บทที่ 1925 ต้องเป็นอาชูร่าแน่
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยหวันหวั่นก็งุนงง “ท่านรองประธาน ฉันไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านพูดเลยค่ะ รองประธานพาคนมาที่สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรอู๋เว่ยตั้งหลายคน ตอนนี้ยังจะมาถามฉันว่าทำไม คนที่ควรถามคำถามนี้ควรเป็นฉันมากกว่านะคะ”
“เหอะๆ ผู้นำไป๋ คนจริงย่อมพูดแต่คำสัตย์จริง ส่งคนและสิ่งของของพวกเราคืนมาเถอะ” รองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านรองประธาน คุณพูดอะไรของคุณ?” เยี่ยหวันหวั่นอ้าปากถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความ ‘ประหลาดใจ’ “คนกับสิ่งของอะไรของคุณ? ไปเอาคำนี้มาจากไหนคะ?”
“ผู้นำไป๋ เมื่อคืนรถส่งสินค้าของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์หายไป ทำให้ยาล้ำค่าและทองคำแท่งจำนวนมากสูญหายไปด้วย ผู้อาวุโสที่รับผิดชอบด้านการขนส่ง และผู้นำระดับสูงสองคนก็หายตัวไป…” รองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตอบ
“อะไรนะ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ!” เยี่ยหวันหวั่นรีบตอบ “งั้นพวกคุณก็รีบไปหาสิ ทำไมยังมีเวลาว่าง มาที่พันธมิตรอู๋เว่ยของฉันอีก?”
“ผู้นำไป๋ สินค้าของพวกเราน่าจะถูกคนปล้นไป” รองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ตอบ พลางจ้องมองเยี่ยหวันหวั่น
“ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” เยี่ยหวันหวั่นตะลึงงัน “ในรัฐอิสระจะมีใครใจกล้าบ้าบิ่น ถึงขนาดไปแตะต้องสิ่งของของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ด้วยเหรอ?! มันสมควรถูกลงโทษอย่างหนัก!”
“ก็ใช่ไง ใครมันช่างกล้าขนาดนั้น ให้ตายสิ กล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้…ฉันรู้แล้วว่าเป็นใคร!” เป่ยโต่วรีบกล่าวในทันที
“โอ้ะ มันเป็นใคร?” ชายสวมหน้ากากหันมามองเป่ยโต่ว
“รองประธาน นี่ยังต้องถามอีกเหรอครับ ต้องเป็นอาชูร่าแน่ๆ!” เป่ยโต่วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ที่รัฐอิสระ นอกจากอาชูร่าแล้ว ใครจะกล้าไปปล้นสินค้าของกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ถ้าไม่ใช่อาชูร่า ไม่ผิดแน่ ต้องเป็นอาชูร่าแน่!”
ในตอนนี้เยี่ยหวันหวั่นเหลือบตามองเป่ยโต่ว นายช่วยหุบปากเน่าๆ ของนายหน่อยได้ไหม?!
“เหอะๆ ฉันก็เคยคิดแบบนั้น แต่เรากำจัดอาชูร่าไปแล้ว อีกอย่างการทำงานของอาชูร่านั้น กล้าทำกล้ารับ ไม่เคยแอบลักเล็กขโมยน้อย…ฉันคิดว่านิสัยแบบนี้ เหมือนการทำงานของพวกคุณพันธมิตรอู๋เว่ยมากกว่า” ชายสวมหน้ากากจ้องเยี่ยหวันหวั่น “ผู้นำไป๋ ส่งคนและของมาดีกว่า”
“ท่านรองประธาน คุณสามารถกินอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ คุณบอกว่าพันธมิตรอู๋เว่ยปล้นคนและสินค้าของคุณ พวกคุณมีหลักฐานไหม ถ้ามีก็แสดงออกมาสิคะ” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย
เยี่ยหวันหวั่นภายนอกทำเป็นไม่สนใจ แต่ข้างในกลับประหม่าสุดขีด หวังว่าเมื่อคืนคงไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้นะ?
“ดูแล้ว ผู้นำไป๋คงไม่ยอมรับสินะ” ชายสวมหน้ากากเหลือบตามองเยี่ยหวันหวั่น “งั้นก็ดี ผู้นำไป๋ ผมให้โอกาสคุณกับพันธมิตรอู๋เว่ยแล้ว ทางที่ดีอย่าให้ผมรู้ก็แล้วกันว่าพวกคุณเป็นคนทำ”
เมื่อชายสวมหน้ากากพูดจบ ก็พาคนจากกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์หันกายจากไป
เมื่อเห็นรองประธานกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์พาคนกลับไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสียเวลาตั้งนาน ดันไม่มีหลักฐานจริงๆ ทำเอาเธออกสั่นขวัญแขวนไปหมด นึกว่าเมื่อคืนได้ทิ้งหลักฐานสำคัญอะไรไว้
ไม่ใช่แค่เยี่ยหวันหวั่นคนเดียวที่ตกใจ เป่ยโต่วกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ตกใจมากเช่นกัน
หากกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์รู้ว่า พันธมิตรอู๋เว่ยเป็นคนทำจริงๆ ก็ไม่กล้าคิดถึงผลที่จะตามมาเลย
ยังดีที่มีคนรู้แค่ไม่กี่คน และเรื่องนี้คงไม่เล็ดรอดออกไปแน่นอน อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ต่อให้มีหูตาเป็นสัปปะรดเพียงใด ก็หาหลักฐานไม่เจอแน่!
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่มความระวังตัวมากขึ้น ด้วยการไม่ไปยังฐานที่มั่นลับที่ขังผู้อาวุโสจินไว้ในช่วงนี้ เผื่อว่าจะมีคนจากกลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์แอบสะกดรอยตามเธอ
—————————————-
บทที่ 1926 ความสัมพันธ์กับอาชูร่าคือการแต่งงานชัดๆ
เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นต้องการลงมือกับผู้อาวุโสจินก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลำบากรวบรวมคะแนนเกียรติยศแล้ว แต่ตอนนี้ต้องจำใจขาดทุน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องแม่ของเป่ยโต่วที่ถูกลักพาตัวอย่างไม่สมเหตุสมผล ราวกับมีเมฆหมอกหนาทึบ ความรู้สึกทั้งหมดบอกว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ
……
ไม่มีทางอื่น ตอนนี้ทำได้เพียงแทะกระดูกชิ้นที่แข็งที่สุดแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเรียกเป่ยโต่วและชีซิงออกมา
“เป่ยโต่ว ฉันใช้ให้แกไปถามฝั่งนั้นมา เขาพูดว่ายังไงบ้าง?” เยี่ยหวันหวั่นเอ่ยถาม
“พี่เฟิง ยังจะต้องถามอีกเหรอพี่? พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ขายให้!” เป่ยโต่วบ่นพึมพำ
“แล้วฝั่งนั้นเขาพูดว่ายังไง ขอประโยคต้นฉบับ”
“จะให้ตอบยังไงละพี่ ผมไม่เจอใครด้วยซ้ำ!”
เยี่ยหวันหวั่นลูบคางด้วยความปวดหัว ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นจะยังโกรธอยู่ แต่เขาโกรธเป็นอยู่คนเดียวหรือไง? เธอเองก็โกรธเหมือนกัน! เธอถูกบังคับให้ทำแบบนี้ ถึงขั้นไม่เปิดเผยชื่อให้คนจำได้อีก!
เปิดเผยแล้วยังไง!
“งั้นก็เหลือวิธีเดียวแล้ว…” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว หญิงสาวหยิบกล่องนิรภัยสีดำออกมาจากอกเสื้อ แล้วโยนให้เป่ยโต่ว “แกช่วยพาคนเอากล่องนิรภัยนี้ไปส่งที่เขตสิบสี่ให้ฉันหน่อย”
อะไรนะ?
เอาไปส่งที่เขตสิบสี่งั้นเหรอ?
ถ้างั้นก็ต้องผ่านเขตสิบสามน่ะสิ?
เมื่อเป่ยโต่วได้ยินดังนั้นก็เข่าทรุดลงกับพื้นทันที “พี่เฟิง ผมผิดไปแล้ว จากนี้ผมจะเชื่อฟังพี่ ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว? ถ้าผมตายไป ใครจะเป็นคนดูแลคอยเอาใจใส่พี่ล่ะ!”
“อะไรกันนักกันหนาเนี่ย? ใครให้แกไปตายหา”
“ก็พี่ให้ผมผ่านเขตสิบสาม มันต่างอะไรกับการเอาชีวิตน้อยๆ ของผมกัน!”
“เขตสิบสาม…น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว
เป่ยโต่วรีบพุ่งเข้าไปกอดแข้งกอดขาของเยี่ยหวันหวั่นไว้แน่น แล้วพยักหน้ารัวๆ “ก็ใช่นะสิพี่! เขตสิบสามถูกปกครองโดยอาชูร่ามาหลายร้อยปีแล้ว และไม่สามารถบุกรุกเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาติ
ในฐานะที่พวกเราเป็นปรปักษ์กับอาชูร่า อยากจะผ่านพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของอาชูร่า แล้วเราจะผ่านไปได้ยังไง…”
เยี่ยหวันหวั่นเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ เมื่อได้ยินเป่ยโต่วกล่าวเช่นนั้น “พวกเราเป็นปรปักษ์อะไรของแก?”
จริงๆ แล้วพวกเราเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานชัดๆ…
เมื่อเป่ยโต่วคิดถึงการตายของผู้นำของตัวเอง ก็ถึงกับตัวสั่นสะท้านพลางปาดเหงื่อ “นี่ยังเป็นปรปักษ์กันไม่พออีกเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลูบคาง แล้วใช้นิ้วมือจิ้มแก้มเบาๆ จากนั้นก็กล่าวอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันรับประกันว่านายจะสามารถผ่านเขตสิบสามไปได้อย่างปลอดภัย พอส่งมอบภารกิจเสร็จแล้ว นายก็จะกลับมาแบบครบสามสิบสองแน่นอน!”
เป่ยโต่วมองอย่างเลิ่กลั่ก “พี่เฟิง ผมไม่ใช่เด็กอายุสิบสองเหมือนตอนนั้นแล้วนะ…”
ตอนนั้นเขายังเป็นเด็ก ไม่ว่าพี่เฟิงพูดอะไรเขาก็เชื่อทั้งหมด สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของหญิงสาวถึงขั้นร้องไห้หาแม่ ทำให้เขายังคงหวาดมากลัวจนถึงทุกวันนี้
“พี่เฟิง นี่มันอันตรายเกินไปนะ” ชีซิงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสริม
“ฉันเคยทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือด้วยเหรอ?” เยี่ยหวันหวั่นเริ่มมีน้ำโห
ชีซิงพูดไม่ออก
ไม่ใช่ทำมาโดยตลอดหรอกเหรอ?
ชีซิงอดทนอดกลั้นไว้ไม่ให้พูดคำนั้นออกมา
เยี่ยหวันหวั่นใช้ให้เป่ยโต่วไปส่งของ ก็เหมือนกับเป็นการทดสอบ ทดสอบท่าทีของใครบางคนในตอนนี้
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้รอนานนัก ในวันที่สอง ชีซิงก็รีบร้อนผลักประตูเข้ามาในสำนักงานของหญิงสาว
“พี่เฟิง เกิดเรื่องแล้ว” ชีซิงรีบรายงานอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งเคยเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของชีซิงเป็นครั้งแรก “เป่ยโต่วเกิดเรื่องเหรอ?”
“คนไม่เป็นอะไรครับ…”
“คนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่” เยี่ยหวันหวั่นกล่าวพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แต่ว่า ของ…”
“ของเป็นยังไง?”
“ของถูกคนของอาชูร่ายึดไปแล้วครับ”