เล่มที่ 31 เล่มที่ 31 ตอนที่ 920 ข้าไม่ชอบเจ้าแล้ว

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอีกหลายสิบกระบวนท่า จู่ๆ ดูเหมือนเทพงูจะพบความผิดปกติของตงหลิงหวง ดวงตาลึกลับภายใต้หมวกปีกกว้างเปล่งประกายเย็นชา จากนั้นลำแสงเย็นยะเยือกก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และการโจมตีแต่ละครั้งก็มุ่งหมายเอาชีวิตตงหลิงหวงทั้งสิ้น

กระบี่วิญญาณทั้งสามในมือของตงหลิงหวงยังร่อนไปมาต่อสู้และต่อต้านอย่างต่อเนื่อง ลำแสงเย็นเฉียบจากนิ้วมือของเทพงูเฉียดผ่านลำคอของตงหลิงหวง ส่งเสียงหวีดหวิว ซึ่งเกือบถูกจุดตายของตงหลิงหวง

ทว่าทุกครั้ง ตงหลิงหวงสามารถหลบหลีกได้อย่างชาญฉลาด

เทพงูโจมตีผิดพลาดหลายครั้ง จึงเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะต่อสู้อย่างไรแล้ว เขาจึงเริ่มใช้พลังที่อำมหิตมากขึ้น

ในเวลานี้ หากเป็นผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมจะพบว่าตำแหน่งที่ตงหลิงหวงยืนอยู่นั้น อยู่เบื้องหน้าสัตว์เทพกิเลนตลอด

ตงหลิงหวงล่าถอยอย่างต่อเนื่อง นางอยู่ใกล้สัตว์เทพกิเลนมากขึ้นเรื่อยๆ เทพงูคิดว่าตงหลิงหวงจะฉวยโอกาสช่วยสัตว์เทพกิเลน เขาจึงเรียกพลังของลำแสงเย็นยะเยือกมากขึ้น

ในที่สุดก็เกิดเสียงดัง ‘ครืน’

เทพงูควบแน่นพลังแทบทั้งหมดในร่าง พุ่งเป้าโจมตีไปทางตงหลิงหวง ทว่ากลับไม่คิดว่า ตงหลิงหวงจะหลบหลีกได้อย่างว่องไว

ลำแสงเย็นยะเยือกนั้นพุ่งไปโดนเชือกเทวะที่มัดสัตว์เทพกิเลนอยู่พอดี จากนั้น เชือกเทวะก็ขาดออกจากกัน

สีหน้าของเทพงูพลันเปลี่ยนไป เขาจ้องมองตงหลิงหวงด้วยความโกรธเคือง

ตงหลิงหวงยกยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจ และพูดเสริมในส่วนที่เทพงูยังไม่ได้พูด

“ทั้งสามอาณาจักรเจ็ดแคว้น มีเพียงสองสิ่งที่สามารถแก้เชือกเทวะนี้ได้ หนึ่งคือเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนสวรรค์ และอีกสิ่งคือ… กระบี่เทพเพลิงเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์ในมือของเจ้า! ”

สีหน้าของเทพงูยิ่งบูดบึ้งมากกว่าเดิม “เจ้าดูออกได้อย่างไรว่าข้าใช้กระบี่เทพเพลิงเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์? ”

ของวิเศษนี้มีที่มาพิเศษ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมองออก เขาพยายามปกปิดไว้อย่างดีที่สุด ทว่าเขาไม่คาดคิดว่าตงหลิงหวงจะสามารถรู้เรื่องนี้

ตงหลิงหวงแย้มยิ้มลึกซึ้งยากคาดเดา ทว่าไม่ตอบข้อสงสัยของเทพงู

“โฮก… ”

สัตว์เทพกิเลนที่เหมือนสัตว์เลี้ยงน่ารักตัวเล็ก กลายร่างเป็นยักษ์ใหญ่อยู่ด้านหน้าเพื่อปกป้องตงหลิงหวงและเริ่มโจมตีเทพงูอย่างบ้าคลั่ง

แม้เทพงูจะมีความสามารถ ทว่าพูดตามหลักแล้ว เขาเป็นเพียงผู้พิทักษ์ปราสาทหลานลั่วแห่งนี้เท่านั้น

เมื่อเทียบกับสัตว์เทพกิเลนในตำนานโบราณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสายเลือด สถานะ หรือความสามารถ ยังนับว่าเป็นรองสัตว์เทพกิเลนอยู่มาก

ก่อนหน้านี้มันไม่ทันได้เตรียมตัวจึงถูกเทพงูจับตัวไว้ ทั้งยังไม่รู้ว่าเทพงูไปเอาเชือกเทวะมาจากที่ใด ใช้เพียงของวิเศษในมือนี้เท่านั้น

ในเวลานี้ สัตว์เทพกิเลนได้เข้าสู่สภาวะพร้อมต่อสู้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งเชือกเทวะที่มัดมันไว้ได้แก้ออกเรียบร้อยแล้ว เทพงูจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์เทพกิเลนอีกต่อไป

ทว่าหลังจากต่อสู้ไปสิบกว่ากระบวนท่า เทพงูก็ตกอยู่ในสภาพลำบาก จนแทบไม่มีทางโต้กลับได้อีก

“โฮก… ”

สัตว์เทพกิเลนคำรามไปทางตงหลิงหวง จากนั้นจึงใช้เปลวเพลิงกิเลนลากเทพงูส่งไปอยู่เบื้องหน้าตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงกระโดดขึ้นทันที นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสวยงาม พลางเรียกกระบี่วิญญาณและพุ่งโจมตีไปทางเทพงู

เทพงูติดอยู่ในเปลวเพลิงกิเลน หมดพลังที่จะต่อต้าน จากนั้นจึงถูกตรึงกับผนังด้วยกระบี่วิญญาณของตงหลิงหวงทั้งเป็น

ในที่สุด… เทพงูก็ถูกจัดการจนราบคาบ

ตงหลิงหวงโค้งตัวกับพื้น ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“โฮก… ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ… ”

ไม่รู้เพราะเหตุใด สัตว์เทพกิเลนจึงกลายร่างเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก จากนั้นมันก็กระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของตงหลิงหวงและยังใช้ศีรษะที่อ่อนนุ่มของมันซุกไซ้หน้าอกของตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงไม่คุ้นเคยกับมัน นางขนลุกซู่ไปทั่วร่าง และรีบยกสัตว์เทพกิเลนขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง

“เป็นอย่างไร? ”

“โฮก… โฮก… ”

พี่ตงหลิง ข้านับถือท่าน!

ตงหลิงหวงไม่เข้าใจความหมายของสัตว์เทพกิเลน นางเพียงคิดว่ามันกำลังหวาดกลัว

“เจ้าหวาดกลัวใช่หรือไม่? ไม่เป็นอันใดแล้ว คนเลวถูกจัดการไปแล้ว”

“โฮก… ”

“โฮก… ”

เหตุใดจึงอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ เป็นสตรีที่ช่างดูแลเอาใจใส่เสียจริง น่ารักอันใดอย่างนี้!

“ฮื่อ ฮื่อ ฮื่อ… ”

สัตว์เทพกิเลนจับมือของตงหลิงหวงแน่น มันนอนบนหน้าอกของตงหลิงหวงอีกครั้ง ซุกตัวของมันลวนลาม หยอกล้ออย่างต่อเนื่อง

แก้มของตงหลิงหวงแดงระเรื่อเล็กน้อย นางถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และจับตัวสัตว์เทพกิเลนยกขึ้นสูง

ตงหลิงหวงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้ากำลังคิดจะทำอันใด? ต่อไปต้องการติดตามข้าใช่หรือไม่? ทว่าเจ้ามีสัญญากับแม่จิ่นซี ดังนั้นเจ้าไม่กลัวว่านางจะตบเจ้าหรือ? ”

ตงหลิงหวงพูดพลางใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางติดกันทำเป็นมีด ปาดที่คอของสัตว์เทพกิเลนอย่างสมจริง

“อิ๋ง… โฮก… ”

สัตว์เทพกิเลนขมวดคิ้วแน่นส่งเสียงต่ำ ราวกับนิ้วมือนั้นไม่ใช่นิ้วที่อ่อนโยนของตงหลิงหวง ทว่าเป็นกระบี่เฟิ่งอวี่อันเฉียบคมของซูจิ่นซี จากนั้น เส้นขนบนร่างของมันพลันลุกชัน

ตงหลิงหวงมองท่าทางของสัตว์เทพกิเลนแล้วรู้สึกว่าน่ารักอย่างมาก

หลังจากสัตว์เทพกิเลนขนลุกซู่จนหูหนวกและหมดอาลัยตายอยาก มันก็พยายามกระโดดลงจากมือของตงหลิงหวงและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

พูดเช่นนั้นได้อย่างไร ?

บอกว่าไม่อาจไว้ใจอิสตรี สตรีงามอ่อนโยนยิ่งไว้ใจไม่ได้ ยิ่งงดงาม ยิ่งอ่อนโยน ก็ยิ่งหลอกลวงเก่ง

สหายที่ดีอันใด…

โอ้ ช่างน่าเศร้าใจนัก! เกือบคิดว่าเป็นความจริงไปแล้วเชียว

สัตว์เทพกิเลนพุ่งตัวออก พร้อมกับจับหน้าอกของตนเองอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตาม แม่จิ่นซีก็ดีกับข้าที่สุด

เมื่อตงหลิงหวงฟื้นคืนสติกลับมา สัตว์เทพกิเลนก็เดินไปถึงห้องโถงแล้ว มันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับตงหลิงหวง

เมื่อทุกคนเห็นสัตว์เทพกิเลนปรากฏตัว ต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกราวกับเห็นฟ้าหลังฝน

พูดตามตรง ผู้ที่ร่วมเดินทางครั้งนี้ สัตว์เทพกิเลนมีบทบาทเป็นผู้นำทาง เมื่อมีสัตว์เทพกิเลนอยู่ด้วย นับเป็นการลดทอนความยากลำบากได้มาก

“โฮก โฮก”

สัตว์เทพกิเลนยื่นกรงเล็บไปทางตงหลิงหวง

ตงหลิงหวงมองกรงเล็บของสัตว์เทพกิเลน นางเห็นเป็นลูกประคำสีขาวขุ่นวางอยู่บนนั้น

ตงหลิงหวงไม่รู้ว่าลูกประคำนี้มีไว้เพื่ออันใด ตงหลิงหวงหยิบขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงง หลังจากสังเกตก็พบว่าไม่ใช่ลูกประคำ ทว่าเป็นเมล็ดบัว

เมล็ดบัว…

ทันใดนั้น ตงหลิงหวงก็หันศีรษะมองรูปปั้นที่ถือดอกบัวอยู่ในมือ

หรือว่าเมล็ดบัวเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโลกใบเล็กนี้???

ตงหลิงหวงมองสัตว์เทพกิเลนอีกครั้งด้วยความสงสัย

ท่าทางของสัตว์เทพกิเลนนั้นสดใสมีชีวิตชีวามาก มันมองตงหลิงหวงด้วยท่าทางมั่นใจ

“โฮก… ”

“เมื่อครู่เพื่อค้นหาสิ่งนี้ ทำให้เจ้าโดนเทพงูจับไปใช่หรือไม่? ”

“โฮก… ”

เจ้านั่น หากไม่จู่โจมตอนที่ข้ายังไม่ทันตั้งตัว เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์เทพกิเลนอย่างข้าได้อย่างไร?

“ลำบากเจ้าแล้ว! ”

ตงหลิงหวงพูดปลอบใจสัตว์เทพกิเลน พลางยื่นมือออกไปแตะศีรษะของสัตว์เทพกิเลน

กลับไม่คิดว่า สัตว์เทพกิเลนจะหลบหลีกและก้าวถอยหลังไป พลางมองตงหลิงหวงด้วยสีหน้าหมางเมิน

อย่าแตะต้องข้า!

ข้าไม่ชอบเจ้าแล้ว!

ตงหลิงหวงไม่เข้าใจความหมายของสัตว์เทพกิเลน จึงแย้มยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะหันกลับมาและเดินไปที่รูปปั้นที่ถือดอกบัวอยู่ในมือ

เห็นได้ชัดว่าอู๋จุนกับถังเสวี่ยอยู่ในมิติโลกใบเล็กภายในรูปปั้น อีกทั้งพวกเขายังอยู่ในอันตราย

หากต้องการช่วยเหลือพวกเขาออกมา มีเพียงเข้าสู่มิติโลกใบเล็กเท่านั้น

ทว่าเมล็ดบัวที่สัตว์เทพกิเลนเสี่ยงอันตรายหามานั้น จะสามารถเปิดมิติโลกใบเล็กได้จริงหรือ?

มันเป็นกุญแจสู่มิติโลกใบเล็กหรือไม่?