ตอนที่ 853 ทำร้ายอย่างป่าเถื่อน

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

อวิ๋นซื่อเทียนไม่กล่าวสิ่งใดทว่ามองดูการสาดวาจาโต้ตอบระหว่างเซิ่งเซียวและหวังอวิ๋นเย่ด้วยแววตาเย็นชา ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน

อย่างไรก็ตาม นางยังไม่ดึงมือออกและปล่อยให้เซิ่งเซียวจับมือของนางไว้แน่น แม้จะไม่กล่าวสิ่งใด การกระทำนี้ก็แสดงให้เห็นทัศนคติของนางได้อย่างชัดเจน

ในความจริง อวิ๋นซื่อเทียนก็ไม่เคยมีความคิดต่อต้านหรืออคติต่อเซิ่งเซียว นางเพียงมีความคิดบางอย่างของตนเองอยู่และยังไม่อยากจะยอมรับเขาในตอนนี้ก็เท่านั้น

“จิ๊จิ๊ เจ้าคิดผิดแล้วล่ะ ซื่อเทียนชอบคนหยาบช้าอย่างข้านี่แหละ ในทางกลับกัน…นางรำคาญบุรุษที่หลงตัวเองอย่างเจ้าเป็นที่สุดและไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าด้วยซ้ำ”

ในตอนนี้เซิ่งเซียวไม่แสดงความโกรธแค้นออกไป ทว่าเพียงกล่าววาจาเย้ยหยันถากถางหวังอวิ๋นเย่

“บัดซบ !”

หวังอวิ๋นเย่เดือดดาลอย่างที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาฉุนเฉียวจนแทบข่มอารมณ์ไม่ได้ก็คือการที่เซิ่งเซียวมีทิฐิสูงเกินไปและไม่ยอมผ่อนปรนอะไรต่อเขาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังจับมืออวิ๋นซื่อเทียนไว้แน่นตลอดเวลาราวกับจงใจทำให้เขาเห็นมัน ช่างเป็นการกระทำที่น่าหงุดหงิดยิ่งนัก !

“เซิ่งเซียว จะเสียเวลาคุยกับคนเช่นนี้ไปเพื่ออะไร เรายังมีสิ่งอื่นที่ต้องทำ อย่ามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย”

ในที่สุดอวิ๋นซื่อเทียนก็เอ่ยปากออกมาและเป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าหมดความอดทนเต็มที นางไม่เห็นหวังอวิ๋นเย่อยู่ในสายตาเลยสักนิด

“ซื่อเทียน เหตุใดเจ้าจึงทำตัวเย็นชากับข้าถึงเพียงนี้ ? ตลอดเวลาที่เราอยู่ในเมืองฉีอวิ๋นก่อนหน้านี้ เจ้าเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามีความสุขที่ได้พูดคุยกับข้า”

หวังอวิ๋นเย่สัมผัสได้ถึงความเอือมระอาของอวิ๋นซื่อเทียนและความเกลียดชังที่เขามีต่อเซิ่งเซียวก็ทวีคูณมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาพยายามควบคุมสีหน้ามิให้แสดงออกไปและแสร้งทำเป็นเศร้าโศกขณะกล่าววาจาที่น่าเห็นใจ

“หุบปาก เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกนางว่าซื่อเทียนด้วยซ้ำ !”

เซิ่งเซียวรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของอวิ๋นซื่อเทียนเช่นกัน รอยยิ้มยียวนของเขาหายไปทันทีและสีหน้ากลับกลายเป็นจริงจังขึ้นมา

“ก่อนหน้านี้ข้าบอกกับเสี่ยวยวี่ยวี่ไปแล้วว่าหากพบเจ้าก็ควรเตือนเจ้ามิให้คิดยุ่งเกี่ยวป้วนเปี้ยนกับซื่อเทียนของข้าอีก มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้าเสียความเป็นชายไปตลอดกาล ในเมื่อเราได้พบกันแล้ว ข้าย่อมไม่ผิดคำพูด !”

น้ำเสียงเรียบเฉยเย็นชาทำให้หวังอวิ๋นเย่รู้สึกถึงแรงกดดันอันแรงกล้าในทันที

“เหอะ อยากจะเห็นเช่นกันว่าเจ้าจะมีฝีมือสักเพียงใดจึงริอาจกล่าววาจาดูหมิ่นข้าเช่นนี้ !”

หวังอวิ๋นเย่แค่นเสียงเย็นชาเช่นกันและแผ่แรงกดดันตรงไปที่เซิ่งเซียวอย่างไม่ยอมน้อยหน้า

“จัดให้ตามคำขอ !”

เซิ่งเซียวปล่อยมือที่จับอวิ๋นซื่อเทียนไว้แน่นก่อนพุ่งตรงเข้าไปประจันหน้ากับหวังอวิ๋นเย่ทันที

หวังอวิ๋นเย่ก็ไม่กล้าประมาทและเข้าไปตอบโต้เซิ่งเซียวอย่างรวดเร็ว

ความแข็งแกร่งของทั้งสองอยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงเหมือนกันและแทบจะมีพลังอยู่ในระดับที่เท่าเทียมกัน เพราะเหตุนั้นแรงกดดันที่ทั้งสองแผ่ออกไปจึงไม่ส่งผลกระทบต่อกันและกันนัก

เนื่องจากเป็นการคัดเลือกในรอบสุดท้าย ทั้งสองจึงไม่คิดเปลืองแรงไปกับการฆ่ากันถึงตายและเพียงต้องการสั่งสอนให้อีกฝ่ายรู้สำนึกเท่านั้น

ทั้งเซิ่งเซียวและหวังอวิ๋นเย่ไม่ได้คิดใช้อาวุธใดและไม่ใช้พลังมายามากจนเกินไปด้วยซ้ำ การประจันหน้าครานี้ขึ้นอยู่กับกระบวนท่าโจมตีและการปะทะด้วยกำปั้นเป็นหลักเท่านั้น

หากเปรียบเทียบกับการประจันหน้าด้วยพลังมายา การปะทะกันด้วยกระบวนท่าหมัดมวยก็เป็นสิ่งที่ฉินอวี้โม่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การต่อสู้ที่เน้นทักษะฝีมือเช่นนี้น่าสนใจยิ่งกว่าการพึ่งพาอาศัยพลังมายาในการเอาชนะกันเสียอีก

ในฐานะจอมยุทธ์มากพรสวรรค์และฝีมือดีของเมืองฉีอวิ๋น แน่นอนว่าหวังอวิ๋นเย่มักฝึกฝนสั่งสมวิชาอยู่เป็นประจำ แม้หลังจากปล่อยหมัดปะทะกับเซิ่งเซียวผู้ทรงพลังหลายครา เขาก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อเป็นเวลานานเพียงใด หัวใจของหวังอวิ๋นเย่ก็เริ่มหวาดหวั่นมากขึ้นเพียงนั้น

แม้ว่าพลังของทั้งสองจะอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน ทว่าเซิ่งเซียวกลับมีความเร็วที่เหนือกว่าหวังอวิ๋นเย่พอสมควร อีกทั้งยังมีกระบวนท่าโจมตีที่หลากหลาย คาดการณ์ได้ว่าบุรุษผู้นี้น่าจะผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน

ในทางกลับกัน แม้หวังอวิ๋นเย่จะหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ ทว่าฝีมือการต่อสู้ที่แท้จริงของเขากลับด้อยกว่าเซิ่งเซียวมากนัก เขาสามารถรับมือได้เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปและต้องรับมือกับการโจมตีมากกว่าสิบกระบวนท่า เขาจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน

เซิ่งเซียวไม่คิดออมมือขณะปลดปล่อยการโจมตีอย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีของเขาก็เริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน

ทั้งสองปะทะกันมากกว่าสิบกระบวนท่าก่อนที่เซิ่งเซียวจะปล่อยหมัดตรงเข้าใส่หน้าอกของคู่ต่อสู้

สีหน้าของหวังอวิ๋นเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อยและรีบหาทางขัดขวางมัน คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เซิ่งเซียวจะเปลี่ยนทิศทางการโจมตีอย่างรวดเร็ว หมัดที่ปล่อยออกมาในตอนแรกไม่กระทบหน้าอกของหวังอวิ๋นเย่ ทว่ามันกลับกระแทกเข้าที่สันจมูกของหวังอวิ๋นเย่อย่างแรงจนเลือดสีแดงสดไหลออกมาทันที

อย่างไรก็ตาม หวังอวิ๋นเย่ไม่ยอมน้อยหน้าและยกขาแตะส่วนสำคัญของเซิ่งเซียวอย่างรวดเร็ว

เซิ่งเซียวที่คาดการณ์การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้จึงกระโดดหลบหลีกได้อย่างทันท่วงที จากนั้นร่างของเขาก็เหยียบลงไปที่ไหล่ของอีกฝ่ายและง้างขาเตะออกไปส่งผลให้หวังอวิ๋นเย่เข่าทรุดล้มลงอย่างไม่อาจควบคุม

“อ่อนแอเกินไป !”

เขาส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าวเยาะเย้ย

พลังของหวังอวิ๋นเย่อยู่ในระดับที่ดีพอสมควร ทว่าประสบการณ์การต่อสู้กลับมีเพียงน้อยนิด หากเป็นการต่อสู้ด้วยพลังมายา เซิ่งเซียวอาจจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ง่าย ๆ เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ในการประจันหน้าด้วยทักษะการต่อสู้เช่นนี้ หวังอวิ๋นเย่ไม่มีทางเทียบเขาได้เลย

เวลานี้หวังอวิ๋นเย่คุกเข่าอยู่บนพื้นและใบหน้าเปื้อนรอยเลือดหลายจุด แม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ก็มีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่หลายส่วนส่งผลให้หวังอวิ๋นเย่ผู้ทะนงตนตกอยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองเท่าใดนัก

เซิ่งเซียวเดินกลับไปอยู่ข้างอวิ๋นซื่อเทียนและไม่คิดที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้จนถึงตาย

อันที่จริง แม้รังเกียจที่หวังอวิ๋นเย่ผู้นี้พยายามเกี้ยวพานและกวนใจอวิ๋นซื่อเทียนอย่างไม่ยอมเลิกรา ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรนางและไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดที่โหดเหี้ยมจนเกินไป

“ไปกันเถอะ”

อวิ๋นซื่อเทียนเมินเฉยต่อหวังอวิ๋นเย่และหันหลังกลับเพื่อเดินหน้าไปยังยอดเขาต่อไป

แน่นอนว่าเซิ่งเซียวรีบตามไปอย่างรวดเร็ว ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือเองก็ชมเรื่องสนุก ๆ มามากพอแล้ว ทั้งสองจึงรีบมุ่งหน้าตามไปอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

“ซื่อเทียน ข้าชอบเจ้าจริง ๆ ข้ารู้ว่าเขามิใช่สามีของเจ้า เจ้าเพียงแสดงละครเพื่อหลีกเลี่ยงข้าเท่านั้น วันนี้ข้าอาจจะพ่ายแพ้…แต่ข้าไม่มีทางยอมล้มเลิกง่าย ๆ แน่ !”

หวังอวิ๋นเย่มองดูกลุ่มคนทั้งสี่ที่เดินจากไปเรื่อย ๆ ขณะกล่าวเสียงดังด้วยน้ำเสียงไม่ยอมแพ้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นซื่อเทียนก็หยุดชะงักไปทันทีและสีหน้าแววตาบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นอวิ๋นซื่อเทียนหยุดชะงักไป หวังอวิ๋นเย่ก็ดีใจขึ้นมาทันที เขามั่นใจมาตลอดว่านางจะต้องแอบมีใจให้กับบุรุษที่เพียบพร้อมอย่างเขาอยู่ไม่น้อย

อวิ๋นซื่อเทียนตวัดสายตากลับและพุ่งตรงมาปรากฏตัวตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วทว่าแววตายังคงเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกใด

“ซื่อเทียน ข้าชอบเจ้าจริง ๆ แต่งงานกับข้าเถอะ ข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่างและไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวัง !”

หวังอวิ๋นเย่มองอวิ๋นซื่อเทียนด้วยแววตาหลงใหลขณะกล่าวเสียงดังฟังชัดและชำเลืองมองไปที่เซิ่งเซียวด้วยแววตายียวน เขารู้สึกได้ว่าอวิ๋นซื่อเทียนเริ่มใจอ่อนให้กับตนแล้ว นางจึงหันหลังกลับมาหาเขาเช่นนี้

เซิ่งเซียวไม่ทราบเช่นกันว่าอวิ๋นซื่อเทียนต้องการทำสิ่งใด เพียงแต่เขามั่นใจว่านางไม่มีทางใจอ่อนให้กับหวังอวิ๋นเย่อย่างแน่นอน เพียงเห็นหน้าของบุรุษผู้นั้นก็ทำให้นางรังเกียจจนแทบอาเจียนแล้ว

“หวังอวิ๋นเย่ ข้าจะบอกกับเจ้าให้ชัดเจน เขาคือสามีของข้าและเป็นเพียงคนเดียวที่ข้าจะยอมรับ ! อย่ามัวแต่หลงตัวเองและมีความมั่นใจผิด ๆ จงกลับไปหาสตรีมากมายในเมืองฉีอวิ๋นเสียเถอะ ข้าไม่ชอบหน้าเจ้าเลยสักนิด !”

ในที่สุดอวิ๋นซื่อเทียนก็กล่าวตอบโต้ทว่าวาจาของนางมิใช่สิ่งที่หวังอวิ๋นเย่คาดไว้แม้แต่น้อย

“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าชอบข้าจริงรึไม่ ทว่าการถูกไล่ตามโดยคนน่ารังเกียจอย่างเจ้า มันทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก ! การที่เจ้าเอาแต่หลงตัวเองและตามรังควานข้าไม่เลิกเช่นนี้มีแต่จะทำให้ข้ารังเกียจเจ้ามากขึ้นเท่านั้น !”

ในตอนแรกหวังอวิ๋นเย่คิดไปเองว่าอวิ๋นซื่อเทียนน่าจะใจอ่อนให้กับตนแล้ว ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นได้เพียงตัวตลกในสายตาของนาง บุรุษอย่างหวังอวิ๋นเย่ที่เล่นกับความรู้สึกของผู้อื่นเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจสำหรับนางจริง ๆ

“ไสหัวไปให้พ้น หากยังเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตของข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าเสียความเป็นชายไปตลอดกาล !”

อวิ๋นซื่อเทียนออกแรงเตะเข้าที่ใบหน้าของหวังอวิ๋นเย่อย่างแรงก่อนหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปยังยอดเขาวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ลังเล

ฉินอวี้โม่ก็เอนกายพิงอ้อมแขนของหานโม่ฉือและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะมองดูเซิ่งเซียวที่ตามอวิ๋นซื่อเทียนไปอย่างใกล้ชิด ในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา