สัตว์เทพกิเลนหวาดกลัวสิ่งใด?
หรือว่ามีสิ่งที่น่ากลัวอยู่ข้างหลังนาง?
ตงหลิงหวงให้ความสนใจด้านหลังตนเอง นางรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นอันทรงพลังที่อยู่ข้างหลังนาง
สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป
ตงหลิงหวงรู้สึกว่าความหนาวเย็นด้านหลังของนางกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ตงหลิงหวงค่อยๆ กำหมัดแน่นมากยิ่งขึ้น
ทันใดนั้น… ลมหนาวก็พัดโจมตีมาที่ใบหูของตงหลิงหวง ตงหลิงหวงหลบไปอีกด้านหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็อัญเชิญกระบี่วิญญาณสามเล่มมาไว้ในมือ เปลี่ยนจากการหลบหลีกเป็นการโจมตี และโจมตีไปยังสิ่งที่กำลังโจมตีนาง
ขณะที่กำลังหลบหลีก ตงหลิงหวงเห็นอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่จู่โจมตนเองอยู่นั้นคืองูยักษ์ตัวหนึ่ง
ทว่าร่างของงูยักษ์นั้นนุ่มและยืดหยุ่น ตงหลิงหวงกับงูยักษ์ต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ทว่านางไม่สามารถโจมตีถูกงูยักษ์เลยสักครั้ง
งูยักษ์หมุนตัวเปล่งประกายและกลายร่างเป็นคนผู้หนึ่งทันที
เมื่อตงหลิงหวงเห็นภาพเหตุการณ์นี้ครั้งแรก นางก็ขมวดคิ้วแน่น
สัตว์เทพกิเลนร้องเรียกดังยิ่งขึ้น ราวกับกำลังร้องเตือนตงหลิงหวงว่าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งและอันตรายมาก
แท้จริงแล้ว ขณะที่เข้ามาในห้องมืดนี้ ตงหลิงหวงรู้อยู่แล้วว่าสัตว์เทพกิเลนเป็นสัตว์เทพโบราณ สิ่งที่สามารถกักขังสัตว์เทพกิเลนได้ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่? ” ตงหลิงหวงลองสื่อสารกับเขา “ข้าไม่ได้ตั้งใจเป็นศัตรูกับท่าน ขอให้ท่านปล่อยสหายของข้าไปเถิด”
“สหายหรือ? ”
คนผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ ร่างนั้นมีเสื้อคลุมสีดำคลุมทั้งร่าง ใบหน้ายังมีหมวกปกปิด ตงหลิงหวงมองไม่เห็นใบหน้าของเขา ทว่านางรู้สึกได้ว่า เขากำลังเหลือบมองไปทางสัตว์เทพกิเลน
ตงหลิงหวงพูดอย่างมั่นใจ “ใช่ เขาเป็นสหายของข้า! ”
สัตว์เทพกิเลนภักดีต่อซูจิ่นซี ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเพื่อนกับผู้ใด แม้อยู่ต่อหน้าซูจิ่นซี มันก็คิดว่าตนเองมีสถานะเป็นสัตว์เทพรับใช้นางเสมอ
ในใจของสัตว์เทพกิเลนนั้น คำว่าสหาย… เป็นคำที่ไม่อาจเอื้อมมาโดยตลอด
มันไม่เคยคิดว่าตงหลิงหวงจะพูดคำนี้ออกมา
เสียงร้องเรียกหยุดลงครู่หนึ่ง มันมองตงหลิงหวงด้วยสายตาชื่นชม ดวงตาทั้งสองเปล่งประกาย
“เอ่อ… ”
ตงหลิงหวงไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของสัตว์เทพกิเลน ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่ร่างคนประหลาดที่อยู่ข้างหน้า
ชายผู้นั้นยิ้มเยาะ ราวกับได้ยินเรื่องตลกที่ไร้สาระ
“สหายหรือ? เหอะ สัตว์เลี้ยงกิเลนตัวหนึ่ง มนุษย์เรียกว่าเป็นสหายได้อีกหรือ? ”
เห็นชัดว่าน้ำเสียงของคนผู้นั้นเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัย หรือว่าเขาเคยถูกมนุษย์ทำร้าย และมีความแค้นกับมนุษย์?
หลังจากครุ่นคิด เมื่อครู่เขาแปลงร่างจากงูยักษ์ เขาอาจเป็นปีศาจงู
ตงหลิงหวงพยายามวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของตนเองกับอีกฝ่าย หากสามารถช่วยสัตว์เทพกิเลนโดยไม่เสียเลือดเนื้อได้ ย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด
นางจึงชั่งน้ำหนักคำพูดแล้วกล่าวว่า “แม้มันจะเป็นสัตว์ ทว่าเป็นสัตว์เทพที่มีสายเลือดสูงส่ง และมีพลังความสามารถสูง ทั้งยังช่วยข้ารอดพ้นจากอันตรายหลายต่อหลายครั้ง ได้เป็นสหายที่ดีกับมัน นับเป็นความโชคดีของข้า”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า…
แม่นางตงหลิงเจ๋งมาก!
ดวงตาของสัตว์เทพกิเลนเปล่งประกายลึกซึ้ง
สายตาของตงหลิงหวงยังคงจับจ้องที่ชายแปลกหน้าโดยไม่ได้สนใจสัตว์เทพกิเลน
ร่างของชายผู้นั้นสั่นเทาเล็กน้อย หลังจากได้ยินคำพูดของตงหลิงหวง ราวกับว่าเขากำลังคิดอันใดบางอย่าง ทว่าไม่ได้พูดสิ่งใด
ตงหลิงหวงกระชับความสัมพันธ์ต่อ
“แท้จริงแล้ว หากเป็นไปได้ เจ้ากับข้าก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้! ”
ทันใดนั้น ร่างของชายผู้นั้นก็สั่นสะท้าน จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองตงหลิงหวง เพราะว่าที่นี่มีแสงสว่างน้อยเกินไป อีกทั้งร่างของชายผู้นั้นยังดำสนิท ใบหน้าของเขาจมลึกลงไปในหมวก ตงหลิงหวงจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
ทว่าไม่นานนัก ชายผู้นั้นก็เหลือบมองมา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำอย่างเคร่งขรึม “อย่ามาเล่นลูกไม้เช่นนี้กับข้า ปราสาทหลานลั่วแห่งนี้ไม่ใช่เป็นสถานที่ที่ผู้ใดคิดจะมาก็มาได้ หลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่เข้ามาที่ปราสาทหลานลั่วนั้น ไม่อาจรอดชีวิตออกไปแม้แต่ผู้เดียว
ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้ว ก็อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเทพงูอย่างข้าเถิด! ”
เขาพูดพลางยกแขนเสื้อขึ้นโบก จากนั้น ลำแสงเย็นเฉียบก็สาดส่องโจมตีมาทางตงหลิงหวง
ตงหลิงหวงรีบหลบ นางก้าวถอยไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง
การโจมตีของเทพงูเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แทบทุกครั้งของการโจมตี หมายที่จะปลิดชีวิตของตงหลิงหวงทั้งสิ้น
แม้ก่อนหน้านี้ นางจะใช้พลังเสวียนลี่ไปไม่น้อยเพื่อค้นหาสัตว์เทพกิเลน ทว่าตงหลิงหวงไม่ได้อ่อนแอ กระบี่วิญญาณทั้งสามยังร่อนเข้าไปต่อสู้กับเทพงูอย่างต่อเนื่อง
เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองได้ต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า ตงหลิงหวงฉวยโอกาสเข้าไปอยู่ด้านข้างสัตว์เทพกิเลน และพยายามช่วยสัตว์เทพกิเลน
อย่างไรเสีย ในสถานการณ์ตอนนี้ หากมีสัตว์เทพกิเลนคอยช่วยเหลืออีกแรง โอกาสชนะย่อมสูงขึ้นมาก
ทว่าตงหลิงหวงใช้กระบี่วิญญาณฟันไปหลายครั้ง ก็ไม่อาจตัดเชือกบนร่างของสัตว์เทพกิเลนได้
เมื่อเห็นเช่นนั้น เทพงูจึงโจมตีตงหลิงหวงอีกครั้ง
เมื่อเห็นการกระทำของตงหลิงหวง เทพงูก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฟันต่อไปเถิด! ต่อให้เทพงูอย่างข้าไม่ต่อสู้กับเจ้า เจ้าฟันอยู่ที่นี่หนึ่งชั่วยามก็ไม่มีทางแก้เชือกเทวะนี้ได้แน่นอน”
เชือกเทวะหรือ?
เมื่อได้ยินชื่อนั้น หัวใจของตงหลิงหวงก็สั่นไหวรุนแรง ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดาแน่
ดูเหมือนสัตว์เทพกิเลนเองก็รู้ว่า การแก้มัดเชือกเทวะเส้นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันจึงคำรามไปทางตงหลิงหวง
เทพงูกล่าวว่า “ในสามอาณาจักรเจ็ดแคว้น มีเพียงสองสิ่งที่สามารถแก้เชือกเทวะได้ หนึ่งคือเพลิงเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามแห่งแดนสวรรค์ และอย่างที่สองก็คือ… ”
เทพงูไม่พูดสิ่งใดต่อ น้ำเสียงที่เคร่งขรึมพุ่งเป้าไปทางตงหลิงหวงอีกครั้ง
ในมือของเขาไม่มีอาวุธ อาศัยเพียงลำแสงเย็นเฉียบที่ออกมาจากนิ้วทั้งห้า ทว่าลำแสงเย็นยะเยือกนั้นกลับมีพลังมหาศาล
แม้ไม่เคยโจมตีโดนร่างของตงหลิงหวงเลยสักครั้ง ทว่าขณะที่ตงหลิงหวงหลบหลีก ลำแสงเย็นเฉียบได้กระทบผนังโดยรอบและส่งเสียงอึกทึก
ขณะที่ตงหลิงหวงต่อสู้กับเทพงู นางครุ่นคิดวิธีการแก้เชือกเทวะที่มัดสัตว์เทพกิเลนไปพร้อมกัน
พวกเขายังคงต่อสู้กันอีกหลายสิบกระบวนท่า ทั้งสองยังไม่อาจตัดสินแพ้ชนะได้ เทพงูเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “ฮ่าฮ่า ยอมจำนนเสียเถิด! เจ้าไม่อาจเอาชนะเทพงูอย่างข้าได้ และยิ่งไม่อาจออกไปจากที่แห่งนี้ได้
เทพงูอย่างข้าพิทักษ์ปราสาทหลานลั่วแห่งนี้มาหลายพันปี ช่างเหงาเหลือเกิน เจ้าและสัตว์ตัวน้อยนี้ต้องอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้า”
ผู้ใดเป็นสัตว์ตัวน้อยกัน ผู้ใดเป็นสัตว์ร้ายตัวน้อยกันแน่?
เจ้านั่นแหละเป็นสัตว์ตัวน้อย!
สัตว์ตัวน้อย!
สัตว์เทพกิเลนเดือดดาล มันคำรามใส่เทพเจ้างูอย่างบ้าคลั่ง
ทว่าตงหลิงหวงไม่พูดสิ่งใดมาตลอด สีหน้าของนางเคร่งขรึม พยายามตั้งสมาธิต่อสู้กับเทพงู
ทว่าใครก็ตามที่มีพลังเสวียนลี่ก็จะพบว่า ความจริงแล้ว ตงหลิงหวงใช้พลังทั้งหมดต่อสู้กับเทพงู ทว่าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ดวงจิตอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของนางเข้าไปในแหวนเก้ามังกร
แม้ไม่รู้วิธีแก้เชือกเทวะ ทว่านางยังมีแหวนเก้ามังกร!
ผู้วิเศษจิ่วเทียนมีพลังเก่งกาจอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้เชือกเทวะไม่ได้ ตำราที่เขาทิ้งไว้ จะต้องมีวิธีแก้เชือกเทวะอย่างแน่นอน
วิธีแก้เชือกมีหรือไม่?