“ในที่สุดก็ได้เห็นการหนีออกจากกรงขังสำเร็จเป็นคละถิ่นกับตาตนเองแล้ว” ท่ามกลางฝูงชน ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับจิตใจปั่นป่วน
ที่โลกกำเนิดบ้านเกิด ที่ดินแดนจิตโลกา ที่โลกอสนีบาต หรือแม้กระทั่งมาถึงยังโลกทิพย์แห่งนี้… ก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลายาวนาน แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่เคยเห็นใครสำเร็จเป็นสิ่งมีชีวิตคละถิ่นกับตาตนเองมาก่อนเลย! ความยากของการ ‘สำเร็จเป็นคละถิ่น’ หรือแม้กระทั่งทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกถึงพลังกดดันอันไร้รูปร่าง แต่ตอนนี้ ‘บรรพชนงูเก้าเศียร’ ผู้บำเพ็ญเพียงคนเดียวที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา หรือแม้กระทั่งขอให้เขาช่วยเหลือประสบความสำเร็จแล้ว! สำเร็จเป็นคละถิ่นแล้ว!
ตื่นเต้นยินดี ริษยา จิตวิญญาณการต่อสู้อิ่มเอม
ความรู้สึกตื่นเต้นหาใดเปรียบ!
“สำเร็จเป็นคละถิ่น คนที่รวบรวมสายโลหิตภายนอกยังสามารถตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะทำมิได้” จิตวิญญาณการต่อสู้ของจักรพรรดิเป่ยเหอก็พุ่งทะยานเช่นเดียวกัน เขาหมุนกายแล้วตรงไปยังคูหาของตนในทันที
“ขอเพียงแค่ข้าไปถึงระดับพลังยุทธ์ของพี่เก้าเศียรก่อนหน้านี้ ก็ควรจะมีหวังที่จะตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้แล้วกระมัง” ในบรรดาสุดยอดผู้แกร่งกล้า ผู้ที่บำเพ็ญพลังสายโลหิตกลุ่มหนึ่งก็มองเห็น ‘เป้าหมาย’ แล้วเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ เดิมทีพลังยุทธ์ของพวกเขามิได้ห่างชั้นกับเจ้าเมืองเก้าเศียรมากมายนัก ขอเพียงแค่เพิ่มพูนพลังยุทธ์ไม่กี่ส่วนเท่านั้นก็ใช้ได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังยากเย็นเช่นเดิม แต่อย่างน้อยก็ยังมองเห็นความหวัง
“พี่เก้าเศียร ตื่นรู้สายโลหิตอื่นๆ เก้าชนิดขั้นสุดยอดโดยอาศัยสายโลหิตผู้บัญชาการของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ทั้งยังคิดค้นสายพันธุ์คละถิ่นสายพันธุ์ใหม่ออกมาได้ด้วย” นัยน์ตาของใบเมฆาวายุก็ทอประกายอันชวนให้คนตกใจเช่นเดียวกัน “เขาสามารถบุกเบิกเส้นทางใหม่ได้ จะต้องมีสักวันที่ข้า ใบเมฆาวายุ จะสามารถใช้พลังทำลายกฎได้เช่นเดียวกัน!”
“เขา เก้าเศียร ก้าวขึ้นมาจากโลกสามัญทัละก้าวๆ ไม่มีสายโลหิตคละถิ่น ริเริ่มรวบรวมสายโลหิตคละถิ่นซึมซับเข้าสู่ร่างกาย สายโลหิตสิบชนิดล้วนสามารถตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้ ข้าซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทายาทรุ่นหลังของท่านบรรพชน ได้รับการบ่มเพาะมากมาย ข้ามีเพียงแค่สายโลหิตคละถิ่นชนิดเดียวเท่านั้น ทรัพยากรในการบำเพ็ญก็ดีกว่าเก้าเศียรไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะตื่นรู้มิได้!” อูเสี่ยวหมุนกายแล้วจากไปตามลำพังเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้น
เหล่าผู้บำเพ็ญจำนวนมากต่างก็เปรียบเทียบกับ ‘เจ้าเมืองเก้าเศียร’ ต่างก็รู้สึกว่าอย่างน้อยก็มองเห็น ‘เป้าหมาย’ แล้ว! จิตต่อสู้ของแต่ละคนลุกโชนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
อันที่จริงแล้วตลอดระยะเวลาอันยาวนานก่อนหน้านี้ ในใจของพวกเขาจำนวนมากต่างก็ประหม่ากลัวไปเสียแล้ว ตนเองจะสามารถสำเร็จเป็นคละถิ่นได้หรือไม่ก็ไม่แน่ใจเลย! เพราะได้เห็นผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศมากมายเหลือเกิน ผู้มีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศกว่าตนก็ไม่มีใครสำเร็จเลยแม้แต่คนเดียว ก็ย่อมไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ได้เห็นคนผู้หนึ่งประสบความสำเร็จ ในใจก็ไม่เหมือนกันแล้ว
……
วันต่อมา
ไม่เพียงแต่เมืองเมฆาแดงเท่านั้น เหล่าผู้บำเพ็ญของสถานที่รวมตัวสี่แห่งอื่นๆ ต่างก็ตื่นเต้น เป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
“จ้าวหิมะเหิน กองกำลังที่ข้าจัดตั้งหมายจะไปล่าสังหารนักโทษคละถิ่น ‘เจ้านทีประกายลอย’ ขอเชิญท่านไปเข้าร่วมกองกำลังของข้าอย่างจริงใจ! มีท่านอยู่ ความมั่นใจของพวกเราก็จะเพิ่มขึ้นกว่าสิบเท่าแล้ว ต้องการเงื่อนไขเช่นไรท่านก็เอ่ยมาได้ทั้งสิ้น มันมีความสำคัญกับการตื่นรู้ขั้นสุดยอดของข้าเป็นอย่างยิ่ง ขอให้จ้าวหิมะเหินได้โปรดช่วยเหลือสักครั้งหนึ่งเถิด ถ้าหากข้าสามารถสำเร็จเป็นคละถิ่นแล้วก็จะต้องมาตอบแทนจ้าวหิมะเหินอย่างแน่นอน”
“หากไม่มีเหตุผลพิเศษ ก็จะไม่ไปที่สถานที่รวมตัวแห่งอื่นๆ เป็นการชั่วคราว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยตอบ
“พวกเราสามารถมารับท่านได้นะ”
“ไม่จำเป็นหรอก”
“การตื่นรู้ขั้นสุดยอดของข้าจำเป็นจะต้องใช้สายโลหิตนักโทษคละถิ่นนี้อย่างเร่งด่วน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้สนใจอีกต่อไปแล้ว
ช่วยไม่ได้
ผู้ที่มาเชื้อเชิญให้เขาไปล่าสังหารนักโทษคละถิ่นนั้นมีมากมายเกินไปเสียแล้ว! ความสำเร็จของเจ้าเมืองเก้าเศียร ทำให้ผู้บำเพ็ญสายโลหิตจำนวนมากคิดว่าสายโลหิตของสิ่งมีชีวิตคละถิ่นระดับสูงใดๆ ที่เหมือนกันกับสายโลหิตของพวกเขา น่าจะมีความช่วยเหลือต่อการตื่นรู้ขั้นสุดยอดของพวกเขาอย่างมหาศาล
……
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนให้ความสำคัญกับความยุติธรรม
ผู้ที่ตะโกนว่า ‘นั่นคือสิ่งจำเป็นเร่งด่วนต่อการสำเร็จเป็นคละถิ่นของข้า’ ตะโกนว่า ‘ข้าสามารถตอบแทนท่านได้’ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมิได้ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะว่าผู้บำเพ็ญจำนวนมากมายมหาศาลต่างก็ปรารถนาจะได้ครอบครองซากนักโทษคละถิ่น หรือแม้กระทั่งผู้ตระหนักวิถีก็สามารถนำมาใช้หยั่งรู้บำเพ็ญได้!
แต่ว่าขอเพียงแค่มีเงื่อนไขที่น่าดึงดูดใจเพียงพอ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังเต็มใจที่จะลงมืออยู่
ในระยะเวลาอีกห้าหมื่นล้านปีกว่าต่อมา
เขารับคำเชิญหกครั้งต่อเนื่องกัน ถึงขนาดที่มีอยู่สามครั้งที่เป็นของสถานที่รวมตัวแห่งอื่นๆ! หกครั้งนี้ล้วนเป็นการออกไปจัดการกับนักโทษคละถิ่น
การเคลื่อนไหวหกครั้ง สำเร็จไปสองครั้ง!
การตายตกไปของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันดูเหมือนว่าจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในบรรดา ‘นักโทษ’ เหล่านั้นทั่วทั้งโลกทิพย์ ถึงอย่างไรนักโทษคละถิ่นก็มีจำนวนน้อยนิดเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่สิบท่านเท่านั้น! ตายตกไปท่านหนึ่ง อีกไม่กี่คนที่เหลือก็ตกอกตกใจ และต่างก็คิดหาหนทางสำรวจเพื่อให้เข้าใจ และล่วงรู้เคล็ดวิชาวิญญาณอันน่าหวาดหวั่นของ ‘จ้าวหิมะเหิน’ ภายใต้ความระแวดระวัง นักโทษคละถิ่นเหล่านี้ก็ระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง การเคลื่อนไหวหกครั้ง มีสี่ครั้งที่การไล่ล่าล้มเหลว นักโทษคละถิ่นหนีไปยังบริเวณใกล้กับฐานที่มั่น พลังยุทธ์ไปถึงระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอ กองกำลังผู้บำเพ็ญไล่ล่าสังหารไม่ไหว ก็ถูกกดดันจนได้แต่ปล่อยไปในที่สุด
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร
นับรวมกับเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ก็ปลิดชีพนักโทษคละถิ่นไปสามท่านแล้ว! อัตราส่วนความสำเร็จสูงยิ่งเช่นเคย ผู้ที่มาเชื้อเชิญตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังคงมีมากมายเช่นเดิม
******
เมืองเมฆาแดง ภายในคูหา
ตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ภายในโถงตำหนักใต้ดิน ร่างกายกึ่งโปร่งแสงจางๆ ผิวกายก็มีชั้นหยดน้ำชั้นหนึ่งปรากฏขึ้น ชั้นเกราะปกป้องร่างกายนี้… ล้วนเป็นหยดน้ำหยดแล้วหยดเล่าทั้งสิ้น หยดน้ำกลิ้งหมุนอย่างต่อเนื่อง ปกป้องทุกส่วนของพื้นผิวร่างกายอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าหากขยายใหญ่ล้านล้านเท่าก็จะค้นพบว่าหยดน้ำหยดนี้ ในความเป็นจริงแล้วก็คือ ‘ห้วงมิติ’ ที่ไหลรินแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวแล้ว ร่างกายก็เคลื่อนผ่านฟากฟ้าไปในทันใด
พรวด…
ชั้นหยดน้ำที่ปกคลุมผิวนอกอยู่ชั้นนี้โคจรขึ้นมาอย่างเฉียบแหลมหาใดเปรียบ จากไร้รอยต่อสู่มีรอยต่อ คล้ายกับตัดแยกทุกสิ่งทุกอย่าง! ความเร็วที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบินผ่านฟากฟ้านั้นรวดเร็วจนน่ากลัว รวดเร็วกว่าวิถีกายแมลงมารห้วงอากาศก่อนหน้านี้กว่าเท่าตัว
พรึ่บ ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดลงที่อีกฟากหนึ่งของโถงตำหนักใต้ดิน
สวบๆๆ…
เขาเคลื่อนไหวอยู่ภายในโถงตำหนักใต้ดินอยู่ตลอดเวลา จากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่ง ชั้นหยดน้ำที่ผิวกายก็ตัดทำลายสิ่งกีดขวางทั้งหมด
“อัตราเร็วรวดเร็วขึ้นมากจริงๆ เสียด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงหยุดลงแล้วเผยสีหน้ายินดี “สำหรับความเร็วนี้ ข้าก็สามารถจัดอยู่ราวๆ ลำดับที่สิบของทั้งเมืองเมฆาแดงได้แล้ว”
เมืองเมฆาแดง มีสายโลหิตของผู้บำเพ็ญบางส่วนที่เชี่ยวชาญทางด้านความเร็วเป็นพิเศษ! ถึงขนาดที่รวดเร็วกว่าใบเมฆาวายุ อูเสี่ยว และบรรพชนงูเก้าเศียรในตอนนั้นเป็นอย่างมาก
ความเร็วของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้สามารถจัดอยู่ราวๆ ลำดับที่สิบในบรรดาผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆของเมืองเมฆาแดง ก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“นี่คือเคล็ดวิชาที่เจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันเสี่ยงชีวิตในตอนนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้าศึกษาซากของเขามาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ในที่สุดก็วิวัฒน์เคล็ดลับนี้ออกมาแล้ว”
อย่างเช่นดวงตาลึกลับที่ตนได้มาจากสิ่งมีชีวิตพันเนตรในตอนนั้น อ้างอิงจากส่วนประกอบของมัน วิวัฒน์กระบวนสังหารที่หนึ่งและกระบวนสังหารที่สองของวิถีเขตลวงโลกเทียมออกมา
สิ่งมีชีวิตคละถิ่นโดยกำเนิด พวกมันขุดค้นพลังสายโลหิตออกมา ร่างกายก็สามารถแข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้ อย่างเช่นรูปร่างใหญ่ขึ้น หรือแม้กระทั่งร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น เห็นได้ชัดว่าเกิดความเร้นลับของกฎเกณฑ์มากยิ่งขึ้น! พวกมันขุดค้น ‘เคล็ดลับ’ บางอย่างออกมา สามารถสังเกตเห็นได้จากส่วนประกอบร่างกายบางอย่างของพวกมัน เพราะถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่เหมือนกับผู้ตระหนักวิถี ที่สำเร็จความเร้นลับของกฎเกณฑ์ หากแต่ขุดค้นสายโลหิตสำแดงพละกำลัง
สามารถสำแดงได้ แต่กลับไม่ล่วงรู้พื้นฐาน เคล็ดลับที่สำแดงออกมานั้นล้วนขุดค้นออกมาจากสายโลหิต ก็ย่อมสามารถปรากฏชัดภายในร่างกายได้อยู่แล้ว
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงศึกษาส่วนประกอบภายในซาก แต่กลับอาศัยความเร้นลับของกฎเกณฑ์ที่ตนเข้าถึง มาคิดค้นเคล็ดลับดัดแปลงที่คล้ายคลึงกัน
เคล็ดลับ…
เคล็ดลับศาสตร์แล้วศาสตร์เล่า อันที่จริงแล้วก็คือกระบวนการยกระดับพลังยุทธ์ ทั้งยังเป็นกระบวนการสั่งสมพื้นฐานด้วย
อย่างเช่นกระบวนสังหารที่สามของวิถีเขตลวงโลกเทียมที่ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดค้นออกมา วิญญาณของเขาก็เกิดการวิวัฒน์ขึ้นเสียแล้ว
“นับได้ว่า ‘เคล็ดหยดน้ำ’ นี้ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ศึกษา ‘เคล็ดห้วงอากาศเยือกแข็ง’ ต่อไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงก้มหน้าก้มตาศึกษา ความเร้นลับต่างๆ มากมายที่ปรากฏในส่วนประกอบร่างกายของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงัน ในเคล็ดลับมากมายที่แฝงอยู่ สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ‘เคล็ดหยดน้ำ’ และ ‘เคล็ดห้วงอากาศเยือกแข็ง’
เคล็ดหยดน้ำนี้ ด้านหนึ่งก็สามารถป้องกันร่างกายได้! ทำให้ความสามารถในการรักษาชีวิตรอดพรั่งพรู ส่วนอีกด้านก็ทำให้ความรวดเร็วในการเหินทะยานพรั่งพรูขึ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมทุ่มเทหยั่งรู้เคล็ดลับนี้อย่างสุดกำลังอยู่แล้ว
ส่วนอีกเคล็ดลับหนึ่ง ‘เคล็ดห้วงอากาศเยือกแข็ง’ ตอนนั้นก็ทำให้บรรพชนงูเก้าเศียรรู้สึกว่าน้ำเสียงแหบหาย แม้กระทั่งความคิดก็ยังเนิบช้าลงเป็นอย่างมาก! เคล็ดวิชานี้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็แปลกประหลาดยากคาดเดายิ่งกว่า เพียงแต่ภายใต้การทุ่มเทอย่างสุดกำลังของเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันในตอนนั้นก็เพียงแค่สำแดงครั้งหนึ่งเท่านั้น ภายหลังต่อมาอีกระยะหนึ่งก็ยังไร้หนทางสำแดงอย่างต่อเนื่องได้
เคล็ดลับนี้สำหรับเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันที่เผชิญกับการพันธนาการกดดันก็ยังกินแรงเป็นอย่างยิ่ง
อยากจะเข้าถึง… ระดับความยากก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“ห้วงอากาศ เยือกแข็งอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงจมดิ่งลงไปภายใน
……
ทั่วทั้งโลกทิพย์ เหล่าผู้บำเพ็ญของสถานที่รวมตัวห้าแห่งต่างก็บำเพ็ญกันอย่างบ้าคลั่ง ต่างนึกอยากจะสำเร็จเป็นบรรพชนงูเก้าเศียรคนที่สอง สำเร็จเป็นคละถิ่
ที่ก้นทะเลของทะเลหุบเหวลึก
เงาร่างใหญ่โตสูงตระหง่านนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ก้นทะเล รูปร่างของเขาใหญ่โตยิ่งนัก แค่ยื่นมือทั้งสองข้างออกมาก็เพียงพอที่จะปกคลุมทั่วทั้งทะเลหุบเหวลึกแล้ว ทะเลหุบเหวลึกเป็นอ่างอาบน้ำให้เขาก็ยังเล็กเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“เคร้งๆๆ” โซ่ตรวนบนร่างเขาเปล่งประกายสีทองในทันใด บนโซ่มีลวดลายสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างวาบขึ้นมา สายโซ่ที่เดิมทีผูกกับก้นทะเลอย่างแน่นหนาก็คลายออกแล้ว พวกมันลอยละล่อง แต่ประกายกลับพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง
“เฮอะ”
เสียงเฮอะทุ้มต่ำเสียงหนึ่ง
เจ้าทะเลหุบเหวลึกลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน นัยน์ตามืดหม่นเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง
“ในที่สุดก็ถึงเวลาออกตระเวนแล้วใช่หรือไม่” ส่วนลึกของนัยน์ตาเจ้าทะเลหุบเหวลึกมีความตื่นเต้นที่ข่มกลั้นเอาไว้อยู่สายหนึ่ง
เป็นถึงนักโทษที่น่าหวั่นเกรงที่สุดคนหนึ่งของโลกทิพย์
การพันธนาการลงโทษบนร่างของเขาก็ต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่นบรรดานักโทษคละถิ่นคนอื่นๆ นึกอยาก ‘ออกตระเวน’ ก็สามารถออกตระเวนได้ตลอดเวลา! แต่มีเพียงแค่ ‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ คนเดียวเท่านั้นที่เผชิญกับการพันธนาการ ยามปกติเขาก็ไม่มีทางยืนขึ้นมาได้เลยเสียด้วยซ้ำ! ก็ได้แต่นั่งขัดสมาธิเช่นนี้อยู่ตลอด มีเพียงตอนที่โซ่ตรวนคลายการผูกมัดกับก้นทะเลเท่านั้น เขาจึงจะสามารถไปจากทะเลหุบเหวลึกได้
“เจ็บปวดเสียจริง” ร่างกายของเจ้าทะเลหุบเหวลึกกำลังสั่นสะท้าน ความเจ็บปวดนี้กำลังทวีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลัน และกำลังกดดันเขาให้ไปจากทะเลหุบเหวลึก
มีเพียงแค่การออกตระเวนเท่านั้น
มีเพียงแค่การไปให้ไกลจากที่มั่น ความเจ็บปวดจึงจะยิ่งบรรเทาเบาบางลงได้
“เหล่าเจ้าดินแดนที่สมควรตาย บีบบังคับข้า บีบบังคับข้าอยู่ได้! พวกเจ้าจะต้องนึกเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!” เจ้าทะเลหุบเหวลึกยืนขึ้นมาในทันใด
การยืนขึ้นในครั้งนี้ทำให้น้ำทะเลทั่วทั้งทะเลหุบเหวลึกสั่นกระเพื่อม ก่อให้เกิดระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วน
ครืน…
หลังจากที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกร่างมหึมาสูงตระหง่านหาใดเปรียบยืนขึ้นแล้ว ระดับน้ำทะเลทั่วมหาสมุทรอันไพศาลอย่าง ‘ทะเลหุบเหวลึก’ ก็ลดระดับลงอย่างฉับพลัน!
เท้าทั้งสองของเขาเหยียบก้นทะเล
บริเวณที่ยืนอยู่นั้น ตำแหน่งของระดับน้ำทะเลก็ถึงเพียงแค่ช่วงเอวของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเท่านั้นเอง
เขาเงยหน้าส่งเสียงคำรามก้องอย่างโกรธแค้น ครืน… คลื่นเสียงอันน่าหวาดหวั่นทำให้ท้องฟ้าเหนือทะเลหุบเหวลึกสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปหมด ผนังแตกทลาย เผยให้เห็นลวดลายลับอันประณีตคล้ายโซ่เส้นแล้วเส้นเล่าออกมา
…………………