ตอนที่ 2,147 : รากวิญญาณสีม่วง!
นอกจากแม่เฒ่าอสรพิษแล้ว สมควรมียอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน ที่เข้ามาในระนาบเทียมแห่งนี้อีกหลายคน!
เรื่องนี้เมิ่งฮ่าวและเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีก 2 คนมั่นใจมาก
เพราะสุดท้ายแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีกลุ่มผู้ฝึกตนอยู่อีก 2 กลุ่ม
และตามหลักเหตุผล กำลังรบโดยรวมของทั้ง 3 กลุ่มสมควรพอๆกัน
“อย่างไรเสียพวกเจ้าก็อุตส่าห์ผ่านการทดสอบรอบที่ 3 มาได้ เช่นนั้นข้าจะให้เวลาพวกเจ้าได้มีชีวิตต่ออีก 1 เค่อ…หลังผ่านไปครบ 1 เค่อแล้ว ค่ายกลสังหารที่ครอบคลุมพื้นที่ปิดโถงพระราชวังแห่งนี้ก็จะเริ่มต้นการทำงานทันที ฮ่าๆๆ”
หลังเสียงหัวเราะเจิ้งตงจี๋ดังไปสักพัก มันก็หยุดแล้วพูดต่อว่า “ขอให้พวกเจ้าเกษมสำราญกับช่วงเวลา 1 เค่อสุดท้ายของชีวิตให้มาก…เหล่ามนุษย์ผู้โลภมากเอ๋ย”
หลังกล่าวจบแล้ว เสียงเจิ้งตงจี๋ก็ดับหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นอีกเลย
ด้านเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆที่ดึงสติกลับมาอยู่กับร่องได้แล้ว ก็ตื่นตระหนกเสียขวัญกันเป็นธรรมดา
1 เค่อ?
พวกมันเหลือเวลาแค่ 1 เค่อ!?
“ทำอย่างไรดี…พวกเราจะทำอย่างไรกันดี!?”
“เค่อเดียวหรือ…อีกเค่อเดียวพวกเราก็จะตายกันแล้ว! ข้าไม่อยากตาย! ข้าไม่อยากตายแบบนี้!!”
“หนวกหู! เจ้าจะร่ำร้องหาสวรรค์วิมานอันใด! มิใช่เจ้าคนเดียวที่ไม่อยากตาย!!”
……
หลังได้รับทราบว่าเหลือเวลาอีกแค่เค่อเดียวทุกคนก็จะถูกค่ายกลสังหารฆ่าตาย หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะสติแตก
ร่างพวกมันสั่นไหวอย่างแรงยากจะหยุด มือไม้สั่นปั่นป่วนไปหมด ร้องโวยวายออกมาอย่างตื่นกลัว
ความตายนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวสำหรับพวกมันนัก…เพราะพวกมันดิ้นรนบ่มเพาะมาชั่วชีวิตเพื่อแสวงหาชีวิตอมตะ!
หากมีคนฆ่าพวกมันไปเลยก็แล้วไป
แต่ตอนนี้พวกมันกลับมีเวลาเหลือ 1 เค่อ เพื่อให้นับเวลาถอยหลังรอความตาย จึงทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวอย่างหนัก!
กระทั่งชนชั้นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอย่างเมิ่งฮ่าว ตอนนี้สีหน้าก็ย่ำแย่เต็มที
แม้จะเป็นเมิ่งฮ่าวที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์ด้วยบรรลุถึงชีวิตอมตะด้วยวัยเพียงไม่กี่ร้อยปี ก็หน้าเสียขนาดนี้
เช่นนั้นซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีก 2 คนฝึกปรือมานับพันๆปีไหนเลยจะไม่หวงแหนชีวิตตัวเองได้? กล่าวไปพวกมันยังกลัวตายมากกว่าผู้ใดในโถงทั้งสิ้น!
เพราะเดิมทีพวกมันก็พยายามบ่มเพาะมาจนสำเร็จชีวิตนิรันดร์ได้สำเร็จแล้ว หากแต่เป็นพวกมันที่วิ่งโร่หน้าระรื่นเข้ามาแสวงหาโชคลาภในที่แห่งนี้เอง ไม่คิดไม่ฝันเลย…ว่าสุดท้ายแล้วนี่จะเป็นการแสวงหาที่ตายแท้ๆ…
“ไม่! ข้าไม่ยอม!! ข้าไม่ยอม!!”
หลังจากนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เมิ่งฮ่าวก็ทนไม่ไหวสืบไป มันคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่าคุ้มคลั่ง พลังชั่วชีวิตปะทุออก ร่างพุ่งทะยานไปปานสายฟ้าฟาด คล้ายมันจะพยายามหาทางออกจากพื้นที่ปิดแห่งนี้อีกครั้ง…
เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอีก 2 คน เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวกระทำเช่นนี้ พวกมันก็เริ่มลงมือกระทำตามทันที
ต่างแยกย้ายกันไปทั่วโถงพระราชวังที่ปิดตายแห่งนี้ ด้วยหวังว่าจะพบประตูเป็น…
เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวกับผู้ชราทั้ง 3 คนอื่นๆก็เอาชนะความหวาดกลัวในใจ เริ่มปูพรมค้นหาทุกที่ทางในโถงพระราชวังแห่งนี้ทันที
ในขณะที่เมิ่งฮ่าวกับคนอื่นๆกำลังวิ่งหาทางออกกันจ้าละหวั่นในพื้นที่ปิดนั้น…
ต้วนหลิงเทียนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกไม่ไกล ก็ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดจากผู้เฒ่าหั่วเช่นกัน
ถึงแม้ว่าตอนนี้ผู้เฒ่าหั่วจะยังไม่อาจออกมาจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้
แต่ทว่าตอนนี้พลังความแข็งแกร่งก็ได้ฟื้นฟูกลับมาแตะขอบเขตเซียนอมตะแล้ว เช่นนั้นสำนึกเทวะย่อมกล้าแข็งทรงอำนาจเทียบได้กับสำนึกเทวะของเซียนอมตะ
ด้วยพลังอำนาจเทียบได้กับเซียนอมตะ ก็เป็นธรรมดาที่จะมองผ่านระนาบเทียมแห่งนี้ได้กระจ่าง
เช่นนั้นแล้วทุกถ้อยคำวาจาของเจิ้งตงจี๋ที่ดังขึ้นในโถงพระราชวังปิดตายนั่น ผู้เฒ่าหั่วก็ได้รับทราบความทั้งหมดจากสำนึกเทวะมาครบถ้วน ค่อยถ่ายทอดให้ต้วนหลิงเทียนรับทราบ
“เผ่าพันธุ์ปีศาจ? ระนาบเทียมแห่งนี้กลับถูกสร้างขึ้นด้วยเผ่าพันธุ์ปีศาจ 3 ตนงั้นเหรอ!?”
หลังได้รู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก!
เพราะนี่เป็นอะไรที่เขาไม่กล้าคิดฝันมาก่อน!
ระนาบเทียมแห่งนี้…กลับถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ 3 คนที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน และสามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ?
นอกจากนั้นยังไม่มีสมบัติอะไรในที่แห่งนี้?
ชื่อดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจคือ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์?
ทางเข้าระนาบเทียมแห่งนี้เปิดออกเพราะได้รับข้อมูลจากค่ายกลที่พวกมันจัดตั้งไว้ในภูมิภาค หลังจากที่ค่ายกลนั้นเปิดการทำงาน?
และเงื่อนไขในการทำงานของค่ายกลที่ภูมิภาคเบื้องล่างคือสัมผัสได้ถึงไอมารบริสุทธิ์จากเผ่าพันธุ์ปีศาจ?
เผ่าพันธุ์ปีศาจบัดนี้สมควรบุกเข้ามาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครั้งแล้ว? ยุคมนุษย์ปีศาจได้เปิดม่านเริ่มต้นขึ้นแล้ว? และตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจก็สมควรลงหลักปักฐานที่ภูมิภาคเบื้องล่าง?
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยคาดเดามาก่อน ว่าปีศาจอาจรุกรานเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่าง และไม่พ้นพวกมันต้องตั้งฐานที่มั่นระดมกำลังพลจัดทัพให้พร้อม ค่อยจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกครั้งเพื่อบุกมายังภูมิภาคเบื้องบน
แต่ทั้งหมดต้วนหลิงเทียนเพียงคาดเดา
ตอนนี้พอมาได้ยินว่าทุกเรื่องราวกำลังบังเกิดขึ้นจริงจากเจิ้งตงจี๋ สีหน้าต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปมหันต์
“เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาแล้วจริงๆ…ไม่รู้ป่านนี้ท่านพ่อท่านแม่จะเป็นยังไงบ้าง?!”
หลังได้รับทราบเบาะแสสำคัญว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจสมควรบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างแล้วจริงๆ ต้วนหลิงเทียนไม่อาจสงบใจได้ต่อไป ยังวิตกกังวลถึงความปลอดภัยญาติสนิทมิตรสหายและครอบครัวเขาที่ภูมิภาคเบื้องล่างนัก!
ร้อนใจแทบตายแล้ว!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยากให้แผ่นหลังปรากฏปีกแห่งห้วงมิติงอกเงย สามารถท่องทะลวงมิติ ย้อนกลับไปหาครอบครัวในภูมิภาคเบื้องล่างเหลือเกิน
“อีกหนึ่งเค่อค่ายกลสังหารจะเริ่มต้นการทำงาน รัศมีแรงระเบิดสมควรครอบคลุมไปทั้งพื้นที่ปิดนั่น…กลุ่มคนด้านในก็ไม่พ้นต้องตกตายด้วยพลังสังหารจากค่ายกลหมดสิ้น…”
ตอนนี้เองเสียงของผู้เฒ่าหั่วพลันดังขึ้น “เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม จะได้มิพลาดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมัน”
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนกลับนิ่งไปไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจมอยู่ในภวังค์ ได้แต่เหม่อคิดถึงครอบครัวอย่างร้อนใจ
คงเป็นการดีเสียกว่าที่เขาไม่อาจยืนยันได้ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างจริงๆ
ทว่าตอนนี้กลับได้รับการยืนยันจากคำของเจิ้งตงจี๋ ความกังวลทั้งทุกข์ใจทั้งมวลที่กักเก็บไว้ในใจพลันระเบิดออกมาอย่างทะลักทลาย
“ข้ารู้ว่ายามนี้เจ้าเป็นห่วงครอบครัวทั้งสหายของเจ้าที่เบื้องล่าง…แต่กระนั้นเจ้าก็มิอาจใจลอยจนพลาดโอกาสกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของคนกลุ่มนั้นได้!”
เสียงกล่าวของผู้เฒ่าหั่วยังดังขึ้นสืบต่อ น้ำเสียงยังเข้มทั้งเผยความจริงจังแฝงความร้อนใจไม่น้อย
“เจ้าลองคิดดูเถอะ….หากเจ้าพลาดโอกาสกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันไป พรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันก็ได้แต่สลายหายไปอย่างสูญเปล่า….”
“แต่หากเจ้าสามารถกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันได้ล่ะก็ พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าจักกลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงทันที…”
“ตราบใดที่เจ้ามีรากวิญญาณสีม่วง ไม่เพียงแต่วันหน้าเจ้าจะเป็นกำลังรบสำคัญที่คอยสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ…เจ้ายังสามารถช่วยชีวิตภรรยาและลูกสาวได้ในเวลาที่สั้นที่สุด!”
“อีกทั้งหากถึงตอนนั้น ถ้าพลังฝึกปรือเจ้าสูงพอ ข้าย่อมมีหนทางทำให้เจ้าย้อนกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อช่วยเหลือครอบครัวทั้งหมดของเจ้า!!”
ผู้เฒ่าหั่วเร่งกล่าวเกลี้ยกล่อมโน้วน้าวออกมาหมายดึงสติต้วนหลิงเทียน ราวกับกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะพลาดโอกาสดูดซับพรสวรรค์รากวิญญาณเหล่านั้น
และแทบจะพอดีกันกับที่เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังจบคำ
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อตัวได้สำเร็จ แถมแววตายังฉายถึงความแน่วแน่เด็ดเดี่ยว เรียกว่าอารมณ์ความรู้สึกคนคล้ายจะแปรเปลี่ยนไปในพริบตา
เขาไม่ลังเลอะไรสืบไปร่างรีบบึ่งทะยานไปเฝ้ารอใกล้ๆพื้นที่ปิดตามที่ผู้เฒ่าหั่วชี้แนะทันที
หลังจากผ่านไปราวๆเค่อหนึ่ง
ตูมมมมม!!
เสียงระเบิดพลันดังสนั่นขึ้น โถงพระราชวังปิดตายที่กลุ่มของเมิ่งฮ่าวอยู่ถูกพลังทำลายล้างมหาศาลระเบิดทำลายจนไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น สรรพสิ่งหวนคืนสู่ความว่างเปล่า ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดดำรอยู่มาก่อน!
แน่นอน…
พื้นที่โถงพระราชวังอะไรนั่นก็แหลกสลายไปพร้อมๆกันกับพวกเมิ่งฮ่าวโดยไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น
ฟุ่บบบ!!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่แสงสว่างจ้าปรากฏและเสียงระเบิดดังลั่นสะท้านแก้วหู ร่างต้วนหลิงเทียนพุ่งวูบออกไปตามคำชี้แนะของผู้เฒ่าหั่วทันที เขายังเร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปด้วยใจที่หนักอึ้ง เร่งกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในความว่างเปล่า
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนที่แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจจับทุกสิ่งโดยรอบ เมื่อสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยววิญญาณที่ยังตกค้างในโลก คล้ายเขาจะสัมผัสได้ถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงขีดสุด!
“ไม่ต้องกังวล…สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ ข้าจะฆ่าพวกมันเท่าที่กำลังของข้าจะทำได้!!”
ขณะสูบกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวรำพันออกมาเบาๆ
วาจานี้เขากล่าวกับเมิ่งฮ่าวและคนทั้งหมดที่ตกตาย
จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก เขาย่อมรู้ดีว่าพวกเมิ่งฮ่าวนั้นตกตายด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงที่สุด
กระทั่งทุกคนยังแค้นใจ และโทษตัวเองว่าเป็นคนบาป
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้แต่กล่าวปลอบประโลมเศษเสี้ยววิญญาณที่ยังมีห่วงก่อนจะสลายหายไป ด้วยหวังว่าเหล่าวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับอย่างไม่ยินยอมจะได้ยิน และสามารถเดินจากไปในหนทางสู่ปรภพอย่างสงบ…
“รากวิญญาณสีม่วง!”
ต้วนหลิงเทียนที่เหม่อไปพลันดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้งหลังได้ยินเสียงกล่าวของผู้เฒ่าหั่ว และความสนใจของเขาก็ไปตกที่รากวิญญาณในดวงจิตทันที
ตอนนี้เขาจึงได้พบว่ารากวิญญาณของเขา…ได้กลายเป็นสีม่วงอย่างเป็นทางการแล้ว!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงรากวิญญาณสีม่วงอ่อน…แต่ก็นับเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นให้ต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
นั่นทำให้เขาถึงกับลืมเลือนเรื่องราวทุกอย่างในหัว ใบหน้าคลี่ยิ้มตื่นเต้นยินดีออกมาทันที
“เร็วมาก!”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็เริ่มจับสัมผัสพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ และเริ่มชักนำเข้าร่างโดยโคจรเคล็ดบ่มเพาะดู ทำให้เขาพบว่า…ไม่ว่าจะความไวต่อสัมผัสพลังวิญญาณหรือความสามารถในการชักนำดูดซับ มันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว!
“ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้ และความช่วยเหลือจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…ทั้งใต้หล้าไม่มีใครสามารถเหนือกว่าข้าในแง่ความเร็วของการบ่มเพาะได้อีก!”
วินาทีต้วนหลิงเทียนบังเกดิความมั่นใจในตัวเองถึงขีดสุด ยังเป็นความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
และนั่นก็ไม่ใช่ความมั่นใจอย่างไร้เหตุผลอีกด้วย!
“เผ่าพันธุ์ปีศาจอย่าง เจิ้งตงจี๋กับสหายอีก 2 ตนนั่นลงทุนทำถึงขนาดนี้เพื่อสร้างระนาบเทียม สร้างเกมเขย่าขวัญนี่ขึ้นมา…แต่พวกมันคงไม่คิดไม่ฝันว่าข้าจะรอดมาได้แถมยังได้ผลประโยชน์ครั้งใหญ่จาก ‘เกม’ ของพวกมัน!”
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนอดตื่นเต้นไม่ได้
แน่นอนว่าหลังจากที่ตื่นเต้นไปพักหนึ่ง ใบหน้าเขาก็เริ่มฉายความจริงจังขึงขัง
“น่าเสียดายที่ยอดฝีมือระดับนี้ต้องมาตกตาย…ด้วยรากวิญญาณสีครามทั้งหมดที่ข้ากลืนกินไป หากรวมเมื่อครู่ก็มีทั้งสิ้น 8 ราก…เช่นนั้นหมายความว่า ทั้ง 8 สมควรเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น…”
8 ตัวตนที่พลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรืออาจจะเหนือกว่านั้น!
คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมากระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว!
ต้องทราบด้วยว่าเท่าที่เขารู้มาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน สมควรมียนอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปอยู่ราวๆ 30 คน…!
ทว่าภายในระนาบเทียมแห่งนี้ ตัวตนเหล่านั้นกลับเอาชีวิตมาทิ้งไว้ถึง 8 คน…!
นี่เป็นดั่งระเบิดห่าใหญ่ของมนุษย์ชาติในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้อย่างแท้จริง!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจิ้งตงจี๋จะกล่าวว่านี่คือของขวัญชิ้นโตที่มันมอบไว้ให้ชนรุ่นหลังของเผ่าพันธุ์ปีศาจ…
เพราะของขวัญชิ้นนี้ มีมูลค่ามหาศาลจริงๆ!