บทที่ 1978 เส้นทางมนุษย์เปลี่ยนโชค

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

มิติช่องว่างจักรพรรดิ ภาคกลางน้อย

ฟางหยวนยืนอยู่ใต้ต้นสมปรารถนาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

ดวงตาของเขาสันไหว

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ของเขาเพิ่มจํานวนขึ้น!

เดิมที่เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ประมาณสามพันร่องรอยแต่ตอนนี้มันบรรลุถึงสามพันห้าร้อยร่องรอยแล้ว

ด้วยการเพิ่มขึ้นของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์มันทําให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่นของฟางหยวนลดลง
ฉากนี้ทําให้ฟางหยวนนึกถึงถปีศาจคลั่ง

ที่ชั้นแปดของถปีศาจคลั่งฟางหยวนเห็นการเกิดขึ้นของโลกใบใหม่และการพังทลายลงของพวกมันทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากอิทธิพลของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์

ตอนนี้แม้มิติช่องว่างจักรพรรดิจะไม่ถูกทําลาย แต่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ยังส่งอิทธิพลต่อร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่น

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ไม่เพียงเพิ่มขึ้น บางครั้งมันยังลดลงและกลายเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสายอื่นกระจัดกระจายไปรอบๆ

“หากสถานการณ์นี้ยังดําเนินต่อไป รอบๆต้นสมปรารถนาจะกลายเป็นทะเลทรายที่แห้งแล้งฟางหยวนสามารถมองเห็นแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ต้นสมปรารถนาเป็นพืชอสูรบรรพกาลบนเส้นทางมนุษย์ มันเหมาะสมที่จะปลูกในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน

อย่างไรก็ตามร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ไม่ต้องการให้ต้นสมปรารถนาเติบโตขึ้นดังนั้นมันจึงสร้างแสงแดดและทําให้พื้นที่บริเวณนี้แห้งแล้งเพื่อแยกสิ่งมีชีวิตออกไป

“ต้นสมปรารถนาจะเติบโตขึ้นทุกสามร้อยปี มันจะออกดอกทุกหกร้อยปี ออกผลทุกเก้าร้อยปีและสามารถเก็บเกี่ยวทุกหนึ่งพันปี”

“นี่คือสิ่งที่ทุกคนรู้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่เป็นเช่นนั้น”

“ต้นสมปรารถนาถูกหยุดโดยเตสวรรค์ ศักยภาพดั่งเดิมของมันยิ่งใหญ่กว่านั้นมาก!”

“จากนี้ไปข้าต้องรดน้ำมันด้วยเจตจํานงของมนุษย์ ข้าจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยของมันด้วยวิธีนี้ผลผลิตของมันจะเพิ่มขึ้นอีกมาก!”

นี่คือแผนการในอนาคตของฟางหยวน แต่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อเรื่องอื่น

ด้วยความประสงค์ของฟางหยวน หม้อปรุงโชคปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา

หม้อปรุงโชคเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเจ็ด มันไม่สามารถบรรจุโชคทั้งหมดของฟางหยวนไว้ภายในแต่ฟางหยวนยังสามารถใช้มันตรวจสอบโชคของตนเอง

โชคมหาศาลของฟางหยวนถูกใช้เกือบหมดในสงครามชะตากรรม หลังการต่อสู้จบลงโชคของเขาตกต่ำลงมากนี่เป็นภัยคุกคามซ่อนเร้นล่าดับที่สามของเขานอกเหนือจากกระแสลมปราณและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์

โชคชะตาถูกกําหนดไว้แล้วแต่โชคสามารถเปลี่ยนแปลง

หากโชคไม่ดี อนาคตของพวกเขาก็จะไม่สะดวกสบาย

แต่ตอนนี้พลังการต่อสู้ของฟางหยวนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ แม้เขาจะโชคร้ายเขาก็ยังสามารถต่อต้านอุปสรรคต่างๆ

นี่ไม่ใช่ปัญหาสําหรับร่างหลัก แต่เขากังวลเกี่ยวกับโชคของร่างแยก

ด้านนอกของหม้อปรุงโชคเป็นโชคของร่างแยกของเขา

โชคของร่างแยกกาลเวลายังเป็นสายธารแห่งกาลเวลา แต่มันค่อนข้างปั่นป่วนและถูกตัดขาดมันดูน่ากังวลไม่น้อย

โชคของเจิ้งปู่เคยเป็นนกอินทรีย์ที่กางปีบินอยู่บนท้องฟ้า แต่ตอนนั้นกอินทรีย์ตกลงไปในน้ำร่างกายของมันเปียกโชกและกําลังพบกับความยากล่าบาก

โชคของหลี่เสี่ยวไปเป็นดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แต่ตอนนี้มีเปลวเพลิงสีแดงลุกไหม้อยู่รอบๆมันอาจดูโชคดีแต่มีภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ซ่อนเร้นอยู่มันเหมือนเขากําลังเล่นกับไฟเขาอาจตายหาก ไม่สามารถควบคุมเปลวไฟดังกล่าว

โชคของอู่ส่วยเหมือนมังกรขดร่าง กรงเล็บสามข้างของมันถือไข่มุกเอาไวหนึ่งมีเงาของวังมังกรปรากฏอยู่ อีกหนึ่งมีเงาของกองทัพมดสุดท้ายเป็นเงาของจางเฉิงอู่ส่วยมีโชคที่แข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางร่างแยกทั้งหมดของฟางหยวนแต่มันถูกปิดล้อมด้วยปราณดาบจากทุกทิศทาง

ร่างหลักของฟางหยวนโชคไม่ดี ร่างแยกของเขายิ่งเลวร้ายกว่า

ฟางหยวนตระหนักถึงปัญหาของร่างแยกมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาไม่พยายามแก้ไขแต่วิธีการของเขาล้มเหลวทั้งหมด

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมากเมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามใช้ท่าไม้ตายอมตะพวกมันมักล้มเหลวแม้เขางอย่างมากจะทําสําเร็จพลังอํานาจของท่าไม้ตายเหล่านั้นก็ยังลดล

“แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนกระตุ้นการทํางานของค่ายกลวิญญาณอมตะที่อยู่รอบๆต้นสมปรารถนาพร้อมกับหม้อปรุงโชค

หม้อปรุงโชคเริ่มสั่นแสงสีรุ้งส่องประกายขึ้นและเริ่มเปลี่ยนแปลงโชคของร่างแยก

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์ปรากฏขึ้นรอบตัวฟางหยวน

วิถีสวรรค์คือการก่าจัดส่วนเกิน

วิถีมนุษย์คือการขยายส่วนขาด

ด้วยความช่วยเหลือจากค่ายกลวิญญาณอมตะบนเส้นทางมนุษย์ ฟางหยวนจึงสามารถปรับเปลี่ยนโชคของร่างแยก

โชคสายธารแห่งกาลเวลาของร่างแยกกาลเวลาเริ่มสงบนิ่งและราบรื่น

โชคนกอินทรีย์ของเจ๋งปัตสะบัดน้ำออกจากร่างและสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม

โชคดอกไม้บานของหลี่เสี่ยวไปเปลี่ยนเป็นผล็กรูปดอกไม้และไม่ได้รับอันตรายจากเปลวเพลิงอีกต่อไป

โชคมังกรของอู่ส่วยยังขดตัวอยู่เช่นเดิม อย่างไรก็ตามปราณดาบที่อยู่รอบๆอ่อนแอลงมากนี่หมายความว่าการต่อสู้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแต่ภัยคุกคามของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ปัญหาของร่างแยกคลี่คลายแล้ว สิ่งที่รับมือได้ยากที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋บนเส้นทางสวรรค์” ฟางหยวนตระหนักถึงเจตนาซ่อนเร้นของเทพปีศาจบัวแดงชัดเจนมากขึ้นเมื่อเวลผ่านไป

ทะเลตะวันออก วังเงือกศักดิ์สิทธิ์

งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้น สามผู้นําหญิงของวังเงือกศักดิ์สิทธิ์นั่งอยู่บนที่นั่งหลักและมอบความบันเทิงให้กับแขกที่ไม่คาดคิด

“สราดี ดนตรีไพเราะ และการแสดงที่ยอดเยี่ยม!” แขกที่ไม่ได้รับเชิญหัวเราะเสียงดัง

เขามีผิวสีขาวราวหิมะแต่ดูแข็งแกร่ง ดวงตาและเส้นผมของเขาเป็นสีฟ้าอ่อน เขาปลดปล่อยกลิ่นอายระดับแปดออกมาอย่างชัดเจน

นี่คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์หิมะจากถ้ําสวรรค์ผลึกน้ำแข็ง จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งรุ่นปัจจุบัน

ตั้งแต่การประชุมครั้งล่าสุดของกองกําลังในสวรรค์สีดํา ราชาหมาป่าราตรีสวรรค์ติดต่อวังสวรรค์ของภาคกลางอย่างลับๆ ขณะที่ท่านหญิงธุลีเย็นลอบติดต่อยายกระดูกด้านจักรพรรดิผล็กน้ำแข็งก็ไม่นิ่งเฉยเป้าหมายของเขาไม่ใช่กองกําลังของสวรรค์สีดําหรือสวรรค์สีขาวแต่เป็นกองกาลังของห้าภูมิภาคดังนั้นเขาจึงเดินทางมายังทะเลตะวันออกเพื่อเข้าหาเผ่ามนุษย์เงือก

กองกําลังเผ่ามนุษย์เงือกของทะเลตะวันออกมีผู้นําสามคน พวกนางเป็นผู้อมตะหญิงทั้งหมดชื่อของพวกนางคือเหลียนเค่อซิน หยู่จื่อ และเซี่ยหนิงซี

แม้นจะเป็นครั้งแรกที่พวกนางพบจักรพรรดิผลึกน้ำแข็งแต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้อมตะระดับแปดพวกนางก็ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น

เมื่อได้ยินคําสรรเสริญจากจักรพรรดิผลึกน้ำแข็ง เหลียนเค่อวินตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับคําสรรเสริญนางรําเหล่านี้เป็นความหวังของเผ่ามนุษย์เงือกพวกนางเป็นเมล็ดพันธุ์อมตะของเรา เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคําชมจากจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”

จักรพรรดิผลึกน้ำแข็งหัวเราะอีกครั้ง“ขออภัยกับความเย่อหยิ่งของข้า แต่หากพวกนางเป็นความหวังของเผ่ามนุษย์เงือกข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะถูกกวาดล้างเร็วๆนี้