ภาคที่ 38 เจ้าดินแดนเสวี่ยอิง ตอนที่ 45 เท้าหนึ่งเหยียบย่างลงไป

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ณ เมืองเมฆาแดง

“เจ้าทะเลหุบเหวลึกออกตระเวน! เจ้าทะเลหุบเหวลึกออกตระเวน!” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังศึกษาซากเจ้าภูเขาน้ำแข็งเงียบงันตรงหน้าซากนี้อยู่ที่โถงตำหนักใต้ดิน ทันใดนั้นก็ได้รับข่าวแล้วอดที่จะตื่นตะลึงมิได้ “อะไรนะ เจ้าทะเลหุบเหวลึกหรือ”

เขาโบกมือคราหนึ่ง เก็บซากขึ้นมาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใดอีก

ตงป๋อเสวี่ยอิงพุ่งตัวออกไปจากโถงตำหนักใต้ดิน มุ่งหน้าไปยังตำหนักเมฆาแดงในทันใด

สวบๆๆ…

ทันใดนั้นลำแสงก็ระยิบระยับไปทั่วทุกหนแห่งในเมืองเมฆาแดง ผู้บำเพ็ญสามพันกว่าคนในเมืองไม่ขาดใครเลยแม้แต่คนเดียว รวมถึงผู้ที่เดิมทีเรียกได้ว่า ‘ปลีกวิเวกปิดตาย’ เมื่อได้รับข่าวแล้วก็หยุดการปลีกวิเวกออกมาด้วย

“สวบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาภายในตำหนักเมฆาแดง ตอนนี้ในตำหนักเมฆาแดงมีผู้บำเพ็ญจำนวนมากรวมตัวกันอยู่อย่างแน่นขนัดแล้ว มีบางคนที่สีหน้าเคร่งเครียด ทว่ามีบางคนกลับเผยสีหน้าคาดหวังรอคอยอย่างบ้าคลั่ง

“ทุกท่านเชิญดู”

ชายชราอาภรณ์ทองถือไม้เท้าท่านหนึ่ง ถือกระจกเอาไว้ในมืออีกข้าง ภายในกระจกปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ทะเลหุบเหวลึก ยักษ์ร่างสูงตระหง่านตนหนึ่งยืนอยู่ในทะเลหุบเหวลึก ผิวน้ำอยู่เพียงแค่ระดับเอวของเขาเท่านั้นเอง! ความใหญ่โตของร่างกายเขาทำให้ทั้งทะเลหุบเหวลึกดูราวกับบ่อโคลนเล็กๆ  โซ่ตรวนที่เปล่งประกายสีทองเส้นแล้วเส้นเล่า ต่างก็แทรกตรงเข้าไปภายในร่างกายยักษ์ร่างสูงตระหง่านตนนี้ เจาะเข้าไปในผิวหนัง ไม่มีทางถอดแยกได้

“เขาออกมาแล้ว” เหล่าผู้บำเพ็ญในที่นั้นอดที่จะปั่นป่วนวุ่นวายมิได้

ห้าสถานที่รวมตัว สถานที่รวมตัวทุกแห่งต่างก็จัดการรับผิดชอบสังเกตการณ์ทะเลหุบเหวลึกในระยะยาว! เหล่าผู้บำเพ็ญมีวิธีการที่แตกต่างกัน อย่างเช่นเมืองเมฆาแดงก็มี ‘กระจกมาร’ อันแปลกประหลาดอยู่บานหนึ่ง สามารถสังเกตการณ์ทะเลหุบเหวลึกผ่านระยะทางอันไกลโพ้นได้ตลอดเวลา! กระจกมารนี้ก็จัดวางอยู่ที่ตำหนักเมฆาแดงโดยตลอด โดยให้หุ่นเชิดในตำหนักเมฆาแดงช่วยจับตาดูตลอดเวลา

‘เจ้าทะเลหุบเหวลึก’ ยักษ์ร่างสูงตระหง่าน ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า เพียงแค่สองก้าว เท้าใหญ่ข้างหนึ่งของเขาก็เหยียบย่างลงบนแผ่นดิน ลวดลายโซ่ตรวนแต่ละเส้นบนร่างกายของเขาโคจร ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มถูกบีบให้หดเล็กลง เมื่อเดินจากกลางน้ำทะเลมาถึงบนแผ่นดิน ร่างกายของเขาหดเล็กลงเหลือเพียงหนึ่งในสามของร่างเดิมเสียแล้ว

เขาเดินเหยียบย่างก้าวแล้วก้าวเล่า

จังหวะก้าวเมื่อตอนเริ่มต้นชวนให้คนตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรทะเลหุบเหวลึกก็กินพื้นที่หนึ่งในสิบของโลกทิพย์ ร่างกายที่ใหญ่ที่สุดของเขา เพียงแค่สองสามก้าวก็สามารถก้าวข้ามทะเลหุบเหวลึกได้แล้ว

ถึงแม้ว่าร่างกายจะหดเล็กลงถึงหนึ่งในสาม ระยะทางทุกย่างก้าวก็ยังคงน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่งเช่นเดิม ก้าวหนึ่งก็ข้ามผ่านทิวเขาและดินแดนรกร้าง ไกลกว่าเหล่าผู้บำเพ็ญเดินทางเป็นเวลาหลายชั่วยามเสียอีก

ในเวลาเดียวกันกับที่ก้าวย่างนี้ก้าวออกมา

แต่ร่างกายกลับหดเล็กลงอย่างฉับพลัน หนึ่งในสิบส่วน หนึ่งในร้อยส่วน หนึ่งในพันส่วน…

“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ” เขาเดินก้าวยาว ร่างกายหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง

การหดเล็กลงนั้นยิ่งเล็กลงไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ

……

ภายในตำหนักเมฆาแดง บรรดาผู้บำเพ็ญจิตกลุ่มหนึ่งแต่ละคนจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏชัดบนกระจกมาร กระจกมารนี้สังเกตการณ์เจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา

เจ้าทะเลหุบเหวลึกเดินทางอย่างรวดเร็วเหลือเกิน มิได้พาผู้ใต้บังคับบัญชามาด้วยแต่อย่างใด

เดินทางแต่เพียงลำพัง แต่ในเวลานี้ก็ไม่มีผู้บำเพ็ญคนใดกล้าไปยั่วยุเลย! ต้องรู้ไว้ว่าต่อให้เขามาถึงยังด้านนอกเมืองเมฆาแดง พลังยุทธ์ลดลงจนถึงระดับต่ำสุด ก็ยังสามารถอาศัยกำลังของตัวเองเพียงคนเดียวต่อกรกับผู้บำเพ็ญทั่วเมืองได้ ส่วนจะแพ้หรือชนะนั้นก็ยากที่จะพูดได้

“สุดท้ายก็ออกมาเสียที ในที่สุดเขาก็ออกมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว”

“นี่คือภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สุดของพวกเรา แต่ก็เป็นโอกาสอันใหญ่หลวงที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน!”

“คราวก่อนไม่สามารถสังหารเขาได้ ครั้งนี้จะต้องฆ่าเขาให้ตายให้จงได้”

นัยน์ตาของเหล่าผู้บำเพ็ญในที่นั้นจำนวนมากต่างก็มีความบ้าคลั่ง

เพราะว่าโอกาสอันใหญ่หลวงที่สุดของโลกทิพย์…ก็คือการสังหารเจ้าทะเลหุบเหวลึก ขอเพียงแค่เจ้าทะเลหุบเหวลึกตาย ผู้ที่มีความดีความชอบใหญ่หลวงที่สุดในบรรดาผู้บำเพ็ญทั้งหมดก็จะได้รับของกำนัลอันยิ่งใหญ่ของเจ้าดินแดน!

ถ้าหากเป็นผู้บำเพ็ญที่มีสายโลหิตคละถิ่น ก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะสามารถตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้!

ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ตระหนักวิถีก็สามารถได้รับของรางวัลอันชวนให้คนตกตะลึงได้เช่นเดียวกัน

อย่างเช่นความช่วยเหลือของเจ้าดินแดน ทำให้ผู้ตระหนักวิถีมีโอกาสสืบทอดคำสอนและเข้าถึงโลกกำเนิดแห่งหนึ่งอย่างนั้นหรือ

อย่างไรก็ตาม…

นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนคลุ้มคลั่งได้แล้ว

“สายโลหิตของข้ามีต้นกำเนิดมาจากท่านบรรพชน เป็นสายโลหิตที่สมบูรณ์แบบที่สุด” อูเสี่ยวเอ่ยพึมพำ “เหล่าเจ้าดินแดนก็ไม่มีทางช่วยให้ข้าตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้ แต่ว่าสายโลหิตผู้บำเพ็ญอื่นๆ ที่สายโลหิตมิได้แข็งแกร่งเช่นเดียวกันกับข้า ดูเหมือนว่าต่างก็สามารถการตื่นรู้ขั้นสุดยอดได้ทั้งสิ้น ต่อให้เป็นข้า…อืม ถึงเวลาก็สามารถขอให้ ‘เจ้าเมืองหลัว’ ช่วยเหลือได้ โลกทิพย์แห่งนี้ ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้อาณาเขตในปกครองของเจ้าเมืองหลัว ของกำนัลสุดท้ายก็คือของกำนัลของเจ้าเมืองหลัว”

อูเสี่ยวคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง

ขณะนี้เหล่าผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ภายในโถงตำหนักก็วิพากษ์วิจารณ์กัน ผู้ที่พลังยุทธ์อ่อนแอก็หวังว่าจะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ไม่ต้องตกอยู่ในภัยพิบัตินี้อีก ส่วนผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมาดปรารถนา พวกเขามิได้หวาดหวั่นต่อภยันตราย พวกเขาก็ยิ่งอยากจะคว้าโอกาสในครั้งนี้เอาไว้มากกว่า

ในประวัติศาสตร์โลกทิพย์ เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็เคยถูกล่าสังหารมาก่อนแล้ว

แน่นอนว่าสังหารไปคนหนึ่งแล้ว!

ก็จะมีเจ้าทะเลหุบเหวลึกคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นมา โลกทิพย์แห่งนี้สร้างขึ้นมาก็เพื่อขัดเกลาผู้บำเพ็ญ ทำให้ผู้บำเพ็ญระดับสุดยอดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าสามารถบรรลุได้ท่ามกลางการขัดเกลา ถึงแม้ว่าอาจจะตายไปเป็นจำนวนมากมาย แต่เพียงแค่ผู้แกร่งกล้าคละถิ่นคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาได้ก็คุ้มค่าแล้ว เมื่อใดที่มาถึงยังโลกทิพย์แห่งนี้โดยสมัครใจก็ย่อมต้องเตรียมใจเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

อย่างเช่นตอนนั้นที่ตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเป่ยเหอศึกษาเจาะลึกก้อนหินใหญ่ก้อนนั้นอยู่ที่ ‘ทางเดินเขี้ยวอสรพิษ’ ของหุบเขาเขี้ยวหัก ก็ได้เตรียมพร้อมเผชิญกับภยันตรายทุกอย่างเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วเช่นเดียวกัน

“ช่างรวดเร็วเสียจริง”

“ร่างกายของเขาก็ช่างใหญ่โตเสียเหลือเกิน”

แต่ละคนมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏอยู่บนกระจกมาร

เส้นผมยุ่งเหยิงทั้งศีรษะของเจ้าทะเลหุบเหวลึกปลิวสะบัด ความเร็วเหนือกว่าผู้บำเพ็ญที่รวดเร็วที่สุดหลายร้อยเท่า เพียงแต่ว่าร่างกายของเขาค่อยๆ หดเล็กลงจนขนาดเล็กที่สุดตามการเหินทะยาน

ความเร็วก็ลดต่ำลงเล็กน้อยเช่นเดียวกัน

……

บนพื้นหิมะอันกว้างใหญ่

กองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งเคลื่อนผ่านท้องฟ้าด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง ถึงขนาดที่หลบหนีอย่างสุดความสามารถโดยมิได้สนใจจะเก็บรักษาความลับเลย

“เจ้าทะเลหุบเหวลึกกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา เร็ว เร็ว หนีเร็วเข้า” กองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้แต่ละคนเผยสีหน้ากระวนกระวาย พวกเขาคือกองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งของเมืองยามเที่ยง ส่วนเมืองยามเที่ยงก็คือเมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลหุบเหวลึกที่สุดในบรรดาเมืองทั้งห้า

“รวดเร็วเกินไปแล้ว”

“พวกเราหนีไม่พ้นหรอก”

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้กระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง

เหล่าผู้บำเพ็ญกับเจ้าทะเลหุบเหวลึกผู้นี้ในตอนนี้ก็มิได้เพิ่งเคยประมือกันเป็นครั้งแรก ก็เข้าใจลูกไม้บางอย่างของเจ้าทะเลหุบเหวลึกกระจ่างแจ้งดี รู้ว่าเขาสามารถรับรู้ได้ถึงตำแหน่งที่อยู่ของผู้บำเพ็ญคนหนึ่งคนใดได้อย่างง่ายดาย! ขณะนี้เจ้าทะเลหุบเหวลึกมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว เกรงว่าก็คงต้องมาจัดการกับกองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้

“ทุกท่าน พวกเราไม่ทันการณ์แล้ว ตอนนี้หากคิดอยากมีชีวิตรอดก็มีอยู่เพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้น พวกเรากระจายตัวกัน กระจายตัวกันไปให้หมด! แต่ละคนไปเคลื่อนไหวกันตามลำพัง เช่นนี้ก็อาจยังมีบางส่วนที่สามารถรอดชีวิตกลับไปถึงเมืองยามเที่ยงได้”

“ได้”

“กระจายตัวกัน ต่างคนต่างเคลื่อนไหว”

“ทุกท่าน หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีกที่เมืองยามเที่ยงนะ”

“ฮ่าฮ่า ถ้าหากได้พบกันอีก จะต้องมาดื่มกันให้ดีๆ อีกสักยกหนึ่งล่ะ”

บรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านี้กระจายตัวกันไปหมดอย่างรวดเร็ว แต่ละคนไปเคลื่อนไหวกันตามลำพังด้วยความเรียบง่ายและหมดจด

เพราะอ้างอิงจากประสบการณ์ ต่อให้แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยห้าหกคน ถึงแม้ว่ากลุ่มย่อยห้าหกคนเคลื่อนที่ผ่านความรกร้างอันเวิ้งว้าง ก็มีความมั่นใจในการกลับไปถึงเมืองยามเที่ยงได้เป็นอย่างมาก แต่ด้วยอัตราเร็วของเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็สามารถไล่ล่าสังหารกองกำลังย่อยห้าหกคนจนหมดเกลี้ยงทุกคนได้! ทว่ากองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งกระจายตัวกันไปจนหมด เจ้าทะเลหุบเหวลึกก็ยากที่จะไปหาตัวทุกคนมาได้แล้ว

“หวังว่าคราวนี้จะสามารถรอดชีวิตกลับไปถึงเมืองยามเที่ยงได้นะ” หญิงสาวอาภรณ์ดำคนหนึ่งเคลื่อนผ่านท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบแล้วหลบหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด

“แย่แล้ว” หญิงสาวอาภรณ์ดำหันหน้าไปก็เห็นเงารางใหญ่โตมโหฬารปรากฏตัวขึ้นไกลออกไป

รวดเร็วเกินไปแล้ว

อัตราเร็วสูงจนเงาร่างเปลี่ยนเป็นเลือนรางดุจภาพมายา

ปึง…

ถึงแม้ว่าจะหดเล็กลงไปกว่าล้านเท่าแล้ว ฝ่าเท้าใหญ่นั้นก็ยังราวกับภูผาใหญ่ลูกหนึ่ง เท้าหนึ่งเหยียบย่างลงไป หญิงสาวอาภรณ์ดำก็กะพริบร่างหลบไม่ทัน ก็ถูกเหยียบเสียงดังปึงจนกลายเป็นผุยผง!

ความแตกต่างระหว่างพลังยุทธ์มากเกินไปเสียแล้ว เท้าหนึ่งเหยียบย่างลงไปก็เหมือนกับการบี้มดตาย

ถึงอย่างไรพลังยุทธ์ของเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็น่าหวาดหวั่นเหลือเกิน ต่อให้ไปถึง ‘เมืองยามเที่ยง’ แล้วพลังยุทธ์ลดต่ำลงไปอย่างฉับพลันจนถึงระดับต่ำสุด ก็ยังสามารถต่อกรกับผู้บำเพ็ญหลายพันคนได้อย่างสบายๆ อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย! การสังหารระดับจักรพรรดิเทพขั้นสมบูรณ์คนหนึ่งก็ช่างง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง

“ปึง”

“ปึง”

นัยน์ตาเย็นชาของเจ้าทะเลหุบเหวลึกเต็มไปด้วยแววอาฆาต เขาก้าวยาวๆ ก้าวใหญ่ ไล่ล่าสังหารผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่า

“ข้ามาถึงยังโลกทิพย์เป็นระยะเวลาเนิ่นนานเช่นนี้ ในที่สุดก็เผชิญกับมหันตภัยที่ต้องตายแน่นอนเสียแล้วสินะ” ชายชราผมขาวผู้หนึ่งเงยหน้าขึ้นมองเงาร่างสูงตระหง่านที่เข้ามาจากที่ห่างไกลออกไปอย่างฉับพลัน “บรรลุสิ บรรลุสิ ถ้าไม่ตายก็ต้องบรรลุแล้ว” เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ความเร้นลับต่างๆ นานาก็วิ่งปะทะกันในห้วงสมองอย่างแท้จริง หมายจะบรรลุ

จนใจ!

ปึง!

เท้าหนึ่งเหยียบย่างลงไป ผู้บำเพ็ญอีกคนก็ตายตกไป

ยามที่บรรดาผู้บำเพ็ญเหล่านี้เผชิญหน้ากับความตายก็สามารถเผชิญหน้าได้อย่างสงบ ถึงขนาดที่อยากจะอาศัยภยันตรายเช่นนี้มาบีบคั้น หมายจะลองเสี่ยงระหว่างความเป็นความตาย หวังว่าจะสามารถสำเร็จเป็นคละถิ่นได้!

แต่ว่าการสำเร็จเป็นคละถิ่นมิได้ง่ายดายเช่นนี้อยู่แล้ว!

……

เพราะว่าเหล่าผู้บำเพ็ญวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปทั่วทุกสารทิศ ระยะห่างระหว่างกันก็ไกลยิ่งนัก ทำให้เจ้าทะเลหุบเหวลึกเปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ถึงจะล่าช้าไปเป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้นก็เหยียบผู้บำเพ็ญตายไปอย่างต่อเนื่องกว่ายี่สิบคนแล้ว

หลังจากครึ่งชั่วยามให้หลัง ระยะห่างระหว่างเหล่าผู้บำเพ็ญใต้บังคับบัญชาก็ยิ่งห่างไกลกันแล้ว จะแยกกันไล่ตาม ก็ต้องสิ้นเปลืองเวลาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

“เฮอะ” เจ้าทะเลหุบเหวลึกปล่อยวางในทันใดแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังอีกทิศทางหนึ่ง เขารับสัมผัสได้ว่าที่ทิศทางนั้นก็มีกองกำลังผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งอยู่เช่นเดียวกัน

ถึงอย่างไรเจ้าทะเลหุบเหวลึกก็สามารถรับสัมผัสได้ถึงทุกสรรพชีวิตทั่วทั้งโลกทิพย์

“เขาล้มเลิกแล้ว”

“เขาล้มเลิกการไล่ตามพวกเราแล้ว”

ผู้บำเพ็ญที่แยกย้ายกันหลบหนีเหล่านั้นก็ได้รับข่าวคราวมาจากเมืองยามเที่ยงเช่นเดียวกัน รู้ว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกไม่ไล่ล่าสังหารพวกเขาอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจึงได้ผ่อนลมหายใจ กลยุทธ์การหนีก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ถึงแม้ว่าเจ้าทะเลหุบเหวลึกจะไม่ไล่ล่าสังหารพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังเผชิญกับภยันตรายใหญ่หลวงอีกอย่างหนึ่ง… ก็คือการกลับไปถึงภายในเมืองโดยเคลื่อนที่ผ่านระยะทางอันยาวไกลตามลำพังคนเดียวนั่นเอง!

ยากเย็นเกินไปแล้ว

ในหมู่พวกเขา ผู้ที่ถูกกำหนดให้สามารถรอดชีวิตกลับไปได้ก็มีเพียงแค่จำนวนน้อยนิดเท่านั้น!

******

ณ ตำหนักเมฆาแดง

ผู้บำเพ็ญสามพันกว่าคนมองดูทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกระจกมารบานนั้น มองดูผู้บำเพ็ญคนแล้วคนเล่าหยุดการหลบหนีแล้วเผชิญหน้ากับเจ้าทะเลหุบเหวลึก พวกเขาต่างก็เข้าใจการเลือกของผู้บำเพ็ญเหล่านั้น ถ้าหากลองเปลี่ยนเป็นพวกเขาแทน เกรงว่าพวกเขาก็คงจะทำเช่นนี้เหมือนกัน เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ดิ้นรนต่อสู้ครั้งสุดท้าย น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วการสำเร็จเป็นคละถิ่นช่างยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง

ภาพเหตุการณ์ที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกเหยียบย่ำผู้บำเพ็ญจนตายด้วยฝีเท้าเดียวฉากแล้วฉากเล่า ทำให้พวกเขาแต่ละคนนิ่งเงียบ ทว่านัยน์ตาฉายแววอาฆาต

“ดูทิศทางที่เขาไล่ล่าสังหาร ที่แรกที่เจ้าทะเลหุบเหวลึกจะมาจัดการในครั้งนี้ก็ยังเป็นเมืองยามเที่ยง” ใบเมฆาวายุเอ่ยปากพูด “ถ้าหากเหมือนกันกับคราวก่อน เช่นนั้นที่ที่สองที่จะไปจัดการก็คือเมืองเมฆาแดงของพวกเราน่ะสิ”

……………………