บทที่ 701 ตอนพิเศษ 7- จบบริบูรณ์

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 701 ตอนพิเศษ 7- จบบริบูรณ์

เดิมทีหลินชิงเหอจะจับคู่กังจือให้กับหลินซิ่วหลานทางบ้านแม่ แต่สองคนนี้กลับไม่ต้องให้เธอจับคู่เลย ไม่รู้ว่าพวกเขาแอบคบกันเองตั้งแต่เมื่อไหร่

จนหลินชิงเหอสังเกตว่าบรรยากาศของสองคนนี้ไม่เหมือนเดิม ไปถามถึงได้รู้

คบกันมาจะสองเดือนแล้ว!

ถึงแม้หลินชิงเหอจะตำหนิหลานสาวไป แต่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก

เธอเห็นกังจือมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนขยันหมั่นเพียร อนาคตไม่แย่นักหรอก

สมัยยุค 90 ตอนต้น กังจอยังซื้อบ้านไม่ไหวยู่เลย แต่พอถึงกลางยุค 90 เขาก็ซื้อคอนโดมิเนียมขนาด 80 ตารางเมตรมาได้ ทำเลใช้ได้ทีเดียว หมดไป 160,000 หยวน

แทบจะเป็นเงินเก็บทั้งหมดที่กังจือมีแล้ว

ปีเดียวกับที่ซื้อบ้าน กังจือก็แต่งงานกับหลินซิ่ว

หลินชิงเหอซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบครบชุดให้พวกเขา ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงาน

หลังจากแต่งงานกันแล้วทั้งสองมีความสุขกันมาก หลินซิ่วยังเป็นทำงานเป็นนักบัญชีกับหลินชิงเหอ ส่วนกังจือตั้งแผงขายของอยู่อีก 2 ปีก็เลิก

หลังจากร้าน ‘ท่านโจว’ เริ่มบริหารแล้ว เขาก็กลายเป็นผู้จัดการร้าน ‘ท่านโจว’ และรับเงินเดือนแทน

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนโชคดี ก่อนหน้านี้เขาซื้อหน้าร้านไว้เองที่หนึ่ง ต่อมาพื้นที่ตรงนั้นได้ถูกรื้อถอนเพราะมีแผนจะสร้างเป็นถนนใหญ่ จึงได้เงินชดเชยมาหนึ่งก้อน

กังจือนำเงินก้อนนี้ไปซื้อหน้าร้านมาอีกหนึ่งที่ เป็นหน้าร้านที่ดีเยี่ยม ก่อนจะไปเรียนรู้งานที่ร้านอาหารทะเลแห้งของน้าสะใภ้อยู่ครึ่งเดือน และออกมาเปิดร้านอาหารทะเลแห้งเอง

สั่งของกับร้านน้าสะใภ้เขานี่แหละ สะดวกที่สุดแล้ว

เขาโชคดีมากจริง ๆ เปิดร้านได้ไม่นาน ไม่ถึงครึ่งปีที่นั่นก็สร้างตลาดแห่งใหม่ขึ้นมา

กังจือจึงร่ำรวย หาเงินง่ายสุด ๆ แต่ละเดือนต้องนำของเข้าถึงสองครั้ง เท่านี้ก็รู้กำไรแล้ว

เขาและหลินซิ่วมีลูกสาวหนึ่งคน อย่าให้พูดเลยว่าครอบครัวสุขสันต์ขนาดไหน

สวี่เชิ่งเฉียงก็แต่งงานแล้ว ภรรยาเขาเป็นคนปักกิ่งโดยพื้นเพเดิม หน้าตาหล่อนไม่จัดว่าสวยมากนัก แต่เป็นคนมีความสามารถทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้าน

ซึ่งผู้หญิงคนนี้เป็นหลินชิงเหอเองที่แนะนำให้เขารู้จัก

หลังจากนั้นทั้งสองคนจึงแต่งงาน มีลูกชายหนึ่งคน ซึ่งหลินชิงเหอก็บอกให้สวี่เชิ่งเฉียงกับภรรยาซื้อห้องชุดที่หนึ่ง

เธอไม่ได้ออกให้ก่อน แต่ออกใบรับรองเงินเดือนให้พวกเขาสองสามีภรรยาไปกู้เงินจากธนาคารมาเอง หลังจากนั้นค่อย ๆ ทยอยจ่ายคืนก็พอ

นอกจากเรื่องของสวี่เชิ่งเฉียงแล้ว เรื่องที่น่าพูดอีกเรื่องหนึ่งก็คือสวี่เชิ่งเหม่ยพี่สาวของเขา

หลังจากนั้นสวี่เชิ่งเหม่ยพี่สาวของเขาก็หย่าอีกรอบและไม่ได้แต่งงานอีก แต่ตัวหล่อนเองก็มีชีวิตที่ไม่เลว แค่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีเท่านั้นเอง

เพราะหลังจากตอนนั้นหล่อนก็ไปคบกับผู้ชายสูงวัยที่อายุมากกว่าตนถึง 20 ปี แถมลูกชายของเขายังอายุมากกว่าหล่อนเสียอีก โดยที่หล่อนต้องไปเป็นแม่เลี้ยงให้เขา

ในบรรดาหลานสาวรุ่นที่สอง โจวเอ้อร์นีนับว่าได้สามีดีที่สุด

หล่อนแต่งงานกับหวังหยวน ถึงหวังหยวนจะมีทั้งเงินทองและอำนาจ แต่ก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาและโจวเอ้อร์นีรักกันดี ส่งลูกแฝดมังกรหงส์สองคนออกไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศ

พวกเขาสองคนมีชีวิตที่สุขสันต์สุด ๆ

แต่โจวซื่อนีก็ได้สามีดีเหมือนกัน หล่อนแต่งงานกับเวิงกั๋วต้งผู้มีรายได้มั่นคง ชีวิตเรียบง่ายสมถะ สถานะทางสังคมก็ไม่ต่ำ

ส่วนโจวซานนีและหลี่อ้ายกั๋วที่ออกไปเปิดร้านกันเองนั้น ต่อให้กิจการของพวกเขาไม่ได้ขายดีเท่ากับร้านของหลินชิงเหอ แต่ก็ถือว่าไม่แย่

สองสามีภรรยาซื้อบ้านสมัยปลายยุค 90 เช่นกัน คิดเป็นร้อยกว่าตารางเมตร แถมซื้อด้วยเงินสดด้วย

ถ้าว่าตามที่โจวซานนีพูดก็คือ หลังจากซื้อบ้านมาได้แล้วหล่อนก็รู้สึกสบายใจ

โจวอู่นีนั้นตั้งรกรากอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้มีเจียงเหิงเป็นคนดูแล สองสามีภรรยาอยู่ในชนชั้นเงินเดือน ยืมบ้านของหลินชิงเหออาศัยอยู่ถึงปี 2000 ถึงออกไปซื้อบ้านอยู่เอง

คนที่สนิทกับหลินชิงเหอที่สุดเห็นจะเป็นโจวเสี่ยวเหมย

โจวเสี่ยวเหมยและซูต้าหลินเป็นคู่ที่เธอช่วยให้สมหวังเหมือนกัน หลังจากนั้นมีชีวิตที่สุขสันต์มาก ลูก 4 คนเรียนจบมหาวิทยาลัยทุกคน

แน่นอนว่าด้วยแรงสนับสนุนจากหลินชิงเหอ โจวเสี่ยวเหมยออกเงินดาวน์ที่ดินให้กับสี่พี่น้องซูเฉิง ก่อนจะให้พวกเขาไปทำงานหาเงินคืนเงินกู้ค่าบ้านเอง

คนที่มาอยู่ปักกิ่ง ส่วนใหญ่แล้วอย่างน้อย ๆ ต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง

จนกระทั่งช่วงหลังที่อสังหาริมทรัพย์ในปักกิ่งมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างมีหน้าตาเหยเกกันหมด

ดีนะที่พวกเขาซื้อเร็ว ไม่อย่างนั้นจะมีเงินซื้อเหรอ? คอนโดมิเนียมห้องเล็ก ๆ ก็ต้องใช้เงินหลายล้านหยวน ราคาแพงลิบลิ่ว

เหล่าคนบ้านโจวใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่งอย่างสงบสุข ถึงยังไงก็ไม่ถึงขั้นต้องเช่าบ้านอยู่ พวกเขาล้วนอยู่ระดับแนวหน้าของสังคม มีบ้านของตัวเอง

ในเวลาต่อมา คุณแม่เวิงที่ดองกันอยู่ก็ซื้อห้องชุดห้องหนึ่งด้วยคำแนะนำจากหลินชิงเหอเหมือนกัน

เพราะธุรกิจเสื้อผ้าไม่ค่อยทำเงินแล้ว หากซื้อห้องชุดสักห้องก็จะได้ปล่อยเช่า แต่ละเดือนจะได้มีรายได้อีกแหล่ง

แน่นอนว่าหน้าร้านก็เป็นร้านที่ตัวเองซื้อไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า คุณแม่เวิงจึงไม่กลัวขาดทุน อย่างไรชีวิตของพวกเขาสองสามีภรรยาก็มีหลักประกันแล้ว

มีประกันสังคมครอบคลุมกันหมด ไม่ต้องเสียค่าหมอค่ายาเลย

ส่วนบรรดาคนที่อยู่ในอำเภอบ้านเกิดก็พัฒนาชีวิตกันได้เป็นอย่างดี

พี่สามโจวได้เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์เป็นรถกระบะแล้ว และเปิดหน้าร้านเพิ่มด้วย แต่ก็ยังสู่น้องสามหลินไม่ได้อยู่ดี

น้องสามหลินซื้อบ้านสองหลังในตัวอำเภอ ตอนที่ซื้อบ้านสองหลังนี้เขาซื้อในราคาหลังละ 30,000-40,000 หยวน หลังจากนั้นบ้านหลังหนึ่งก็มีราคาสูงถึง 100,000 หยวน แต่น้องสามหลินไม่ขาย ได้แต่เก็บไว้ก่อน

ต่อให้เป็นพี่สามโจวก็ไม่รู้ เพราะเขาเคยบอกแค่พี่สาวคนที่สามอย่างหลินชิงเหอเพียงคนเดียว

เขาเก็บไว้ให้ลูกชายสองคนในอนาคต

ลูกชายสองคนของน้องสามหลินทำธุรกิจในอำเภอเหมือนกัน ถือว่าสืบทอดกิจการของพ่อ

ด้านโจวเซี่ยก็มีชีวิตที่ดีเหมือนกัน แต่พี่รองโจวไม่ได้พบกับสะใภ้รองโจวอีกเลยตลอดชีวิต เขาเพียงแต่ส่งเงินกลับมา ไม่ขาดเลยสักเดือน

พี่ใหญ่โจวและสะใภ้ใหญ่โจวแทบจะเป็นผู้ชนะของชีวิตนี้อยู่แล้ว พวกเขาได้เป็นหัวหน้าของหมู่บ้าน มีชีวิตรื่นเริงสนุกสนาน

หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋มีชีวิตอยู่ถึงอายุ 90 ปี

เช้าวันนั้นหลังตื่นขึ้นมาหลินชิงเหอก็นึกสังหรณ์ใจ อีกอย่างเธอมีอายุปูนนี้แล้ว ใครล่ะจะไม่รู้ตัวบ้าง?

หลินชิงเหอพูดกับโจวชิงไป๋ด้วยรอยยิ้ม “มิติของฉันหายไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันคงได้เวลาแล้วล่ะ”

โจวชิงไป๋เพียงแต่กุมมือเธอ และบอกด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไปกับคุณ”

หลินชิงเหอจากไปอย่างสงบในตอนบ่าย โดยที่ลูกหลานต่างมาส่งกันหมด

โจวชิงไป๋จึงใช้โอกาสนี้สั่งเสียเรื่องงานศพอีกครั้ง

ส่วนเรื่องอื่นนั้นไม่ต้องให้กำชับมาก เนื่องจากอายุมากแล้ว สมบัติที่บ้านก็แบ่งกันเรียบร้อยแล้ว พินัยกรรมก็เขียนไว้เรียบร้อย

เพราะฉะนั้นหลังจากบอกทุกอย่างเสร็จ โจวชิงไป๋ก็จับมือภรรยาและนอนลงข้างกายเธอช้า ๆ ก่อนสิ้นลมก็เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ภรรยา ผมมาแล้ว ถึงด้านล่างนั่นจะมืด ผมก็จะอยู่กับคุณเอง คุณไม่ต้องกลัวนะ”

……………………………………………………