชายของฉันล่ะ? พวกเขาจะมาถึงเมื่อไหร่?”

“อ๋อ พวกเขาเหรอครับ พรุ่งนี้ถึงจะมาถึงครับ คุณสบายใจได้ หลังจากที่มาถึงแล้ว พวกเราจะต้องรายงานสารทุกข์สุกดิบให้คุณทราบแน่นอนครับ”

ตาสินรับประกันให้เธอฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ

แต่ในความเป็นจริง พวกแสนรักไม่ใช่มาถึงพรุ่งนี้ แต่เป็นสองทุ่มคืนนี้ก็มาถึงแล้ว ที่เขาพูดแบบนี้ ก็เพื่อไม่ให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าได้พบเขาก็แค่นั้นเอง

สุดท้ายแสงดาวก็ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เธอทำตามที่เขาสั่ง เริ่มจัดเก็บสัมภาระเพื่อไปจากสถานที่นี้

เมื่อข่าวนี้ไปถึงบ้านตระกูลโชคศักดา ขวัญเมืองก็ดีใจเป็นที่สุด

ในที่สุด คราวนี้ก็ไม่ทำให้เธอต้องผิดหวัง

เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วส่งข้อความหนึ่งให้กับม็อกโก

“พี่คะ วันนี้ฉันจะไปที่บ้านตระกูลไวท์หน่อยค่ะ พี่ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?”

“ตระกูลไวท์? ตระกูลไวท์ไหนกัน?”

ม็อกโกทางนั้นที่คาดว่ากำลังดูโทรศัพท์อยู่ หลังจากที่ได้รับข้อความแล้วก็รีบตอบกลับไปทันที

ขวัญเมืองจึงส่งอีโมจิที่น่ากลัวมาอันหนึ่งมาให้

“แน่นอนว่าเป็นบ้านหลานชายของไวท์รอน เขาบอกว่าวันนี้มีเปิดสถานบันเทิงหนึ่ง และย้ำว่าจะต้องให้ฉันไปเปิดสักสองโต๊ะให้พวกเขา ฉันเองก็ไม่กล้าไป……”

คำพูดหลัง เธอส่งมาเป็นอีโมจิหน้าเศร้าร้องไห้ ซึ่งความหมายก็ชัดเจนเป็นที่สุดแล้ว

ไวท์รอนมีหลายชายคนหนึ่งที่คอยพัวพันกับเธออยู่ไม่ขาดจริงๆ แต่นั่นไม่ใช่คนดีอะไร ลามก โลภมาก และยังไร้ประโยชน์

ฉะนั้น ขวัญเมืองจึงเกลียดเขาเป็นอย่างมาก

ม็อกโกทางนั้นเห็นแล้ว จากนั้นไม่นาน เขาก็ตอบกลับข้อความตอบตกลงมา

“ได้ พี่ไปเดี๋ยวนี้”

“ค่ะค่ะ”

ขวัญเมืองดีใจเป็นที่สุด

ขอเพียงแค่ยื้อเขาไว้ให้ได้ในช่วงเวลานี้ เป็นอย่างนั้นผู้หญิงที่ชื่อแสงดาวคนนั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอเขาแล้ว

เธอจึงหากระโปรงที่สวยที่สุดของตัวเองออกมา

——

ณ เดอะวิวซี

ก่อนที่แสงดาวจะจากไป ก็อยากจะติดต่อกับผู้ชายคนนี้สักหน่อย

แต่ ตอนที่เธออยู่ในห้องนอน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหลายครั้ง จนถึงตอนสุดท้าย ก็กลับวางลงไป

ยังมีอะไรให้ต้องติดต่อกันอีกล่ะ? พวกเขาคือเป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่ใช่เหรอ?

เธอเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากประตูไปอย่างเย็นชา

“ฮัลโหล? คุณหนูใหญ่ ผมได้ยินว่าคุณจะไปจากเดอะวิวซีแล้วเหรอครับ?”

ก็ไม่รู้ว่าดลธีรู้ข่าวนี้มาได้อย่างไร จู่ ๆ ก็โทรศัพท์มาหา

แสงดาวพยักหน้า : “อืม หมี่จะกลับมาแล้ว ฉันก็ควรกลับไปได้แล้ว”

เธอไม่อยากบอกเรื่องจริงที่เธอถูกไล่ไป

กลับไม่คาดคิดว่า โทรศัพท์ฝั่งนั้นเมื่อดลธีได้ยินแล้ว จู่ ๆ เขาก็พูดมา : “งั้นพอดีเลย คุณไปสถานบันเทิงนั้นที่เปิดใหม่ที่ตอนเหนือกับผมหน่อย ผมได้ข่าวคราวของกาวินแล้ว เขาน่าจะอยู่ที่นั่น”

“จริงเหรอ?”

แสงดาวได้ฟัง ทันใดนั้นก็กวาดล้างอารมณ์หมองหม่นก่อนหน้านี้ออกไป ดวงตาก็สว่างขึ้นมาทันที

เมื่อหลังจากที่เธอออกไปจากเดอะวิวซีแล้ว ก็ไปยังสถานบันเทิงที่ว่ากันว่าเปิดโดยคนที่มีเบื้องหลังแข็งแกร่งมากพร้อมกับดลธี

กาวินคนนี้ พวกเขาจะต้องหาเจอให้จนได้

โดยเฉพาะหลังจากที่เธอกับไชยันต์เอ่ยถึงคนคนนี้ เพื่อไม่ให้ถูกค้นพบเรื่องฝาแฝดที่ไม่สามารถปรากฏตัวได้ พวกเขายิ่งจะต้องหาคนคนนี้ให้เจอเสียก่อน

แต่อย่างไรพวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่า เมื่อตอนที่ทั้งสองคนมาถึงที่นี่ พวกเขาก็หาตัวกาวินเจอจริงๆ!

แต่ว่า เขาได้กลายเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรงเพื่อให้ผู้คนได้เล่นสนุกไปแล้วเรียบร้อย

“เห็นหรือยัง? นี่คือของเล่นชิ้นใหม่ที่ผมฝึกฝนมานานแสนนาน เพียงแค่ผมสั่งให้เขาทำอะไร? เขาก็จะทำอย่างนั้น!”

ในบาร์ที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและมืด เมื่อลำแสงทั้งหมดหรี่แสงลง มีลำแสงที่เจิดจ้าหนึ่งสาดส่องไปยังบนร่างกายคนที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มือทั้งสองทาบไปกับพื้น และมีสายคล้องคอเส้นหนึ่งผูกอยู่ที่คอด้วย

ทันใดนั้น สายตาของผู้คนทั้งหมดก็จับจ้องไปทางนั้น

รวมถึงแสงดาวและยังมีดลธีที่แอบแฝงตัวอยู่ท่ามกลางผู้คน

ตอนที่แสงดาวมองเห็นฉากนี้ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือน่ารังเกียจ เธอเบือนหน้าหนี ไม่อยากดูอีกต่อไป

เพราะว่า เธอที่ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกมาช่วงระยะหนึ่ง รู้เป็นอย่างดีว่านี่คือ “สัตว์เลี้ยง” อะไร และเกมที่เล่นอยู่เป็นเกมอะไร?