เห็นเพียงกลางอากาศมีดวงอาทิตย์สีเขียวเป็นมันวาวลอยอยู่สามดวง

ดวงหนึ่งใหญ่ อีกสองดวงเล็ก

ดวงใหญ่ลอยอยู่ตรงกลาง ดวงเล็กแบ่งออกเป็นทางตะวันตกและตะวันออก ไม่ว่าขนาดหรือลำแสงล้วนสู้ดวงอาทิตย์ตรงกลางไม่ได้

แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้หานลี่ตกตะลึง สิ่งที่ทำให้เขาระมัดระวังตัวมากขึ้นก็คือรัศมีลำแสงสีแดงโลหิตที่รายล้อมดวงอาทิตย์สีเขียวทั้งสามดวง

รัศมีลำแสงนี้ดูสดใหม่มาก ลอยนิ่งอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์สีเขียว มองจากไกลๆ คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกงดงามมาก

หานลี่หรี่ตามองรัศมีลำแสงสีแดงสดเหล่านั้นชั่วครู่ จมูกฟุตฟิต คาดไม่ถึงว่าจะได้กลิ่นหอมหวานราวกับน้ำผึ้งลางๆ

หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม สะบัดแขนเสื้อออกไปอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน

เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีเขียวความยาวสิบกว่าจั้งพุ่งออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็กลายเป็นสายรุ้งสลายหายไปท่ามกลางป่าลึก

ครู่ต่อมาลำแสงสีเขียวก็สลายหายไป เสียงคำรามสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น

จากนั้นพื้นดินรอบด้านพลันสั่นสะเทือน แล้วไม่มีเสียงใดดังขึ้นอีก

หานลี่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ แค่มองไปยังทิศทางที่มีเสียงคำรามดังมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ลำแสงสีเขียวก็เปล่งแสงสว่างวาบพุ่งกลับไปในป่าลึก หลังจากเลือนรางก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่ถึงได้ขยับตัว แล้วบินไปทางนั้นอย่างเชื่องช้า

ระยะทางยี่สิบสามสิบลี้ สำหรับหานลี่นั้นย่อมไปถึงได้ในพริบตา

เห็นเพียงตรงหน้าระหว่างท่อนไม้พังๆ สีขาว กลับเป็นสัตว์ขนาดมหึมาความยาวสองสามร้อยจั้งตัวหนึ่ง

สัตว์ประหลาดยักษ์ดูเหมือนแมลงและอสูร ร่างกายถูกสับเป็นชิ้นๆ แต่ยังคงมองออกว่าเหมือนกับแมลงปีศาจที่มีปีกและหนวด และต้องจัดอยู่ในพวกอสูรถึงได้มีขนและกรงเล็บที่แหลมคม

มองจากไกลๆ สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูเหมือนผึ้งยักษ์และแรดตัวหนึ่งรวมร่างกัน

บนร่างใหญ่ยักษ์ที่ล้มครืนอยู่ แผ่กลิ่นหอมหวานที่หานลี่เคยได้กลิ่นมาก่อนออกมา แค่ระยะใกล้เช่นนี้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

หานลี่กวาดสายตาไปรอบด้านเล็กน้อย พบว่าไม่ว่าวัชพืชหรือว่าไม้สีขาวรอบด้าน ล้วนแห้งเหี่ยวไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ยามนั้นจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองกรอบ

ใกล้กับซากอสูรยักษ์มีแมลงประหลาดราวกับตั๊กแตนตำข้าวขนาดเท่าแตงโมนอนอยู่เต็มไปหมด แต่ผิวเป็นสีดำสนิท ไม่มีพลังชีวิตตั้งนานแล้ว

“พิษของตัวประหลาดนี้ไม่ธรรมดาเลย คนทั่วไปนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปร้อยลี้ เกรงว่าคงถูกกลิ่นอายของมันทำให้ติดพิษจนตาย” หานลี่วนรอบซากสัตว์ประหลาดสองรอบ แล้วถึงได้เอ่ยพึมพำขึ้น

สัตว์ประหลาดตัวนี้มีรูปร่างแปลกประลหาด แต่เขาก็ไม่อาจแยกแยะประวัติความเป็นมาของมันได้ กว่าครึ่งคงเป็นอสูรประหลาดที่หายากในแดนซิวหลัว

หานลี่ครุ่นคิดในใจ แล้วดีดนิ้วไปที่พื้น

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ไข่มุกเพลิงสีเงินพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่อนลงบนร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ชั่วพริบตาเปลวเพลิงสีเงินก็กลืนกินซากสัตว์ประหลาด ทำให้ร่างของมันหายวับไป

หลังจากทำธุระเสร็จ หานลี่ถึงได้พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน หยิบลูกบอลผลึกสีขาวขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาลูกหนึ่ง หลังจากกวาดสายตามองไปก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

บนลูกบอลผลึกไม่มีความผิดปกติเลยสักนิด เห็นได้ชัดว่าอยู่ห่างจากม่อเจี่ยนหลีมากเกินไปถึงได้ไม่อาจสัมผัสได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งสองก็ไม่ต้องรีบไปรวมตัวกัน หาโอกาสให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน

เวลาสิบกว่าวันจะบอกว่านานก็นาน จะบอกว่าสั้นก็สั้น

หานลี่คำนวณในใจ หลังจากที่แยกแยะด้านล่างก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวยาวสิบจั้งเศษพุ่งแหวกอากาศไป

ทว่าลำแสงหลีกหนีของเขาไม่นับว่าเร็วนัก บินแค่ความสูงสองสามร้อยจั้งเท่านั้น

ถึงอย่างไรเสียการมาแดนซิวหลัวครั้งนี้ก็ไม่ได้เร่งรีบอันใด แต่มาเพื่อตามหาสมบัติโดยเฉพาะ

ยามที่หานลี่เหาะเหิน ก็แผ่จิตสัมผัสออกไป ปกคลุมทุกอย่างในรัศมีวงกลมสามถึงสี่พันลี้

จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของเขา การแผ่จิตสัมผัสปกคลุมทีเดียวแสนลี้ย่อมทำได้อย่างง่ายดาย ทว่ายามนี้ต้องจับตามองให้ละเอียด แม้กระทั่งต้องแทรกจิตสัมผัสไปในใต้ดินลึกลงไปสองสามร้อยจั้ง แน่นอนว่าจึงทำได้เพียงย่ออาณาเขตให้เล็กลงเท่านั้น

สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งระดับแมงมุม ชอบอยู่อาศัยในส่วนลึกของใต้ดิน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ยังตรวจสอบได้ขนาดใหญ่เช่นนี้ นี่เป็นเพราะจิตสัมผัสของหานลี่แข็งแกร่งกว่าระดับมหายานทั่วๆ ไปมาก

หากเปลี่ยนเป็นม่อเจี่ยนหลี เซี่ยหรานและพวก หาร่องรอยใต้ดินทุกอย่างในรัศมีสองสามร้อยลี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขายังคงมั่นใจในการเดินทางครั้งนี้มากแม้ว่าจะไม่มีพลังที่เกี่ยวข้องกับโลหิตแมงมุมซิวหลัวก็ตาม

ส่วนม่อเจี่ยนหลี ดูแล้วจะมั่นใจในการตามหาแมงมุมซิวหลัวอยู่หลายส่วน น่าจะมีวิธีตามหาแมงมุมที่พิเศษถึงจะถูก

หานลี่ขบคิดในใจเช่นนั้น จิตสัมผัสกลับแทบจะกวาดไปในรัศมีสองสามพันลี้ทีเดียว ลำแสงหลีกหนีค่อยๆ ไกลออกไป

กลางอากาศอีกแห่งลำแสงสีขาวในมือของม่อเจี่ยนหลีหม่นแสงลง กระบี่หยกแวววาวด้ามหนึ่งคืนรูปเดิมจากเงากระบี่สวรรค์อีกครั้ง

ในกองหินระเกะระกะที่อยู่ด้านหน้าไปร้อยจั้งเศษ อสูรประหลาดหัวพยัคฆ์หางแมงป่องสองสามตัวล้วนนอนแยกเป็นสองชิ้นกลายเป็นบ่อโลหิตอยู่

หลังจากที่ม่อเจี่ยนหลีกวาดสายตาไปที่ซากอสูรแวบหนึ่ง ก็เก็บกระบี่หยก อ้าปากออกอีกครั้ง พ่นลำแสงสีม่วงอ่อนออกมา

ในลำแสงคือธงสีม่วงขนาดสองสามชุ่น

ม่อเจี่ยนหลียกแขนขึ้นโดยไม่พูดอันใด ชี้ไปที่ธงด้ามเล็ก ในเวลาเดียวกันปากก็พ่นคำว่า “ขึ้น” ออกมา

ชั่วขณะนั้นธงพลันส่งเสียงหึ่งๆ เปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบแล้วขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็กลายเป็นธงยักษ์ขนาดสองสามจั้งด้ามหนึ่ง

ยามที่ธงนี้ไม่ใหญ่ยังมองไม่เห็นความพิเศษใด ยามนี้ขยายใหญ่แล้วกลับมองเห็นความไม่ธรรมดาได้

ผืนธงสีม่วง ด้ามธงสีทอง!

ผิวมีอักขระยันต์หลากชนิดเรียงรายอยู่ มีเงาลวงตาของแมงมุมสองหัวสีเงินอ่อนอยู่ตรงใจกลางลางๆ

ม่อเจี่ยนหลีบริกรรมคาถา นิ้วทั้งสิบร่ายไปมาไม่หยุด อาคมเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบจมหายเข้าไปในธง

เงาร่างแมงมุมสีเงินบนธงกลับค่อยๆ ชัดเจนขึ้น

ม่อเจี่ยนหลีเห็นเช่นนี้ ก็อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฝึกฝนชีพจรโลหิตที่เกี่ยวกับแมงมุมซิวหลัว แต่ ‘ธงจานเส้นไหม’ ที่ได้มาด้วยความบังเอิญนานแล้วกลับมีจิตวิญญาณของแมงมุมวัชระเงินจนกลายเป็นอาวุธวิญญาณ จึงสามารถสัมผัสสิ่งมีชีวิตประเภทแมงมุมในอาณาเขตได้เช่นกัน

แม้ว่าประสิทธิภาพของมันจะเทียบกับเซี่ยหรานและพวกทั้งสองคนที่มีชีพจรโลหิตไม่ได้ แต่ก็น่าจะไม่ต่างกันมากนัก

แค่ไม่รู้ว่าแมงมุมซิวหลัวน่ากลัวดั่งในตำนานจริงหรือไม่ ต่อให้หาพบ จากพลังของเขาเกรงว่าคงไม่อาจสังหารมันได้ง่ายๆ

ม่อเจี่ยนหลีครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อาคมในมือไม่หยุดพักราวกับล้อรถอย่างไรอย่างนั้น

ฉับพลันนั้นเงาลวงตาแมงมุมสีเงินบนธงพลันร้องคำราม ร่างกายพลันกลายเป็นดวงลำแสงแล้วสลายหายไป

“ที่นี่ไม่มี ดูแล้วต้องหาไปหาที่อื่นแล้ว” อาคมในมือของม่อเจี่ยนหลีหยุดลง เอ่ยพึมพำกับตัวเอง ไม่ได้เผยสีหน้าผิดหวังออกมา

นั่นก็ไม่แปลก!

ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขาถูกส่งตัวมากนัก ตอนแรกก็ไม่หวังว่าจะหาแมงมุมซิวหลัวพบในเวลารวดเร็วเช่นนี้อยู่แล้ว

ม่อเจี่ยนหลีสะบัดแขนเสื้อไปทางธงทันใด ทำให้มันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหดเล็กลงดังเดิม อ้าปากออกสูบอีกครั้ง ดูดสมบัติเข้าไปในท้องอีกครั้ง

จากนั้นผิวของชายชราพลันมีรัศมีลำแสงม้วนวนออกมา ร่างทั้งร่างพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วบินไปยังจุดที่ไกลออกไป

“ดูแล้วพี่น้องอย่างพวกเราคงมีดวงไม่เลว เพิ่งจะส่งตัวมาในแดนนี้ ชีพจรโลหิตก็เกิดปฏิกิริยาตอบสนองทันที ดูแล้วการเดินทางครั้งนี้น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อย” เฮยหลินที่เรือนกายมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบบินอยู่ใต้ดินลึกลงไปร้อยจั้งเศษ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

ด้านข้างไม่ไกลนักคือเซี่ยหรานที่มีสีหน้าเย็นชา

“ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น ทว่าก็ไม่ต้องดีใจเร็วเกินไปนัก แม้ว่าชีพจรโลหิตจะสัมผัสได้ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นแมงมุมซิวหลัว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแมงมุมชนิดอื่น ตามตำนานแล้วในแดนซิวหลัวมีแมงมุมอยู่หลายชนิด” เซี่ยหรานถูกลำแสงสีเหลืองห่อหุ้มอยู่เช่นกัน พลันเอ่ยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“เรื่องนั้นข้าย่อมรู้ดี แต่ถึงอย่างไรเสียก็ยังมีโอกาส มิใช่หรือ!” เฮยหลินมีท่าทีไม่สนใจเลยสักนิด

เซี่ยหรานฉีกยิ้ม แล้วไม่เอ่ยอันใดอีก

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม พุ่งออกมาจากดินโคลน ปรากฏขึ้นในถ้ำสีดำสนิท

ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา เซี่ยหรานและพวกทั้งสองก็ปรากฏตัวกลางอากาศเคียงไหล่กันสูงขึ้นจากพื้นดินไปสองสามฉื่อ ใต้ดินล้วนเป็นโลหิตสดๆ สีดำ

แมงมุมขนาดเท่าคนมีหนามสีเขียวมรกตสี่ตัว นอนนิ่งอยู่ในบ่อโลหิต

“เจ้าพูดถูก ไม่ใช่แมงมุมซิวหลัว ดีใจเก้อจริงๆ!” เฮยหลินหัวเราะอย่างขมขื่น แล้วเอ่ยอย่างหมดความอดทนเล็กๆ

“นั่นก็ปกติ! แม้ว่าแดนซิวหลัวจะไม่นับว่ากว้างใหญ่นัก แต่เมื่อเข้ามาโอกาสที่จะตามหาแมงมุมซิวหลัวพบ เดิมก็มีไม่มากนัก ครั้งนี้หาวัตถุดิบที่ไม่เลวได้สองสามชิ้นก็นับว่าไม่มาเสียเที่ยวแล้ว” เซี่ยหรานเอ่ยอย่างราบเรียบ มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศในจุดที่ไม่ไกลนัก

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น!

ศิลาสีเหลืองอ่อนสองก้อนบินออกมาจากโคลน แล้วร่อนลงในมือของเขาอย่างมั่นคง

“อืม ก็ไม่นับว่ากลับไปมือเปล่า แต่เวลามีจำกัด พวกเราไปกันเถิด” เฮยหลินได้ยินก็มีชีวิตชีวาขึ้น

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!”

เซี่ยหรานย่อมไม่มีเหตุผลจะไม่เห็นด้วย

ผิวของทั้งสองเปล่งแสงสีเหลืองสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสองสายจมหายเข้าไปในดินเหนือหัวอีกครั้ง

หานลี่ลอยอยู่เหนือภูเขาขนาดย่อมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ตรงข้ามคือค้างคาวสีโลหิตเต็มไปหมด

ค้างคาวเหล่านี้ทุกตัวมีขนาดเท่าตัวคน ปากมีเขี้ยวงอกออกมา สยายปีกคู่หนึ่งออก คาดไม่ถึงว่ามีความยาวเจ็ดแปดฉื่อ

ใจกลางของค้างคาวสีโลหิตเหล่านี้คือค้างคาวยักษ์ที่เห็นได้ชัดว่าตัวใหญ่กว่าค้างคาวโลหิตอื่นหลายเท่า

ตัวมันไม่เพียงมีลายสีทองอ่อนเต็มไปหมด หน้าผากของมันมีตาปีศาจสีแดงโลหิตดวงที่สามปรากฏอยู่

ตาที่สามของปีศาจตัวนี้กลอกไปมาไม่หยุด สายตาที่มองมาทางหานลี่แฝงไว้ด้วยความฉงนราวกับมนุษย์

หานลี่ยืนลอยตัวนิ่งเอามือไพล่หลังอยู่เหนือยอดเขาขนาดย่อม แต่ไม่มองฝูงค้างคาวตรงข้ามสักแวบ แค่ใช้จิตสัมผัสกวาดไปยังจุดอื่นๆ อย่างรวดเร็วไม่หยุด

เมื่อเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป สีหน้าฉงนบนใบหน้าของค้างคาวยักษ์ที่เป็นหัวหน้าก็ค่อยๆ สลายหายไป เริ่มเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา

หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ในที่สุดค้างคาวยักษ์ก็ทนไม่ไหว ขยับปาก ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นไร้สุ้มเสียงก็ระเบิดออกมา

ค้างคาวโลหิตธรรมดาที่อยู่รอบด้านเหล่านั้นได้ยิน ชั่วขณะนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น มันอ้าปากออกพร้อมกัน และพ่นระลอกคลื่นไร้สุ้มเสียงออกมา และชั่วพริบตาก็รวมตัวกันตรงหน้า กลายเป็นคลื่นยักษ์โปร่งแสงพุ่งมาหาหานลี่…