ความคาดหวังของหลี่เสี่ยวไปถูกเติมเต็ม
หลังจากเขาอีกสามคนก็ก้าวขึ้นมา
คนแรกเป็นชายสวมหน้ากากสีทอง เขาปลดปล่อยแสงสีทองที่สว่างไสว
คนที่สองเป็นชายชราสวมหมวกทรงกรวยและถือไม้เท้า เขาปลดปล่อยแสงสีเขียวออกไปรอบๆ
คนที่สามเป็นหญิงผอมเพรียวในชุดสีชมพู ใบหน้าของนางถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมหลังจากนางท่องบทกวีผีเสื้อแสงจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นและบินอยู่รอบๆตัวนาง
ทั้งสามสร้างบทกวีชั้นยอดในระดับเดียวกับหลี่เสี่ยวไป
นี่ทําให้หลี่เสี่ยวไปสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก“โลกนี้มีวิญญาณที่ช่วยสร้างบทกวีอยู่มากมายและด้วยประสบการณ์ของผู้ใช้วิญญาณพวกเขาจึงสามารถสร้างบทกวีชั้นยอด
คนทั้งสี่อยู่ในอาณาเขตของตนและชําเลืองมองกัน
ชายหนุ่ม ชายชรา และหญิงสาวจ้องมองหลี่เสียวไป๋ คนทั้งสามรู้จักกันแต่หลี่เสี่ยวไปเป็นคนใหม่
“เขาคือผู้ใด?”
“พรสวรรค์ของเขาไม่ดีนัก เขาสร้างบทกวีชั้นยอดได้อย่างไร?”
“คนผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ”
อาจารย์เจียงเห็นหลี่เสี่ยวไป์และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมากเสี่ยวไปดูเหมือนวันนี้เจ้าจะทําได้ดีทํางานหนักต่อไป”
สุดท้ายหลี่เสี่ยวไปก็ถูกพลังงานลึกลับเคลื่อนย้ายไปยังสนามแข่งขันรอบต่อไป
“นี่คือรอบที่ห้า บัณฑิตโปรดอดทนรอ” เสียงสายหนึ่งดังขึ้นในใจของหลี่เสี่ยวไป
หลี่เสี่ยวไปเข้าใจทันที ความก้าวหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน บทกวีของข้าเพียงพอให้ข้าผ่านเข้าสู่รอบที่ห้าโดยตรง
“นี่เป็นกฎที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล
“แต่นหมายความว่าผู้ใช้วิญญาณที่มาถึงรอบนี้ทุกคนต้องสร้างบทกวีที่ชั้นยอดและมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านไปได้ แรงกดดันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หลี่เสี่ยวไปมองไปรอบๆและพบใบหน้าที่คุ้นเคยสองคน
พวกเขาเป็นชายหนุ่มและหญิงสาวจากรอบก่อนหน้า
เมื่อเห็นหลี่เสี่ยวไป๋ หญิงสาวพยักหน้าให้เขา ดูเหมือนนางกําลังยิ้มอยู่ภายใต้ผ้าคลุมในทางตรงข้ามชายหนุ่มค่อนข้างเย่อหยิ่ง หลังจากเห็นสายตาของหลี่เสี่ยวไปมองมาที่เขา เขาปิดเปลี อกตาลงทันที
รอบที่ห้าในเวลานี้มีเพียงพวกเขาสามคน
“ข้าสงสัยว่าชายชราผู้นั้นถูกส่งไปรอบที่เท่าใด
“ข้าควรแสร่งพักผ่อนในเวลานี้
หลังจากรอคอยอยู่สักพัก ในที่สุดรอบที่ห้าก็เริ่มขึ้น
มีผู้เข้าแข่งขันมากกว่ายี่สิบคน หลี่เสี่ยวไปรู้สึกกดดันเล็กน้อย
หัวข้อของการแข่งขันรอบนี้คือการเดินทาง เวลาจํากัดเช่นเดิม
การเดินทาง? หัวข้อนี้เหมือนฤดูใบไม้ผลิ มันกว้างและแต่งง่าย แต่การสร้างบทกวีชั้นยอดเป็นเรื่องยาก!” ชายหนุ่มถอนหายใจ
หญิงสาวคิด “ข้าไม่ชํานาญหัวข้อนี้ ข้าควรทําอย่างไร?
หลี่เสียวไปไตร่ตรอง “ข้าจะใช้กวีบทใด?”
หลังจากครุ่นคิด เขารู้สึกว่าเขาไม่ควรใช้บทกวีระดับตํานาน ผลลัพธ์จะยอดเยี่ยมเกินไปแต่เขาก็ไม่สามารถใช้บทกวีระดับต่ําเกินไปมิฉะนั้นเขาอาจถูกส่งกลับไปรอบก่อนหน้า
หลี่เสี่ยวไปรู้สึกกังวลเล็กน้อย มันไม่ง่ายเลยที่จะประเมินสถานการณ์
เขารู้ความสามารถของตนเอง แต่เขาไม่รู้ความสามารถของคนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าควรใช้บทกวีใดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้
ในรอบนี้ข้าไม่ควรท่องบทกวีคนแรก หลี่เสี่ยวไปบอกตัวเอง
เขารออย่างอดทน
หลังจากไม่กี่นาที บัณฑิตคนแรกก็เริ่มท่องบทกวีของเขา หลังจากนั้นอีกสองสามคนก็เริ่มท่องแสงหลากหลายสีสันส่องประกายขึ้น
หลี่เสี่ยวไปถอนหายใจกับตนเอง ดูเหมือนบทกวีชั้นยอดจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างคนเหล่านี้ทําได้ดีในรอบแรกแต่รอบนี้พวกเขาอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น
หลี่เสี่ยวไปยังรอคอยต่อไป เมื่อเวลาใกล้หมด ในที่สุดเขาก็ได้ยินบทกวีชั้นยอดจากชายหนุ่มเย่อหยิ่งคนก่อนหน้า
เขาท่องบทกวีเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งใหญ่คล้ายกับสงครามบนหลังม้าที่ต่อสู้กันด้วยหอกร่างกายของเขาปลดปล่อยแสงสีทองออกมาและมีเสียงหอกปะทะกันดังขึ้นชัดเจนว่ามันเป็นบทกวีชั้นยอด
บทกวีชั้นยอดล่าดับที่สองมาจากหญิงสาวผ้าคลุมหน้า
นางท่องบทกวีที่หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างและฟังเรื่องราวของนักเดินทางมันค่อนข้างน่าประทับใจ
“เอาล่ะ ถึงคราวของข้าแล้ว” หลี่เสียวไปเริ่มท่องบทกวีของเขา
“ดอกท้อร่วงลงบนเสื้อของชาวบ้าน เสียงเกวียนดังมาจากทุกแห่งหน ชายชราแต่งกายเรียบง่ายเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลและแดดแสงที่เจิดจ้าเคาะประตูเพื่อขอน้ำชา”
ทุกคนรู้สึกประทับใจกับบทกวีของหลี่เสี่ยวไป
“กวีที่ดี! มันบรรยายฉากและการกระทําที่อยู่เบื้องหลัง มันประสานกันได้อย่างดี”
“มันบรรยายถึงทิวทัศน์ อารมณ์ก็น่าสนใจ เด็กผู้นี้เป็นคนสุภาพ เขาไม่บุกเข้าไปในบ้านโดยตรง”
“บทกวีแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของเขา บัณฑิตหนุ่มผู้นี้มีอนาคตจริงๆ!”
บัณฑิตที่อยู่รอบๆหลี่เสี่ยวไปมองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม
หลี่เสี่ยวไปสูดหายใจลึกและแสร้งหมดแรง
การแสดงของข้าค่อนข้างดี ข้าไม่ได้รับความสนใจมากนักแต่ก็ไม่ได้ไร้ความสามารถ
หลี่เสี่ยวไปค่อนข้างพอใจกับตนเอง
แต่หลังจากชั่วครู่เขากลับตกตะลึง บัณฑิตส่วนใหญ่ล้มเหลวในการสร้างบทกวี
“นี่คือการแข่งขันบทกวีระดับโลก แต่ข้าไม่สามารถแสดงผลงานที่ดี ช่างน่าละอายนัก”
“ข้าทําดีที่สุดแล้วแต่ยังไม่สามารถสร้างบทกวีที่น่าพอใจ ข้าล้มเหลว แต่ข้าไม่เสียใจกับมัน!”
“การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว ข้าได้ฟังบทกวีชั้นยอดถึงสามบท”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในกรณีเลวร้ายที่สุด ข้าก็จะกลับไปรอบแรก”
บัณฑิตที่ไม่ได้ท่องบทกวีบางคนไร้กังวลขณะที่บางคนรู้สึกละอายใจ
หลี่เสี่ยวไปสงบนิ่งแต่หัวใจสั่นไหว “พวกเจ้ายังรู้สึกภูมิใจได้อย่างไร?”
เขาได้รับความสนใจมากเกินไปอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกพึงพอใจแต่ผู้ใดจะคิดว่าบัณฑิตเหล่านั้นจะไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้
“เห้อ…ข้าประเมินพวกเขาสูงเกินไป” หลี่เสี่ยวไปคิด
ครั้งนี้เขาผ่านเข้าสู่รอบที่เก้าโดยตรง
หลังจากรออยู่สักพัก ผู้คนก็มารวมตัวกัน คราวนี้มีผู้เข้าแข่งขันน้อยกว่าสิบคน
หลายคนเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียง ส่วนใหญ่รู้จักกันอยู่แล้ว
เมื่อถึงจุดนี้ แรงกดดันของทุกคนก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ข้าไม่สามารถสร้างความโกลาหลอีกครั้ง!” หลี่เสี่ยวไปกําหมัดและเตือนตัวเอง
แต่คราวนี้คู่แข่งของเขาทําได้ดี มากกว่าครึ่งสามารถสร้างบทกวีชั้นยอด
หลี่เสี่ยวไป์เป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
เขาแสดงออกด้วยความประหม่าแต่สงบภายใน เขาเตรียมบทกวีไว้แล้ว
ด้วยแสงอันแผ่วเบา ระดับการบ่มเพาะของเขาก้าวเข้าสู่ระดับสี่ทันที นอกจากนั้นเขายังได้รรับวิญญาณดวงใหม่
คราวนี้เขาวางแผนมาอย่างพิถีพิถัน บทกวีของเขาอยู่ในระดับกลางๆ เขาสามารถก้าวไปข้างหน้าแต่ไม่โดดเด่นนัก
หลี่เสี่ยวไปรู้สึกมีควมสุข
“พรวด!”
เป็นเพียงเวลานี้ที่บางคนกระอักเลือดออกมา
“ฟุบ!”
บางคนล้มลงบนพื้น
ชายหนุ่มเย่อหยิ่งจากรอบก่อนหน้านั่งลงอย่างยากลําบาก หญิงสาวผ้าคลุมหน้าหน้าซีดและไออย่างต่อเนื่อง
มีเพียงหลี่เสี่ยวไป์เท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิมและไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น
ทุกคนมองไปที่เขา
“เด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมาก! จนถึงตอนนี้เขาสามารถสร้างบทกวีชั้นยอดถึงสามบทแล้ว”
“เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ดูเหมือนเขายังไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด”
“น่าประทับใจ! หลังการแข่งขันครั้งนี้ ข้าต้องผูกมิตรกับเขา!”
หลี่เสี่ยวไป “…”
เขาพูดไม่ออก
“สวรรค์ ทุกคนทุ่มสุดตัวแล้วงั้นหรือ?”
เขาอยากแสงไอออกมาเป็นเลือด แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว เขาไม่สามารถแสดงละครฉากนั้น
หลีเสียวไปถูกส่งเข้าสู่รอบถัดไปด้วยท่าทางสบายๆ