บทที่ 57 โจมตีโดยตรง (2)
หุ่เนชิดระดับมโหฬาร 4 ตัวปรากฏขึ้นพร้อมกันและเริ่มพุ่งตรงไปยังนากทะเล
แม้ว่าพวกมันจะทำขึ้นจากโลหะ ร่างกายของพวกมันก็ถูกปกคลุมโดยค่ายกลต้นกำเนิดมากมาย ทำให้พวกมันสามารถบินไปทั่วท้องฟ้าได้อย่าวรวดเร็ว ทันทีที่ปรากฏกายขึ้น พวกมันก็เริ่มวิ่งไปทั่วผิวน้ำ เท้าของพวกมันสร้างคลื่นเล็ก ๆ ขึ้นทุกที่ที่พวกมันแตะโดนน้ำทะเล ระลอกคลื่นเหล่านี้มีจังหวะที่แปลกประหลาดและกระทั่งทำให้ผิวน้ำส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ
นี่คือผลของค่ายกลก้าวย่างระนาบ ทำให้พวกมันสามารถมอบร่างให้แก่ตัวตนที่ไร้รูปร่างและสำแดงพลังต่อตัวตนเหล่านั้นได้
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่หนาแน่นถึงเพียงนี้กดทับลงมา นากทะเลก็เปิดตาข้างหนึ่งขั้นแล้วจึงสะบัดหางอย่างไม่ใส่ใจ การเคลื่อนไหวที่ดูเกียจคร้านทำให้เหล่าหุ่นเชิดยักษ์เริ่มจมลงไปใต้น้ำ
พื้นราบเรียบที่พวกมันเดินเหยียบย่ำอยู่ได้ถูกกำจัดออกไปจากข้างใต้ฝ่าเท้า
นี่ไม่ใช่ทักษะต้นกำเนิด แต่มันเหมือนจะเป็นกฎแห่งพลังบางอย่างที่อสูรนากทะเลหยั่งรู้เสียมากกว่า โดยมอบพลังควบคุมกระแสน้ำอันน่าเหลือเชื่อให้แก่มัน ในขณะที่ก้าวย่างระนาบทำให้เหล่าหุ่นเชิดสามารถเดินบนผิวน้ำได้โดยการใช้พลังต้นกำเนิด ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำได้หากนากทะเลนั้นใช้กฎแห่งพลังในการตอบโต้ผลของมัน
ที่จริงแล้ว ท่าทางใจเย็นและไม่รีบร้อนของมันคือหนึ่งในท่าที่ทรงพลังที่สุดที่มันเคยใช้ เห็นได้ชัดว่ามันก็ไม่กล้าเมินเฉยต่อหุ่นเชิดยักษ์เหล่านี้เช่นกัน
หุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 4 จมลงไปในท้องสมุทร
คลื่นโหมกระหน่ำขึ้นในทันใดทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่หุ่นเชิดยักษ์เหล่านั้นจะกลับขึ้นมายังผิวน้ำได้อีก
อสูรนากทะเลหันไปมองยังซูเฉิน ราวกับกำลังล้อเลียนว่าหุ่นเชิดจองเขานั้นเป็นได้มากที่สุดก็แค่ระดับทั่วไปเท่านั้น
ซูเฉินไม่ได้ใส่ใจ เขาคำรามออกมาเบา ๆ และฝูงแมลงภัยพิบัติก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง
แมลงเหล่านี้ได้กำจัดอสูรเต่าตัวยักษ์ไปอย่างง่ายได้ ภัยคุกคามที่พวกมันก่อขึ้นนั้นสามารถจินตนาการถึงได้อย่างโดยง่าย
แต่ในเวลาเดียวกันกับที่ฝูงแมลงภัยพิบัติปรากฏขึ้น อสูรแทงกะพรุนก็เริ่มเคลื่อนไหว
ระลอกคลื่นไร้รูปร่างเริ่มแพร่กระจายไปทุกทิศทาง ซูเฉินและกู่ชิงลั่วต่างก็รู้สึกถึงคลื่นความวิงเวียนที่ปกคลุมพวกเขาขณะที่เจตชั่วร้ายอันเยือกเย็นพยายามที่จะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจและควบคุมพวกเขา
การบุกรุกจิตใจ!
ซูเฉินตกตะลึง
โชคดีที่แม้ว่าระดับพลังของเขาจะเป็นเพียงแค่ด่านผลาญจิตวิญญาณ พลังจิตของเขาก็ได้ไปถึงยังระดับของจักรพรรดิเรียบร้อบแล้ว และความเชี่ยวชาญในวิชาอาร์คาน่าประเภทพลังจิตของเขาก็อยู่ในระดับ 10 แม้ว่าแมงกะพรุนนั้นจะทรงพลังยิ่งนัก มันก็ยังพยายามควบคุมซูเฉินได้อย่างยากลำบาก แต่กู่ชิงลั่วนั้นกำลังต้านทานแรงกดดันได้ลำบากยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ซูเฉินยื่นแขนออกไปคว้ามือของกู่ชิงลั่วไว้เพื่อช่วยบรรเทาอาการของนาง
ด้วยการช่วยเหลือของซูเฉิน กู่ชิงลั่วสามารถผ่อนคลายลงได้สักหน่อย
แต่แมงกะพรุนนั้นก็ไม่ได้เล็งมาทางพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เป็นแมลงภัยพิบัติต่างหาก
ในวินาทีต่อมา แมลงภัยพิบัติทุกตัวต่างก็กรีดร้องและส่งเสียงแซ่ก ๆ ออกมา พยายามที่จะต้านทานต่อการโจมตีจิตใจของแมงกะพรุนด้วยความยากลำบากอย่างชัดเจน
แมลงภับพิบัติสามารถต้านทานทักษะต้นกำเนิดส่วนมากได้ แต่จิตใจของพวกมันนั้นอ่อนแอไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกัน
ไม่สิ่งใดที่จะสามารถทำเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ ที่จริงแล้วคือสิ่งเดียวกันนี้เองที่ทำให้ซูเฉฺนสามารถควบคุมพวกมันเพื่อใช้ประโยชน์ได้
ที่จริงแล้ว แมลงภัยพิบัติดั้งเดิมนั้นทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ ความไร้เทียมทานต่อพลังต้นกำเนิดและอัตราการแพร่พันธุ์ที่รวดเร็วของพวกมันทำให้แทบจะไร้เทียมทานเลยทีเดียว ถึงอย่างนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกมันสามารถถูกควบคุมได้โดยซูเฉินก็หมายความว่าจุดอ่อนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เหล่านี้นั้นเริ่มที่จะเผยขึ้นมา
ความต้านทานต่อพลังต้นกำเนิดของพวกมันลดลงเป็น 80% และความต้านทานต่อพลังจิตก็ลดลงไปยิ่งกว่า นอกจากนี้ อายุขัยของพวกมันก็ลดลงเหลือเพียง 1 ก้านธูปเท่านั้น
นี่คือราคาที่ซูเฉินจำเป็ยจะต้องจ่ายเพื่อควบคุมแมลงเหล่านี้ และพวกเขาจึงไม่อาจรักษาชื่อไร้เทียมทานไว้ได้อีกต่อไป เมื่อพวกมันเผชิญหน้าเข้ากับศัตรูที่สามารถเจาะเป้าหมายได้ พวกมันก็จะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย
แมงกะพรุนเบื้องหน้าสายตาของซูเฉินก็เป็นศัตรูประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้ว่ามันจะไม่สามารถกวาดล้างร่องรอยที่ซูเฉินทิ้งไว้บนจิตวิญญาณของพวกมัน มันก็สามารถู้กับซูเฉินโดยสร้างความเสียหายมากมายระหว่างกระบวนการได้
แมลงภัยพิบัติในท้องฟ้าเริ่มตายลงอย่างรวดเร็ว ซากของพวกมันร่วงหลงลงมาจากท้องฟ้าราวกับหยาดฝนขณะที่พวกมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“ข้าเอง!” กู่ชิงลั่วกล่าวด้วยความกระอักกระอ่วน
“ยังก่อน ความแข็งแกร่งของเจ้าจะต้องถูกเก็บไว้จนถึงจังหวะสุดท้าย” ซูเฉินปฏิเสธและคว้าแขนของกู่ชิงลั่วไว้ “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
“แต่แมลงภับพิบัติกำลังถูกกำจัดนะ” กู่ชิงลั่วอุทานอย่างตื่นตระหนก
ฝูงแมลงภัยพิบัติที่ซูเฉินทุ่มเทหยาดเลือด เหงื่อ และน้ำตาในการวิจัยตั้งแต่ต้นเริ่มที่จะตายจากไปหลังจากที่พึ่งจะได้ชัยชนะมาเพียงครั้งเดียว นี่เป็นเหมือนการฝึกฝนอย่างขมขื่นมากว่า 10 ปี แล้วจึงถูกสังหารทันทีหลังจากที่เฉลิมฉลองการไปถึงจุดสูงสุด แล้วจะไม่รู้สึกเสียดายบ้างสักนิดได้อย่างไรกัน?
แต่ซูเฉินก็ดูจะไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยและกล่าว “เราจะสับเปลี่ยนกลยุทธ์แทน”
เขายกนิ้วมือขึ้นมาที่ปากและผิวปากเสียงดังลั่น
พร้อมกับเสียงดังสนั่น ผิวมหาสมุทรระเบิดขึ้น
ร่างยักษ์ 4ร่างพุ่งขึ้นไปในอากาศ หุ่นเชิดมโหฬารที่ตกลงไปในน้ำก่อนหน้านี้นั่นเอง
หุ่นเชิดทั้ง 4 ล้วนเรืองแสงสีขาว ราวกับว่าพวกมันถูกห่อหุ้มโดยเปลือกไข่ ชั้นบาง ๆ นี้ไม่ใช่เกราะป้องกัน แต่เป็นค่ายกลต้นกำเนิดการบินต่างหาก
ระหว่างยุคของอาณาจักรอาร์คาน่า การศึกษาหุ่นเชิดได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เพราะจุดอ่อนทางภายภาพของพวกเขา ชาวอาร์คาน่าไม่ได้เสียสิ่งใดไปกับการพัฒนาผู้อารักขาที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นเหตุผลที่พวกเขามีประสบการณ์มากมายในการประกอบหุ่นเชิด ด้วยผ้าเท่อลั่วเค่อเคียงข้างกาย มันเป็นไปไม่ได้เลยที่การลบล้างค่ายกลก้าวย่างระนาบจะทำให้หุ่นเชิดยักษ์เหล่านี้ไร้ประโยชน์ การโจมตีก่อนหน้านี้เพียงแค่กระตุ้นความสามารถของอสูรนากทะเลเท่านั้น
การกระตุ้นนั้นแสดงให้เห็นว่าเจ้านากทะเลเก่งกาจในการควบคุมสายน้ำอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เหล่าหุ่นเชิดเสียเปรียบเมื่อต่อสู้อยู่ในท้องทะเล นอกจากนี้ อสูรแมงกะพรุนยังสามารถรับมือกับแมลงภัยพิบัติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
หากเป็นเช่นนั้น มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนคู่ต่อสู้
4 หุ่นเชิดยักษ์บินขึ้นไปในอากาศ หมัดทั้ง 8 ของพวกมันเรืองแสงสีทองขณะที่พวกมันต่อยไปยังแมงกะพรุน เพราะพวกมันเป็นหุ่นเชิด พวกมันจึงไม่มีจิตใจให้พูดถึง และวิชาจิตใจของแมงกะพรุนก็ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง ที่จริงแล้ว เพียงแค่หุ่นเชิดตัวเดียวก็ยิ่งกว่าเพียงพอที่จะจัดการมันได้ แต่เพราะซูฌฉินกำลังรีบร้อน เขาจึงตัดสินใจที่จะลองแก้สถานการณ์ให้เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้
เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมที่ดุเดือดของ 4 หุ่นเชิดยักษ์ อสูรแมงกะพรุนว่ามันกำลังจะแย่และบินหนีไปอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
แต่มันก็ไม่อาจหลบหนีจากอันตรายได้สำเร็จ เพราะหุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 4 ตามไล่หลังมันไปอย่างใกล้ชิด ทำให้แมลงภัยพิบัติซึ่งอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายเมื่อครู่นี้ได้บรรเทาความทรมานลงบ้าง
ซูเฉินผิวปากอีกครั้ง และแมลงภัยพิบัติก็กลับลำกลางอากาศ แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังนากทะเลในคราวนี้
อสูรนากทะเลเริ่มเคลื่อนไหวในที่สุด
มันกวัดแกว่งหางของมัน ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ที่พุ่งตรงมายังฝูงแมลง
พลังของคลื่นลูกนี้นั้นไม่อาจหยุดยั้งได้ และมันยังผสานไปด้วยกฎแห่งพลังน้ำที่อสูรนากนั้นหยั่งรู้ กระทั่งหุ่นเชิดยักษ์ทั้ง 4 ก็คงจะถูกผลักถอยกลับมาโดยการโจมตีระดับนี้
แต่แมลงภัยพิบัติก็เป็นผู้เผชิญกับการโจมตีนี้
ศัตรูสุดท้ายที่พวกมันได้เผชิญมา จักรพรรดิอสูรเต่ายักษ์ ได้ถูกทำลายลงเป็นเพียงกองกระดูกเท่านั้น
แม้ว่าคลื่นนี้จะเปี่ยมไปด้วยกฎแห่งพลัง แท้จริงแล้วมันก็ยังคงมาจากพลังต้นกำเนิด
และหากว่ามันมาจากพลังต้นกำเนิด พลังของมันก็จะถูกลดลงถึง 20%
หากมันมาจากพลังต้นกำเนิด แมลงภัยพิบัติก็สามารถร่วมมือกันต้านทานการโจมตีนี้ได้
แมลงภัยพิบัติที่เหลืออยู่ล้วนรวมตัวเข้าด้วยกันและสร้างค่ายกลที่หนาแน่นขึ้น ต้านทานคลื่นที่โหมกระหน่ำเข้ามาหาพวกมัน
การโจมตีดูดูเหือนไม่อาจหยุดยั้งได้ของตัวนากนั้นอ่อนแออย่างน่าอนาถต่อแมลงภัยพิบัติ และสามารถกำจัดพวกมันไปได้เพียงไม่กี่พันตัวเท่านั้น
แมลงภัยพิบัติฉกฉวยโอกาสนี้ในการเข้าไปใกล้
นากทะเลรู้ว่ามันกำลังอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่และเปิดปากออก ปล่อยเสียงคำรามสนั่นออกมา
พายุไซโคลนลูกยักษ์พัดออกมาจากปากของมันและหมุนวนอย่างดุร้ายขณะที่มันสังหารสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ถูกดูดเข้าไปในเส้นทางของมัน
ถึงอย่างนั้น นี่ยังเป็นการใช้งานที่จำกัดของแมงภัยพิบัติ
แมลงภัยพิบัติถูกกวาดเข้าไปในพายุหมุนแล้วจึงกระเด็นออกไปอีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนว่า อย่างก่อนหน้านี้ จำนวนของพวกมันไม่ได้เบาบางลงมากนัก
อสูรนากดำลงไปใต้ผิวน้ำ ในเวลาเดียวกัน ผิวท้องสมุทรก็นิ่งสนิทอย่างกะทันหันและเริ่มส่องประกายวิบวับใต้แสงอาทิตย์ มันได้กลับกลายเป็นเหล็กกล้า
การเปลี่ยนน้ำทะเลจากสถานะเหลวเป็นสถานะแข็งราวกับโลหะนั้นเป็นสิ่งที่คงจะมีแต่จักรพรรดิอสูรเท่านั้นที่สามารถทำได้
“งั้นเจ้าก็กระทั่งมีกลยุทธ์เช่นนี้แอบซ่อนอยู่ด้วยหรือ? ดูเหมือนว่ายาของข้าจะไม่ได้ส่งผลกับเจ้ามากนัก” ซูเฉินถอนหายใจ
โชคไม่ดีนักที่กระทั่งการดิ้นรนครั้งนี้ก็สูญเปล่า
แมลงภัยพิบัติเกาะลงบนกำแพงน้ำทะเลที่มั่นคงและเริ่มกัดกินมัน
แม้ว่ากำแพงน้พนี้จะดูหนาแน่นกว่าโลหใดก็ตามที่สามารถพบได้ในแผ่นดินหลัก แมลงภัยพิบัติก็กัดกินมันได้ราวกับเนยแข็ง ไม่นานต่อ ผิวน้ำเรียบลื่นก็แตกร้าวราวกับกระจกก่อนที่จะแตกสลายลงในที่สุด
แมลงภัยพิบัติถลาลงไปในน้ำราวกับตัวตุ่น
ผิวน้ำเดือดดาลขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่นากทะเลป้องกันตัวเองอย่างเกรี้ยวกราดจากฝูงแมลงภัยพิบัติ ในฐานะจักรพรรดิอสูรที่หยั่งรู้ในกฎแห่งพลัง มีทักษะประเภทน้ำมากมายที่มันสามารถใช้งานได้ แต่ไม่ว่ามันจะครอบครองคลังแสงประเภทได้ ตราบใดที่การโจมตีของมันยังคงพึ่งพาพลังต้นกำเนิด ผลของมันต่อแมลงภับพิบัติก็จะถูกจำกัดไว้
ด้วยความรวดเร็ว ลมพายุเริ่มก่อตัวขึ้นที่ผิวทะเล ราวกับว่าภูเขาไฟใต้น้ำกำลังจะปะทุขึ้น แสงสว่างสาบมากมายส่องประกายอยู่ภายใต้ผิวน้ำ และกระทั่งเปลวไฟกับผลึกน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้น เห็นได้ชัดว่านากตัวนี้กำลังใช้ทุกกลยุทธ์ที่มีในการพยายามกำจัดฝูงแมลงภัยพิบัติ รวมถึงทักษะที่มันไม่เชี่ยวชาญด้วยเช่นกัน
แต่มันก็กำลังจะแพ้ศึกนี้อย่างชัดเจน
แม้ว่าซูเฉินจะไม่ต้องการดำลงไปใต้น้ำเพื่อสำรวจดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ซูเฉินก็สามารถสัมผัสได้ว่าสงครามที่เกิดขึ้นใต้ผิวทะเลกำลังดำเนินผ่านช่วงสุดท้ายจากข้อเท็จจริงที่ว่าผิวสมุทรกำลังเริ่มสงบนิ่งลง
สักครู่ต่อมา ผิวทะเลก็กลับมาสู่สถานะสงบอย่างก่อนหน้า
ซูเฉินรู้ว่าสงครามได้จบลงแล้ว
ไม่นานต่อมา แมลงภัยพิบัติก็บินขึ้นมาจากมหาสมุทรและรวมตัวกันใกล้ ๆ ซูเฉิน
จำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
หุ่นเชิดนักษ์ทั้ง 4 ก็ลงมาจากท้องฟ้าเช่นกัน
การกลับมาของพวกมันหมายความว่าอสูรแมงกะพรุนได้ถูกกำจัดไปแล้วเช่นกัน
ที่จริงแล้ว แมงกะพรุนตัวนั้นควรจะพ่ายแพ้ไปเร็วยิ่งกว่านากทะเลด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ามันเสียเปรียบในด้านของจำนวนและทักษะการต่อสู้ระยะใกล้ของมันนั้นอ่อนแอตั้งแต่แรกแล้ว คำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้คือแมงกะพรุนนั้นได้หลบหนีอยู่ตลอดเวลา แต่เหล่าหุ่นเชิดยักษ์นั้นไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังรวดเร็วเหลือเชื่ออีกด้วย ซูเฉินได้ “สอน” วิธีการใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายให้แก่พวกมัน กังนั้นแล้ว แมงกะพรุนจึงไม่สามารถหลบหนีไปได้และถูกกำจัดด้วยกำปั้นที่รุนแรงมากมายที่ถูกปลดปล่อยโดยหุ่นเชิดยักษ์เหล่านั้น
เมื่อรับมือกับตัรกรรพดิอสูรทั้ง 2 แล้ว ซูเฉินและกู่ชิงลั่วก็เดินหน้าต่อไปยังท้องสมุทรโศกา
พวกเขาพบเจ้ากับจักรพรรดิอสูรอีก 2 กลุ่มระหว่างทางไปที่นั่น แต่ด้วยการป้องกันจากแมลงภัยพิบัติและหุ่นเชิดยักษ์ พวกเขาก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่เอาชนะมาได้เป็นครั้งที่ 5 ซูเฉินและกู่ชิงลั่วก็มาถึงยังภูเขาลึกลับขนาดเล็กแห่งหนึ่งในที่สุด
นี่คือตำแหน่งของท้องสมุทรโศกา