บทที่ 1929 จะต้องเป็นของฉัน
“ถ้าเป็นแบบนี้ เห็นทีจะต้องลงโทษแล้ว!”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ก็มีเสียงแหวกทะลุอากาศดังขึ้น เยี่ยหวันหวั่นรีบวิ่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด พุ่งตรงไปยังโต๊ะที่มีแหวนวางอยู่
วินาทีที่กำลังมือจะแตะแหวน ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นกันหญิงสาวไว้ ทำให้เธอพลาดแหวนไป
เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความโกรธสุดขีด จากนั้นก็ซัดฝ่ามือออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งสองก็สู้กันแล้วหลายสิบกระบวนท่า
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มไม่ได้รุนแรง เป็นเพียงท่าง่ายๆ สบายๆ ด้วยซ้ำ แต่สามารถป้องกันการโจมตีของเยี่ยหวันหวั่นได้อย่างแน่นหนา จนเธอไม่สามารถจับต้องแหวนได้สักทาง
“นายแห่งอาชูร่าคะ ฉันขอบังอาจถามสักคำ คุณเป็นถึงชายชาตรี การเก็บแหวนประจำตัวของชายอื่นไว้กับตัว หมายความว่ายังไงกัน”
เยี่ยหวันหวันตะโกนถามอย่างเดือดดาล
การยอมรับว่าตัวเองคือซือเยี่ยหานกับการยอมรับว่าตัวเองกำลังหึงนี่มันยากมากเลยเหรอ?
“ส่วนผู้นำไป๋ล่ะ หมายความว่ายังไง?” ชายหนุ่มจ้องเยี่ยหวันหวั่น และไม่ได้ตอบคำถาม
เยี่ยหวันหวั่นโกรธจนหัวเราะออกมา “แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะคะ? ท่านนายแห่งอาชูร่าฉลาดจะตาย ยังไม่รู้อีกเหรอว่าฉันหมายความว่ายังไง? ผู้หญิงคนหนึ่งอยากได้สิ่งของของผู้ชายคนหนึ่ง จนสามารถทำได้ทุกอย่าง แถมยังเป็นแหวนอีก…”
ชายหนุ่มไม่อยากฟังต่อจึงรีบพูดแทรกขึ้นทันที “เกรงว่าผู้นำไป๋จะต้องผิดหวังแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นยิ้มเนือยๆ “ดูเหมือนว่าท่านนายแห่งอาชูร่าตั้งใจจะแย่งผู้ชายกับฉันเหรอ?”
แย่งผู้ชายกับเธอ…
ลมหายใจของนายแห่งอาชูร่าหยุดชะงักลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นคนที่มีความอดทนต่ำ คงจะโกรธเยี่ยหวันหวั่นจนสติแตกไปแล้ว
หลังจากที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ เธอก็พูดต่อในทันที “ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ แหวนวงนี้ ฉันบอกแล้วว่าเป็นของฉัน ก็จะต้องเป็นของฉันเท่านั้น!”
เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว ก็เหมือนมีบางอย่างจมดิ่งอยู่ในแววตาของชายหนุ่มอย่างกะทันหัน และตกลงสู่ก้นบึ้งที่ลึกที่สุดไม่เห็นแม้แต่แสงเงา
เยี่ยหวันหวั่นฉวยโอกาสที่ชายหนุ่มกำลังเหม่อลอย รีบยื่นมือออกมาทันที วินาทีต่อมา ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้จับกล่องไว้ให้แน่น จึงทำให้กล่องร่วงหล่นลงจากมือของเขาทันที…
เยี่ยหวันหวั่นย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปแน่นอน จึงรีบเอื้อมมือไปคว้ากล่องแหวนเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้ดีใจ ก็เห็นใบหน้าซีดเผือดของชายหนุ่ม เขายกมือเรียวยาวกุมขมับเอาไว้แน่น ราวกับได้รับความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด…
เยี่ยหวันหวั่นลืมเรื่องแหวนไปเสียสนิท เธอรีบร้อนก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองชายหนุ่มที่ดูไร้เรี่ยวแรง “เฮ้ย คุณ…”
ชายหนุ่มทำหลังแข็งทื่อและผลักหญิงสาวออกไปไกลตัว จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซและทรุดตัวลงบนเก้าอี้ที่วางอยู่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผสมลมหายใจอันเย็นเฉียบเน้นย้ำทีละคำ “ออกไป…”
เขาไล่เธอออกไปอีกแล้ว!
เยี่ยหวันหวั่นข่มใจระงับความโกรธเอาไว้ และรีบถามเขาอย่างร้อนใจ “คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
“ไม่เกี่ยวกับเธอ” น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่มีความอบอุ่นหลงเหลือแม้แต่น้อย
“คุณ…ฉันไปก็ได้!” เยี่ยหวันหวั่นโกรธจนทนไม่ไหว จึงรีบสะบัดก้นออกไปจากที่นั่นทันที
เมื่อมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่จากไปอย่างโกรธเคือง ชายหนุ่มก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม รอบตัวเขาดูไร้ชีวิตชีวา เหมือนเขาถูกทิ้งไว้ที่เกาะร้างตัวคนเดียวบนโลก
เยี่ยหวันหวั่นผลักประตูพร้อมเสียง ‘ปั้ง’ ดังสนั่นหวั่นไหว และสาวเท้าก้าวฉับๆ ออกไปอย่างไว “ไปก็ได้! ฉันไปก็ได้! มันจะซักแค่ไหนกันเชียว! พอกันทีกับนิสัยจองหองเย่อหยิ่งแบบนี้ ฉันแม่งทนมามากพอแล้ว…”
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว สี่ก้าว…
ทนเดินไปได้ไม่ถึงห้าก้าว พอถึงก้าวที่ห้า ขาของเยี่ยหวันหวั่นก็เหมือนกับมีสติขึ้นมา รีบหันหลังเดินกลับไปยังทางที่จากมาทันที
———————————————————-
บทที่ 1930 ซุ่นเหมาหว่านกำลังออนไลน์
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้สติก็เดินกลับมาที่ประตู หญิงสาวจ้องไปยังประตูที่อยู่เบื้องหน้า พลางก้มดูขาคู่นั้นของตัวเอง “เวรเอ้ย! ขาฉันนี่มันยังไง? แกคิดจะทำอะไร? เดินกลับมาเองทำไมหา! ช่วยมูฟออนหน่อยได้ไหม!”
“โคตรน่าโมโหเลย…”
‘ปั้ง’ เสียงประตูเปิดออกอย่างแรง ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ เยี่ยหวันหวั่นถีบประตูเปิดออกด้วยความโมโหสุดขีดแล้วเดินไปตรงหน้าเขา “ให้ตายสิ! นี่คุณใส่ยาอะไรให้ฉันกินกันแน่!”
เมื่อพูดจบก็ยื่นแขนออกมาอย่างดุดัน ไปจับที่ขมับสองข้างของชายหนุ่ม จากนั้นก็เริ่มนวด
แม้ว่าใบหน้าของหญิงสาวจะดูโหดเหี้ยม และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันถึงขีดสุด แต่แรงนวดของเธอกลับอ่อนโยนและแผ่วเบามาก
ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงมีความท้อแท้อันเงียบงันปรากฏอยู่ เขามองหญิงสาวที่เดินไปเดินมาอย่างเลื่อนลอย แต่แรงกดอันอบอุ่นและนุ่มนวลบนขมับ ก็ขจัดความหนาวเย็นอันแสนเจ็บปวดของเขาออกไปทีละน้อย…
“คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?” เยี่ยหวันหวั่นบีบคลึงไปพลางถามไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ยังรู้สึกปวดอยู่ไหม?”
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ผลักไสหญิงสาวออกไป ปล่อยให้เธอสัมผัสตามใจชอบ
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองชายหนุ่ม และเห็นว่าเขาติดกระดุมคอเสื้อเม็ดแรกไว้อย่างแน่นสนิท แล้วยังผูกเนกไทอีกด้วย คิ้วของเธอก็ขมวดแน่นทันที
แค่มองก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นยื่นมือออกมาคลายปมเนกไทของเขาออก จากนั้นจึงปลดกระดุมคอเสื้อ
ชายหนุ่มชายตามองหญิงสาว ปล่อยให้เธอทำตามใจปรารถนาโดยไม่ได้ห้าม
เยี่ยหวันหวั่นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในสีขาวของเขาออกทั้งหมด จากนั้นก็เอ่ยถาม “ตอนนี้คุณรู้สึกสบายขึ้นมาบ้างหรือยัง?”
เมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองมา เยี่ยหวันหวั่นก็รีบอธิบาย “ฉันขออธิบายชัดๆ ว่าฉันแค่ปฐมพยาบาลเพื่อให้คุณหายใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีหมายความอย่างอื่น ฉันไม่ฉวยโอกาสจากคนที่กำลังตกอยู่ในอันตรายหรอก…”
เยี่ยหวันหวั่นกล่าวพลางจ้องมองไปยังแผงอกของชายหนุ่ม ที่เผยออกมาครึ่งหนึ่ง
ตอนแรกหญิงสาวไม่ได้ตั้งใจที่จะฉวยโอกาสตอนที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย แต่ตอนนี้ ความคิดของเธอค่อนข้างอันตรายแล้ว…
เย็นไว้ๆ!
เดิมทีอยากจะบีบบังคับให้เขายอมรับด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายกลายเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหว…
เยี่ยหวันหวั่นได้แต่พูดอย่างประนีประนอมว่า “ฉันไม่เชื่ออีกแล้ว ด้วยความฉลาดปราดเปรื่องของคุณ คุณจะไม่รู้เชียวเหรอว่าแหวนที่ฉันอยากได้มันทำอะไรได้บ้าง ต่อให้ความฉลาดของคุณจะขัดข้อง งั้นก็ใช้หน้าตาของคุณ ใช้ความหล่อของคุณช่วยพิจารณาหน่อยได้ไหม!”
นายแห่งอาชูร่าพูดไม่ออก
เมื่อเห็นใบหน้าอันซีดเซียวของชายหนุ่ม น้ำเสียงของเยี่ยหวันหวั่นก็อ่อนลงเล็กน้อย “อีกอย่างนะ ทำไมคุณถึงบอกให้ฉันอ้อนวอนคุณ ฉันก็อ้อนวอนคุณทันทีแล้วไง เพราะคุณเป็นผู้ชายของฉัน ฉันขอร้องคุณสักหน่อยไม่เห็นเป็นไรเลย? คุณไม่เห็นจะต้องเสียอะไรเลยนี่คะ!”
คุณเป็นผู้ชายของฉัน…
เมื่อสิ้นเสียงของหญิงสาว ดูเหมือนลูกตาดำของชายหนุ่มจะหดลงโดยฉับพลัน…
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายดูดีขึ้น เยี่ยหวันหวั่นก็พยายามต่อไป “คุณขอให้ฉันเอาพันธมิตรอู๋เว่ยมาแลก ขอร้องเถอะ ที่ฉันถึงตอบตกลงเพราะในใจฉันก็มีคำตอบอยู่แล้ว จากความสัมพันธ์ของเราสองคน ของของฉันก็เหมือนของของคุณ มันเป็นของคุณตั้งแต่แรกแล้ว ยังต้องแลกอะไรกันอีก ถูกไหมคะ?”
……
เธอรู้แล้ว…
แววตาของซือเยี่ยหานรู้สึกไร้พลังอยู่ลึกๆ เดิมทีเขาควรจะรู้สึกกังวล แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันนุ่มนวลของเธอ และเห็นความกระวนกระวายกับความเอาใจใส่บนใบหน้าของเธอ หัวใจของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยความสุข
ราวกับมีมือข้างหนึ่ง ลากเขาออกมาจากความมืดมนอ้างว้างไร้สิ้นสุด พาเขากลับเข้ามายังโลกมนุษย์…
เยี่ยหวันหวั่นยังคงนวดขมับให้เขาต่อไป “ฮึๆ ไม่โกรธแล้วใช่ไหม? เอ๊ะ ชักจะเกินไปหน่อยแล้วมั้ง ทำไมแม้แต่ตอนโกรธคุณยังหล่อถึงขนาดนี้ล่ะคะ!”
……………………………………………