ตอนที่ 1976 ฝีมือของหลิวยี่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

‘ตึง!’

เสียงหนึ่งดังลั่นขึ้นทำให้ร่างของพวกซงหยูทั้งสี่ต้องติดตรึงอยู่กลางอากาศไปเสียทั้งอย่างนั้น!

ใช่แล้ว แค่สี่คนเท่านั้น

เพราะอีกหนึ่งคนนั้นยังสามารถขยับร่างกายได้

หลิวยี่!

ตอนนี้ยันต์หนึ่งในมือของเขามันได้กลายเป็นเส้นด้ายจำนวนนับมหาศาลสลายหายไปกับอากาศ

“หึ ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลหนึ่งแผ่นแลกกับผลลมหายใจลับสวรรค์สามผล มันช่างคุ้มค่าเสียจริง!” หลิวยี่มองดูที่ผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามอย่างหิวกระหาย สีหน้าท่าทางสุดตื่นเต้นดีใจ

ด้วยผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามผลนี้เขาย่อมจะสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ขั้นกลางได้ในเวลาสั้นๆ

มีหรือที่ของเช่นนี้เขาจะยอมแบ่งให้ใคร?

นั่นทำให้ดวงตาของพวกซงหยูทั้งหลายต้องเบิกกว้าง พวกเขาทั้งหลายนั้นย่อมไม่มีใครคาดคิดว่าหลิวยี่จะมาทำการทรยศเอาในเวลาเช่นนี้

แต่เมื่อเขาลงมือ มันกลับกลายเป็นวินาทีที่สำคัญที่สุด

พวกเขานั้นรู้สึกได้ว่าร่างกายของคนนั้นกำลังถูกแนวคิดบางอย่างเข้าปกคลุมครอบงำจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย

“หลิวยี่ เจ้า… เจ้ากลับกล้าวางแผนทำร้ายพวกพ้องของตนอย่างนั้นหรือ?” ซงหยูร้องบอกอย่างโกรธแค้น

“หากเจ้ากล้าเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไป รับรองเลยว่าเย่หยวนจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ แน่!” กั๋วจิงหยางพูดเสริมขึ้นด้วยสีหน้าโกรธแค้นเช่นกัน

ในกลุ่มนี้พวกเขาทั้งหลายย่อมจะดูถูกหลิวยี่มากที่สุด

เพราะระหว่างทางมานี้หลิวยี่เอาแต่เก็บตัวไม่ยอมแสดงพลังฝีมือใดๆ ทำให้พวกเขาทั้งหลายไม่อาจรู้ถึงฝีมือที่แท้จริงของเขา

แต่คนเช่นนี้สุดท้ายกลับชักไม้ตายออกมาในวินาทีสำคัญ

ตอนนี้สีหน้าท่าทางน่าสมเพชของหลิวยี่นั้นจางหายไปสิ้น ความฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์แสนกลปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นของเขาแทน

ในเวลานี้พวกเขาได้รู้ตัวแล้วว่าเจ้าหมอนี่มันใช้แผนปลอมเป็นหมูเพื่อล่อกินเสือ!

“หึๆ ข้านั้นถึงขั้นใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลออกมาเจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่กล้าเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไปหรือ? และข้านั้นไม่ได้แค่จะเอาผลลมหายใจลับสวรรค์ไปด้วย แต่ข้าจะ… หึๆ”

พูดมาถึงตรงนี้หลิวยี่ก็หรี่ตาลงด้วยจิตสังหารที่บ้าคลั่ง

เขาคิดที่จะฆ่าปิดปากผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งสิ้น!

ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนมันเป็นสิ่งที่หลิวยี่ได้พบเจอในโบราณสถานของเทพสวรรค์และได้มันมาทั้งสิ้นห้าแผ่น

ของสิ่งนี้มันมีพลังสุดแสนประหลาด อย่าว่าแต่เทพถ่องแท้สามดาว แม้จะเป็นเทพถ่องแท้สี่ดาวก็คงไม่อาจจะขยับหนีออกจากมันได้ในเวลาสั้นๆ

และในระยะเวลาก่อนจะถึงตอนนั้นมันก็มากพอที่จะทำให้หลิวยี่ฆ่าสังหารผู้คนได้

ที่ผ่านๆ มานั้นเพื่อที่จะแย่งชิงของมีค่าจากผู้คนหลิวยี่ได้ใช้ยันต์นี้ไปแล้วถึงสองแผ่น และนี่เป็นแผ่นที่สาม

เจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้มันเป็นสิ่งที่หลิวยี่ไว้วางใจมากที่สุด

และมันก็เป็นเพราะการใช้เจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้เช่นกันที่ทำให้ดวงชะตาของเขาพุ่งทะยานขึ้นรัศมีจักรพรรดิมาได้ จนทำให้ได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาในสนามรบเทพโบราณนี้

การเล่นเป็นหมูเพื่อกินเสือนั้นคือวิธีการถนัดของตัวเขา

แต่ละครั้งที่เขาร่วมกลุ่มเดินทางกับใครในมิติวิเศษเขาก็จะทำเช่นนี้เสมอ ทำการทรยศในวินาทีสำคัญ

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือตราบเท่าที่เขาทำสำเร็จเขาจะฆ่าสังหารผู้คนอย่างไม่ปล่อยให้ใครเหลือรอด!

นั่นทำให้สีหน้าของพวกซงหยูเปลี่ยนไปทันที ซงหยูนั้นพยายามใช้พลังที่มีทั้งหมดออกมาเพื่อจะทำลายพลังที่ตรึงร่างของตนไว้แต่มันกลับไม่เป็นผลใดๆ

ตอนนี้พื้นที่รอบๆ กายของเขานั้นมันแข็งเป็นหินอย่างที่ไม่อาจขยับได้ราวกับถูกยัดไว้กลางแท่นปูน

หลิวยี่นั้นยื่นมือไปเก็บผลลมหายใจลับสวรรค์ทั้งสามมาและหัวเราะลั่น “หึๆ เลิกดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เถิด ด้วยพลังของเจ้าแล้วมันย่อมจะไม่อาจขยับได้ในช่วงเวลาร้อยอึดใจ! เท่านี้เฒ่าคนนี้ก็คงส่งเจ้าทั้งหลายไปโลกหน้าได้ง่ายๆ”

“หลิวยี่ เจ้ากล้า?! เย่หยวนย่อมไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” ซงหยูตะโกนร้อง

เขานั้นหวาดกลัวอย่างมาก ไม่นึกไม่ฝันว่าชีวิตต้องมาจบลงโง่ๆ เช่นนี้

หลิวยี่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน “หากเย่หยวนยังอยู่ข้าก็คงไม่กล้าลงมือทำอะไร เจ้าเด็กคนนี้มันฉลาดเหลือเกิน ข้าไม่อาจอ่านมันได้เลย แต่ตอนนี้ข้าคงต้องไปขอบคุณเจ้าศพดำนั่นเสียหน่อย”

ในกลุ่มนี้หลิวยี่นั้นเกรงกลัวเพียงแค่เย่หยวนเท่านั้น

เพราะความลับในตัวของเย่หยวนนั้นมันมีมากเกินไป ทั้งยังมีวิชาวิธีการที่เหนือล้ำกว่าจะจินตนาการ

ตลอดทางที่เดินมานี้หลิวยี่ก็จ้องมองเย่หยวนอยู่ตลอด

แต่ยิ่งเขาดู เขาก็ยิ่งไม่กังวล

หลิวยี่นั้นเข้าใจว่าเย่หยวนนั้นก็กำลังระแวงในตัวเขาอยู่เช่นกัน

เพราะฉะนั้นเขาจึงพยายามไม่แสดงฝีมือใดๆ ออกมาเพื่อไม่ให้เย่หยวนสงสัยใดๆ เพิ่มไปกว่าเก่า

หลิวยี่มองดูคนทั้งสี่อย่างเย็นเยือกก่อนจะชักขวานออกมาในมือและมันกลับกลายเป็นถึงสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์!

พวกซงหยูที่เห็นเช่นนั้นต้องเบิกตากว้าง หลิวยี่คนนี้กลับมีสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เช่นกัน!

“หึ เจ้าคงตกใจมากสิ? ในอดีตข้านั้นเคยได้รับสมบัติสืบทอดจากเทพสวรรค์ผู้หนึ่งทั้งสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์ ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลรวมไปถึงวรยุทธ์บ่มเพาะ ทั้งหมดสิ้นมาจากเทพสวรรค์ผู้นั้น เจ้าคิดว่าพวกเจ้าตัวเองเป็นลูกหลานแห่งสวรรค์อย่างนั้นหรือ? น่าขันแท้!”

สำหรับพวกซงหยูที่เกิดมาบนความสุขสบายนี้หลิวยี่ย่อมจะดูถูกดูแคลนอีกฝ่ายอย่างมาก

ตัวเขานั้นเดินขึ้นมาถึงวันนี้ด้วยพลังของตนเอง ก้าวมาอย่างยากลำบากทีละก้าว

แต่พวกซงหยูนี้เล่า?

เหล่านายน้อยทั้งหลายนี้เกิดมาบนกองทรัพยากรบ่มเพาะและเติบโตมาอย่างไม่เคยขาดพวกมัน

หลิวยี่นั้นยกขวานขึ้นคิดฟันมันลงใส่ซงหยู

แต่ในวินาทีนั้นเองก็เกิดคลื่นพลังพุ่งทะยานใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว

หลิวยี่หน้าถอดสีก่อนจะร้องขึ้น “พวกเจ้าโชคดีไป!”

พูดจบร่างของเขาก็พุ่งหายไปในม่านหมอกฝุ่นทันที

ความเร็วของเย่หยวนนั้นมันสุดแสนเหนือล้ำ ก้าวกลับมาถึงในพริบตา

เมื่อได้เห็นสภาพของพวกซงหยูทั้งหลายพร้อมด้วยการหายตัวไปของหลิวยี่ เย่หยวนก็เข้าใจเรื่องราวได้ในทันที

“เย่หยวน หลิวยี่มัน…” ซงหยูกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น

เย่หยวนพยักหน้าพร้อมถอนหายใจยาว “ข้าเองก็ระแวงเจ้าหลิวยี่ผู้นี้มาตลอด ไม่นึกว่าสุดท้ายเจ้าศพดำนั้นมันจะเป็นปัญหากว่าที่คาดทำให้ข้ากลับมาไม่ทันการ”

ซงหยูนั้นสั่นสะท้านขึ้นด้วยความสั่นกลัว เป็นเวลานั้นเองที่เขาได้รู้ว่าเย่หยวนมองหลิวยี่ผู้นั้นออกมาแต่ต้น

พวกเขาทั้งหลายนั้นแค่พาหลิวยี่มาเพื่อเป็นตัวประกอบอย่างโง่เขลาจนสุดท้ายถูกมันทรยศ

“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วทำไมยังพามันมาเล่า?” ซงหยูถาม

เย่หยวนตอบไป “หลิวยี่ผู้นี้ข้าไม่อาจมองมันออกได้เลย ทำให้ข้ากลัวว่าหากทำอะไรไปตอนนั้นที่เป็นการเปิดเผยตัวมัน มันอาจจะตอบกลับอะไรมาด้วยวิธีการที่เหนือคาด แต่ก่อนที่จะออกเดินทางมาข้าก็ได้เตือนมันไปแล้ว ไม่นึกว่ามันจะยังกล้าลงมือทำเรื่องเช่นนี้อีก!”

ในเวลานี้ซงหยูเริ่มรู้สึกว่าพลังที่ตรึงตัวเขาอยู่ค่อยๆ คลายออกทำให้เขารีบขยับตัวออกแรงหยุดพ้นจากพันธนาการได้ในที่สุด

“ที่แท้กลายเป็นว่าเจ้าหมอนั่นมันมีสมบัติสืบทอดมาจากเทพสวรรค์ และมันก็ใช้ยันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลเพื่อจับตรึงพวกเราทั้งสี่ไว้” ซงหยูกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ

เย่หยวนเองก็กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ “ไม่นึกเลยว่ามันจะยังมีฝีมือถึงขนาดนี้ ข้าประมาทมากไปจริงๆ”

ที่เย่หยวนกล้าทิ้งกลุ่มไปนั้นย่อมเพราะเขาคิดว่าตัวซงหยูจะสามารถจัดการหลิวยี่ได้

เพราะไม่ว่าอย่างไรเสียคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เก่งกาจเหมือนตัวเย่หยวนจะก้าวข้ามดาวสองดาวได้ง่ายๆ

แต่ดูท่าเย่หยวนจะประมาทจนเกินไป

ด้วยเจ้ายันต์ตรึงต้นกำเนิดโกลาหลนี้ ต่อให้เป็นเทพถ่องแท้ขั้นกลางก็คงไม่อาจจะหนีพ้นจากการฆ่าสังหารนี้ได้

ซงหยูนึกขึ้นมาได้และหันไปถามเย่หยวน “จริงด้วย! แล้วเจ้าศพดำนั้นเล่า?”

เย่หยวนตอบกลับมา “ไล่มันไปแล้ว คงไม่กล้ากลับมาใกล้พื้นที่แถบนี้อีกพักใหญ่”

ซงหยูขมวดคิ้วขึ้นทันที “ไล่มันไป?”

นั่นคือสัตว์ร้ายที่มีร่างกายเทียบเท่ากับยอดกายทองคำระดับหกขั้นต้น แต่เย่หยวนกลับสามารถไล่มันไปได้?

ดูท่าฝีมือของเย่หยวนนี้จะยิ่งลึกล้ำกว่าที่เขาคาดคิด!

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “เพราะว่าข้านั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังแปลกๆ ในทิศนี้ข้าจึงรีบใช้วิชาออกไปแต่เจ้าศพดำตนนั้นมันก็สุดจะแข็งแกร่ง เกินกว่าที่ข้าจะสามารถสังหารมันลงได้!”

สังหาร…

ซงหยูนั้นได้แต่ยืนนิ่ง

เพราะหากเป็นตัวเขาแล้วเขาคงวิ่งหนีตั้งแต่แรกเจอมัน แต่เย่หยวนคนนี้กลับคิดถึงขั้นจะสังหารเจ้าศพดำนั้นลง

………………..