บทที่ 700 ตอนพิเศษ 6-เจ้าสี่โจวมี่

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 700 ตอนพิเศษ 6-เจ้าสี่โจวมี่

ในฐานะคนเล็กสุดในรุ่นที่สองของบ้านโจว โจวมี่ก็มีสถานะสูงมาก

ไม่ว่าจะเป็นแฝดมังกรหงส์บ้านหวังหยวน หรือว่าพั่งพั่งบ้านโจวซานนีต่างมีอายุมากกว่าเธอทั้งหมด แต่เวลาเจอหน้าเธอต้องเรียกอาเล็กกันทั้งนั้น

โจวมี่เกิดในกองน้ำผึ้งหวานแหววอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เล็กจนโตไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอต้องอัดอั้นตันใจเลย

และเนื่องจากที่บ้านฐานะดีมาก หลินชิงเหอจึงกลัวว่าเธอจะมีจิตใจไม่ดี จึงส่งสาวน้อยมี่มี่ไปอยู่ที่กองทัพของพี่ใหญ่เธออย่างใจเหี้ยม

ตั้งใจว่าจะให้เธอไปผ่านความลำบากที่นู่น

เป็นเพราะเรื่องนี้เอง พ่อของเธอที่ชีวิตนี้ไม่เคยดุแม่ของเธอเลยสักครั้งก็โกรธแม่เธอ ได้ข่าวว่าไม่คุยกับแม่เธอเลยทั้งคืน

คิดแล้วก็ตลกอยู่ไม่น้อย

แต่สุดท้ายเธอก็ถูกส่งไปอยู่ดี

ถ้าจะบอกว่าชีวิตช่วงนั้นของโจวมี่ไม่เหนื่อยไม่ลำบากคงเป็นไปไม่ได้ แต่เล็กจนโตเธอเป็นดั่งเจ้าหญิงมาตลอด จนกระทั่งเธออายุ 7 ขวบแล้วพ่อเธอยังอุ้มเธออยู่เลย

เป็นถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของบ้าน แต่จู่ ๆ ก็ถูกนำตัวไปทิ้งไว้ที่กองทัพ จะไม่ให้รู้สึกแย่ได้อย่างไร?

อย่างไรเสียเธอก็เป็นลูกสาวบ้านโจว รู้สึกแย่ส่วนรู้สึกแย่ มีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่กลับไปแล้วแอบเช็ดน้ำตาคนเดียวตอนกลางคืน

แต่หลังจากอดทนผ่านช่วงเวลาตอนแรกมาได้แล้ว เธอก็คุ้นชินกับที่นี่ และชอบการฝึกแบบนั้นด้วย

ถึงจะตากแดดจนคล้ำลงไม่น้อย แต่หลังจากกลับมาแล้วเธอยังคิดถึงช่วงเวลาในกองทัพอยู่มาก

ใช้เวลาแค่ครึ่งปี ศักยภาพทางร่างกายต่าง ๆ ของเธอก็สูงขึ้นมาก ขนาดที่เธอในตอนนี้สามารถอัดอีกฝ่ายที่เป็นผู้ชายให้หมอบกระแตได้หากมีเรื่องด้วย

ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนสุดแสนจะหวงของบ้านโจว ถูกหลินชิงเหอกัดเซาะจนกลายเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งพึ่งพาตัวเองได้

ในครึ่งปีที่เธอไปอยู่ในกองทัพ หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ก็เคยไปเยี่ยมอยู่เหมือนกัน ไปตั้งสองสามรอบทีเดียว เพียงแต่ตัวโจวมี่เองไม่รู้ ซึ่งโจวชิงไป๋ที่ได้มาเห็นถึงขั้นทำตาแดง

หลินชิงเหอนึกแล้วก็อยากขำ จุดอ่อนที่บอบบางที่สุดของชายคนนี้ก็คงจะเป็นลูกสาวที่เขามามีตอนแก่ อมไว้ในปากก็กลัวจะละลาย กุมไว้ในมือก็กลัวจะร่วง

ก็เพราะเขาตามใจจนเกินไปนี่แหละ เธอถึงต้องทำแบบนี้

หลังจากแม่นางมี่มี่เรียนจบแล้วก็ออกไปทำงาน ไม่ได้ทำกิจการที่บ้าน แต่ออกไปหางานทำเอง

เธอเรียนด้านการเงิน จึงหางานไม่ยาก

หลินชิงเหอคิดว่าออกไปทำงานเองก็ดี ถึงยังไงการทำงานก็เป็นการฝึกฝนชั้นดี

แต่คิดไม่ถึงว่าออกไปทำงานได้ไม่นาน ก็มีประธานผู้เอาแต่ใจตามจีบถึงที่

พูดแบบหลินชิงเหอก็คือประธานผู้เอาแต่ใจ พูดแบบโจวชิงไป๋ก็คือพวกวู่วาม ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง

ที่บ้านเขามีเงิน ไม่ใช่แค่มีเงิน แต่เป็นถึงไฮโซระดับต้น ๆ ของปักกิ่งเลยทีเดียว ขนาดหลินชิงเหอยังเคยได้ยินแบรนด์ของบ้านเขา

ถึงอย่างนั้นก็เป็นเพียงคนเสเพลคนหนึ่ง

ครั้งแรกที่ตามจีบมาถึงที่ก็เจอกับเจ้าสามพอดี จึงโดนเจ้าสามอัดกลับไป

เพราะเจ้าสามเคยได้ยินเรื่องของไอ้หนุ่มนี่ ได้ข่าวว่าเคยเลี้ยงผู้หญิงด้วย แถมเปลี่ยนเดือนละคน อายุการใช้งานแต่ละคนไม่เกิน 1 เดือนด้วยล่ะ

คนแบบนี้จะคู่ควรกับน้องสาวสุดที่รักของเขาได้อย่างไร?

คนที่คิดแบบนี้ไม่ได้มีเพียงโจวกุยหลาย โจวชิงไป๋ก็คิดแบบนี้เช่นกัน และไม่แม้แต่จะคิดใหม่

แน่นอนว่าคนเป็นแม่อย่างหลินชิงเหอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

แต่เด็กคนนี้เป็นคนหน้าด้าน ดึงนู่นลากนี่ จะหาทางเชื่อมสายสัมพันธ์กับบ้านโจวให้ได้

เขาเป็นญาติฝั่งภรรยาเจ้าสามโจวกุยหลาย จะว่าไปก็คล้ายกับญาติห่าง ๆ อยู่

ตอนแรกโจวมี่คิดว่าความลำบากแบบนี้ไม่ถือว่าลำบากอะไร แต่เมื่อเจอกับผู้ชายหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ลาออก

แต่ความยุ่งเหยิงนี้เพิ่งจะเริ่มต้น

เมื่อก่อนไอ้หนุ่มนี่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายก็จริง ทว่าหลังจากรู้จักโจวมี่แล้ว เขาก็ไม่มีข่าวฉาวอะไรเทือกนั้นอีก

ให้ความรู้สึกว่าเขากลับตัวกลับใจแล้ว

ไอ้หนุ่มนั่นแซ่หวัง สกุลหวังเป็นแซ่ที่เห็นได้บ่อย ๆ ในปักกิ่ง แซ่เดียวกับหวังหยวน แต่ไม่ได้เป็นญาติกัน

เขาชื่อว่าหวังอี้

หวังอี้ขณะอยู่ที่บ้านหวังก็เป็นพวกหนุ่มเสเพลเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงไม่น้อย บ้านหวังถึงขั้นฝากญาติห่าง ๆ อย่างบ้านจ้าวมาช่วยพูดให้หน่อย

แต่จะมีอะไรให้พูด? เจ้าหญิงของบ้านโจวเป็นคนที่คนอย่างหวังอี้จะได้แต่งเหรอ?

ไม่ต้องพูดถึงข่าวฉาวเก่า ๆ นั่น แค่ตัวเขาเองก็มีความสามารถอะไรที่จะได้แต่งกับเจ้าหญิงน้อยบ้านโจว?

หากไม่มีบ้านหวังแล้ว หวังอี้เป็นใครกัน?

หลินชิงเหอเป็นคนเด็ดขาดมาก หลังจากได้รับโทรศัพท์จากบ้านจ้าวก็ตอกกลับไปเป็นชุด

และแสดงจุดยืนของฝั่งบ้านโจวอย่างชัดเจนว่าต่อให้บ้านหวังดีหมดทุกอย่าง แต่บ้านโจวก็ไม่สน

เดี๋ยวนี้บ้านโจวเป็นครอบครัวระดับไหน จะปล่อยให้ลูกสาวไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้อย่างไร? จึงต่อว่าทางนู้นกลับไป

แต่หวังอี้ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจ ไอ้หนุ่มนี่ออกไปเปิดบริษัทเอง ไร้ซึ่งประสบการณ์ ขาดทุนหมดเกลี้ยง แน่นอนว่าที่เขาขาดทุนไปไม่สร้างผลกระทบอะไรกับที่บ้าน

แต่มันทำให้ความมั่นใจของหวังอี้สั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า หากไม่มีแรงสนับสนุนจากบ้านหวัง เขาไร้ซึ่งความสามารถจริง ๆ

และเพราะเขาเข้าใจในจุดนี้เอง จึงได้ข่าวว่าเขาไปสำมะเลเทเมาอยู่หลายวัน จากนั้นก็ไม่รู้ว่าประสาทเส้นไหนกลับอีก เขาก็เริ่มสร้างตัวตั้งแต่ขั้นแรกสุด และไม่มีข่าวคราวใด ๆ จากเขา

บ้านโจวนึกว่าเรื่องนี้จะจบแล้ว แต่ผ่านไปแค่ 3 ปี ไอ้หนุ่มนั่นก็มาอยู่ตรงหน้าโจวมี่อีกครั้ง

และตอนนั้นโจวมี่เพิ่งจะมีแฟน เนื่องจากกฎของบ้านโจวเคร่งครัด มากสุดจึงได้แค่จับมือ แต่โจวมี่ก็ตั้งใจคบจริงหวังแต่งกับเขา

หารู้ไม่เขากลับจับปลาสองมือ คบซ้อนกับเพื่อนรักของเธอ

เรื่องน้ำเน่าอันโหดร้ายเช่นนี้กลับเกิดขึ้นในโลกของเธอ

แต่โจวมี่สะเทือนใจจริง ๆ ตอนที่หวังอี้ปรากฏตัวนั้นเป็นช่วงขาลงของโจวมี่พอดี

แม้จะเป็นช่วงขาลง แต่โจวมี่ก็ไม่ได้มองหวังอี้ไปในทางที่ดีนัก เธอเหมารวมเขากับแฟนเก่าระยำคนนั้นเป็นคนประเภทเดียวกัน

แต่ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกเห็นจะเป็นเรื่องจริง

หวังอี้จีบเธอมา 8 ปีเต็ม ตั้งแต่ที่รู้จักกับเธอตอนอายุ 22 เขาก็สงวนตัว

หลังจากนั้นก็ต่อสู้ดิ้นรนด้วยตัวคนเดียวมา 3 ปี ก่อตั้งบริษัทแห่งหนึ่งโดยไม่พึ่งที่บ้าน กำไรแต่ละปีเกินหลักล้าน สำหรับไฮโซอย่างพวกเขาถือว่าไม่เยอะหรอก

หลังจากนั้นบริษัทก็ขยายตัว มีบริษัทพัฒนาเกมอยู่ภายใต้ด้วย กำไรน่าดูชมเชียวล่ะ

เขาวนเวียนอยู่กับโจวมี่มาหลายปี สุดท้ายโจวมี่ทนลูกตื๊อเขาไม่ไหว พาเขาไปตรวจร่างกายทั้งชุด หลังจากรู้ผลว่าเขาไม่มีปัญหาสุขภาพอะไรและแข็งแรงมาก ก็ไม่รู้ทำไมโจวมี่ถึงพยักหน้าตกลง

ในที่สุดลูกคนรวยไม่เอาไหนอย่างหวังอี้ก็ได้สาวงามมาครอง แต่ตั้งแต่แรกจนจบพ่อตาแม่ยายเขาก็ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไรนัก

เป็นเพราะเขาทำตัวดีเป็นพิเศษหลังแต่งงานและมีหลานแล้วถึงยอมคุยกับเขาดี ๆ

……………………………………………