ตอนที่ 1975 ผลลมหายใจลับสวรรค์!

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนนี้มันทำให้ทุกผู้คนต้องสั่นสะท้านไปทั้งใจ

และเสียงร้องนี้มันก็ดังก้องอย่างยาวนานนับชั่วโมง

จนสุดท้ายแล้วหูเฟยก็หมดแรงและไม่อาจส่งเสียงร้องได้อีก

“หาย! หายจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าพิษของศพเขียวนั้นมันไม่อาจมีโอสถใดรักษา! แต่ตอนนี้เขากลับหายได้จริง!” ซงหยูร้องอย่างตื่นตะลึง

แม้ว่าหูเฟยนั้นจะไม่เหลือแรงขยับร่างกายอีกต่อไปแต่ตอนนี้แผลเน่าบนร่างของเขามันก็ค่อยๆ หายคืนกลับมาแล้ว

ดูท่าโอสถที่เย่หยวนใช้นั้นมันจะชนะพิษของศพเขียวได้จริง

ทุกผู้คนต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึงไม่อาจเชื่อได้ลงสนิทใจ

ในสถานการณ์เช่นเมื่อครู่นี้มันย่อมแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าพิษของศพเขียวนั้นมันรุนแรงเพียงใด ต่อให้จะเป็นโอสถวิเศษใดมันก็คงไม่อาจรักษาได้ง่ายๆ

แต่โอสถนี้ของเย่หยวนกลับสามารถลากหูเฟยกลับมาจากนรกได้

“พี่เย่ช่างสมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอาจารย์ เรื่องราวเช่นนี้มันเหนือล้ำกว่าที่จะคาดถึงจริงๆ!” กั๋วจิงหยางร้องบอกด้วยความชื่นชม

“นี่มันช่างเป็นสุดยอดโอสถที่ฟื้นชีพคนตายได้โดยแท้! ฝีมือของพี่เย่นี้ข้าได้รับรู้อย่างชัดแจ้งแล้ว” หม่าฉางกล่าวขึ้นตาม

เย่หยวนยิ้มตอบไป “ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าโอสถล้างบำรุงนี้มันจะช่วยได้มากมายเพียงใด แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นข้าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลอง”

เมื่อซงหยูได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบิกตากว้างพร้อมถามขึ้น “หืม? โอสถล้างบำรุง? นี่มัน… มันคือโอสถล้างบำรุง?”

ตอนนี้มิใช่เพียงแค่ตัวเขาเท่านั้นที่ตื่นตะลึงแต่รวมไปถึงผู้คนทั้งหลายด้วย

เพราะเจ้าโอสถล้างบำรุงนั้นมันนับว่าเป็นโอสถที่ธรรมดาเป็นพื้นฐานที่สุดในหมู่โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหก มีความยากแค่หนึ่ง หากพูดถึงเรื่องฤทธิ์ในการรักษาแล้วมันนับได้ว่าเบาบางมาก

พวกเขานั้นคิดกันไปว่าโอสถที่เย่หยวนมอบให้หูเฟยกินไปนี้มันย่อมจะเป็นโอสถวิเศษลับจากที่ใด แต่กลับกลายเป็นว่าโอสถวิเศษนี้มันเป็นเพียงแค่โอสถสุดแสนธรรมดาอย่างโอสถล้างบำรุง!

แต่การที่โอสถล้างบำรุงจะมีฤทธิ์ได้ถึงขั้นนี้มันย่อมหมายความว่ามันเป็นโอสถล้างบำรุงที่มีคุณภาพสูงส่งมาก

ขั้นเทวะม่วง?

ขั้นเทวะโมฆะ?

ส่วนขั้นเทวะวิญญาณไพศาลนั้นพวกเขาไม่กล้าที่จะไปคิดถึงมัน

เพราะในชีวิตนี้พวกเขาทั้งหลายยังไม่เคยพบเจอโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะวิญญาณไพศาลมาก่อน

เย่หยวนพยักหน้ารับคำ “สมุนไพรวิญญาณที่หอมหาสมบัติของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศเก็บไว้นั้นมันมีไม่มาก แถมพวกเขายังบอกมาอีกว่าไม่มีสมุนไพรหายากใดๆ เลยทำให้ข้าไม่อาจจะหลอมโอสถล้างพิษขั้นสูงได้ จึงได้แต่ต้องหลอมโอสถล้างบำรุงมาแก้ขัดไปก่อน”

เย่หยวนนั้นไม่ได้เข้าใจถึงความตกตะลึงของผู้คนทั้งหลายเลยเพราะว่าเจ้าโอสถล้างบำรุงมันง่ายแสนง่ายจนเกินไปสำหรับตัวเขา

เขานั้นหลอมมันลวกๆ ก็ยังทำให้ขึ้นถึงสุดขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้

เว้นเสียแต่ว่าซงหยูและพวกนั้นได้แต่หันมองหน้ากันอย่างไม่อาจพูดกล่าวคำใดๆ ออกมาได้

ความสำเร็จในระดับนี้มันจะเหนือล้ำผู้คนเกินไปหน่อยหรือไม่?

แค่โอสถล้างบำรุงยังแสดงฤทธิ์ออกมาได้ปานนี้ หากให้เขาได้ลองหลอมโอสถระดับสูงๆ แล้วมันจะส่งผลที่วิเศษระดับไหนออกมากัน?

ในตอนนั้นเองที่หูเฟยค่อยๆ ฟื้นตัวตื่นขึ้น

“ข้า… ข้ายังไม่ตาย?” หูเฟยถามขึ้นด้วยท่าทางมึนงง

“หูเฟย เจ้าต้องขอบคุณพี่เย่เขาให้ดี หากไม่ได้โอสถของเขาแล้วปานนี้เจ้าคงเหลือแค่เถ้ากระดูก” กั๋วจิงหยางร้องบอก

หูเฟยนั้นนึกขึ้นมาได้ถึงคำสั่งสุดท้ายของเย่หยวนก่อนที่เขาจะหมดสติไป คำสั่งที่บอกให้เขาอ้าปากออก ทำให้เขารีบหันหน้าไปก้มกราบต่อเย่หยวนทันที “ขอบคุณมากพี่เย่ บุญคุณนี้หูผู้นี้จะไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิต พี่เย่นั้นช่างใจกว้างขวาง ตอบแทนความร้ายด้วยความดี หูคนนี้ละอายนัก”

เพราะในหมู่คนที่ว่ากล่าวดูถูกเย่หยวนก่อนหน้านั้นหู เฟยเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำ

แต่ตอนนี้จิตใจของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความละอาย

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่ต้องเกรงใจกันให้มาก เรื่องนี้มันง่ายแค่พลิกฝ่ามือ มาเดินทางกันต่อเถิด”

หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหลายก็เดินทางด้วยกันมาอีกเกือบครึ่งเดือนโดยไม่เจอภัยอันตรายร้ายแรงใดๆ อีก

ตอนนี้แม้แต่ซงหยูก็ไม่ได้คิดร้ายใดๆ ต่อเย่หยวนอีกต่อไปแล้ว

ส่วนคนอื่นๆ นั้นพวกเขาทั้งหลายคิดไว้วางใจเย่หยวนให้เป็นเสาหลักของกลุ่มไปเรียบร้อย

แต่จู่ๆ เย่หยวนก็หยุดเท้าลง

ซงหยูจึงขมวดคิ้วถามขึ้น “พี่เย่ เจออะไรหรือ?”

พวกเขาทั้งหลายนั้นได้เข้าใจรู้ถึงสายตาของเย่หยวนที่ทรงพลังกว่าพวกเขาทั้งหลายอย่างมากมาย หลายต่อหลายครั้งที่เขาจะเห็นถึงสิ่งที่พวกเขาไม่ทันเห็นได้อย่างง่ายดาย

เย่หยวนพยักหน้าขึ้นมา “ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอผลลมหายใจลับสวรรค์ในที่แห่งนี้ได้!”

“ผลลมหายใจลับสวรรค์!” ซงหยูเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ

“มันเป็นผลลมหายใจลับสวรรค์จริงๆ หรือ เจ้าสิ่งนั้นมันช่วยให้ผู้ที่กินลงไปลดเวลาบ่มเพาะไปได้นับพันๆ ปี!” กั๋วจิงหยางบอก

คนอื่นๆ เองก็ตื่นเต้นดีใจอย่างมากเพราะเจ้าผลลมหายใจลับสวรรค์นี้มันจะสามารถช่วยให้พวกเขาทั้งหลายสามารถบรรลุขึ้นหนึ่งหรือสองดาวไปได้ง่ายๆ มีหรือที่พวกเขาจะไม่ดีใจ?

“พี่เย่ มันมีผลลมหายใจลับสวรรค์อยู่กี่ผลกัน?” ซงหยูถามขึ้นอย่างกังวล

เพราะหากมันมีอยู่แค่ผลเดียวตัวเขาก็ดีใจเก้อแน่

เพราะเจ้าผลไม้วิญญาณนี้มันต้องเป็นของเย่หยวนอย่างไม่ต้องสงสัย

เจ้าผลไม้วิญญาณในระดับนี้มันเหนือล้ำเสียยิ่งกว่าโอสถนับร้อยๆ เม็ด แน่นอนว่าราคาของมันย่อมไม่อาจวัดเป็นผลึกปราณเทวะใดๆ ได้

สองดาวของเทพถ่องแท้ หากใช้การบ่มเพาะตามปกติผสานกับโอสถต่างๆ แล้วมันย่อมจะไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้นๆ แน่

ด้วยผลลมหายใจลับสวรรค์นี้พวกเขาจะย่นเวลาบ่มเพาะอันยาวนานไปได้นับพันๆ ปี

เย่หยวนตอบกลับมา “สาม! เรื่องการแบ่งค่อยมาว่ากัน ตอนนี้มันมีศพดำดูแลผลลมหายใจลับสวรรค์นี้อยู่! และเจ้าศพดำตนนี้มันก็ดูไม่ธรรมดา ข้าจะไปล่อมันออกมา ซงหยู เจ้าไปเก็บมันมาที!”

ใบหน้าของซงหยูนั้นตื่นเต้นดีใจอย่างมากเพราะหากเป็นเช่นนี้แล้วตัวเขาคงได้มันมาลูกหนึ่งแน่

เท่านี้การที่จะบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวมันก็คงไม่ยากเย็นแล้ว

“ได้ ระวังตัวด้วย!” ซงหยูยิ้มตอบ

เย่หยวนพยักหน้าออกมาก่อนจะหันหน้ากลับไป

เจ้าศพดำตนนั้นเองมันก็เห็นเย่หยวนเช่นกันแต่มันกลับไม่ได้เข้ามาโจมตีตัวเขาในทันทีและใช้สายตาอันมืดดำนั้นจ้องมองดูเย่หยวนอย่างไม่วางตา

เย่หยวนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ “ดูท่าเจ้าศพดำนี้มันจะเริ่มมีสติสัมปชัญญะบ้างแล้ว ช่างยุ่งยากเสียจริง ดูท่าคงเป็นเพราะเจ้าผลลมหายใจลับสวรรค์แน่”

เขาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเจ้าศพดำอย่างเชื่องช้า อีกด้านทางเจ้าศพดำเองก็ค่อยๆ ปล่อยคลื่นพลังที่รุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้นออกมาเรื่อยๆ ราวกับรอจังหวะจะพุ่งโจมตี

จนในที่สุดเมื่อเย่หยวนเดินมาถึงเบื้องหน้าของมันประมาณหนึ่งร้อยก้าวเจ้าศพดำก็ไม่ทนรออีกต่อไปพุ่งตัวเข้ามาโจมตีเย่หยวนในทันที

‘ปัง!’

การปะทะที่แสนรุนแรงทำให้ทั้งตัวเย่หยวนและเจ้าศพดำถอยหลังกับไปนับสิบก้าว

พลังกายเทียบเท่ากัน!

แต่ต่อให้เย่หยวนจะมีเกราะศึกรุ้งเขียวอยู่กับตัวตอนนี้เคลื่อนในท้องไส้ของเขาก็เริ่มปั่นปวนไม่อยู่กับที่แล้ว

ยอดระดับหกขั้นต้น!

เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านขึ้นในหัวใจ ตอนนี้เขาได้รู้ถึงพลังที่แท้ของเจ้าศพดำแล้ว

เดิมทีเขานั้นคิดว่าการโจมตีของเข้าศพดำนี้คงไม่ธรรมดาแน่ แต่ตอนนี้เมื่อได้ลองรับดูจริงๆ เขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นอย่างที่คาดจริงๆ

พลังของผู้บ่มเพาะกายนั้นคือผู้ที่ใช้พลังเต๋าสวรรค์ยัดบ่มเพาะลงในร่าง เป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกออกได้ด้วยตาเปล่า

มีเพียงเมื่อใช้พลังชีวิตปล่อยมันออกมาเท่านั้นที่พวกเขาจะเผยให้โลกภายนอกได้รับรู้ถึงพลัง

และยอดระดับหกขั้นต้นนั้นมันก็เทียบเท่าได้กับเทพถ่องแท้สามดาว

เพียงแค่ว่าร่างกายของเจ้าศพดำนี้มันเหนือล้ำกว่าเทพถ่องแท้สามดาวไปมาก

ส่วนเย่หยวนนั้นเพิ่งจะขึ้นระดับหกมาได้ไม่นานนัก

หากใช้เพียงแค่พลังของกายทองคำสัมบูรณ์แล้วพลังของเย่หยวนคงเทียบได้กับเทพถ่องแท้สองดาว

แต่เมื่อมีเกราะศึกรุ้งเขียวอยู่ด้วยแล้วเย่หยวนก็สามารถปะทะกับพลังของเทพถ่องแท้สามดาวได้ไม่ยาก

แต่เมื่อต้องมาเจอเจ้าศพดำตนนี้ตัวเย่หยวนกลับไม่อาจจะชิงความได้เปรียบใดๆ มาได้

แต่เย่หยวนเองก็ไม่ลังเลใดๆ รีบพุ่งตัวเข้าไปโจมตีระลอกที่สองทันที!

‘ปัง!’

‘ปัง!’

‘ปัง!’

สามหมัดที่ปะทะกันนี้มันทำให้เย่หยวนต้องกระอักเลือดออกมา

เมื่อเจ้าศพดำเห็นเช่นนั้นมันจึงรีบพุ่งตัวมาต่อยเย่หยวนอย่างบ้าคลั่ง

เพราะสุดท้ายแล้วมันก็มีสติสัมปชัญญะที่จำกัดและเดิมทีมันก็กังวลเรื่องเย่หยวนอยู่แล้ว

เมื่อตอนนี้ได้เห็นว่าเย่หยวนกำลังเสียเปรียบมันจึงรีบตามเข้ามาปิดฉากทันที

เย่หยวนเองก็ไม่คิดลังเลรีบหันหน้าหนีไป!

“ซงหยู!”

“ได้!”

ซงหยูนั้นเตรียมตัวอยู่ตั้งแต่แรก เขารีบพุ่งตัวเข้าไปหาผลลมหายใจลับสวรรค์อย่างรวดเร็วปานลูกศรที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู

เหล่าคนทั้งหลายเองก็ตามตามไปอย่างใกล้ชิดและต่างช่วยกัดหยิบจับเจ้าผลลมหายใจลับสวรรค์

แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะทันได้แตะต้องผลลมหายใจลับสวรรค์มันกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น!

…………………………