ตอนที่ 923: จักรพรรดิเลือดปีศาจ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 923: จักรพรรดิเลือดปีศาจ

เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 9 มากกว่า 50 คนโจมตีไปที่ประตูหินด้วยพลังเต็มที่อีกครั้ง ครั้งนี้ หลายคนใช้ทักษะเซียนระดับเทียน ซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันที่น่ากลัวซึ่งเติมเต็มไปทั่วพื้นที่

บู้ม !

การโจมตีและทักษะเซียนได้โจมตีเข้าไปที่ประตูอย่างแรงไปพร้อมพร้อมกัน คลื่นพลังงานที่รุนแรงพุ่งพวยขึ้นมาและกระแทกทุกคนให้กระเด็นออกไป

ไม่มีใครทรงตัวอยู่ได้เมื่อต้องเจอกับคลื่นพลังที่รุนแรง

สักพักต่อมา รอยแยกยาว 1 เมตรก็เกิดขึ้นที่ประตูที่แข็งแกร่งหลังจากที่พายุพลังงานค่อย ๆ หายไปจากโถงช้า ๆ

“ประตูมันแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเรายังทำอยู่แบบนี้ มันคงจะต้องใช้เวลาสองสามวันแน่ก่อนที่พวกเราจะทำลายมันได้” บางคนพูดออกมาในขณะที่พวกเขาถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด

“สมบัติข้างในต้องมีค่ามากแน่ถ้ามีประตูที่หนาแน่นขนาดนี้ขวางทางเข้าอยู่ พวกเรามาลองอีกซักสองสามครั้งดีกว่า พวกเราจะสามารถทำลายมันได้” บางคนเริ่มที่จะกระตุ้นคนอื่นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้

“พวกเรามาพักสักพักก่อนแล้วค่อยโจมตีต่อ”

หลังจากนั้น พวกเขาทั้งหมดเริ่มที่จะทำสมาธิอยู่รอบ ๆ เพื่อที่จะฟื้นฟูพลังงานของพวกเขา โดยเฉพาะคนที่ใช้ทักษะเซียนระดับเทียนเพราะว่าพวกเขาต้องสูญเสียพลังงานไปอย่างมากทุกครั้งที่พวกเขาร่ายวิชา อีกทั้ง เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคอยระวังการจู่โจมอย่างกระทันหัน พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะร่ายมันอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง พวกเขาต้องใช้เวลาเพื่อที่รักษาความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาเอาไว้

หลังจากนั้น ทุกคนก็โจมตีไปที่ประตูต่อ เกือบทุกคนใช้การโจมตีที่แรงที่สุดและใช้ความสามารถสุดกำลังเพื่อที่จะโจมตีไปที่ประตูด้วยทักษะเซียนระดับเทียน ในขณะเดียวกันคนที่ร่ายทักษะเซียนระดับเทียนเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 คน ทั้งหมดที่ใช้พลังได้มาเข้าร่วมด้วยแล้วในตอนนี้

ประตูหินทรุดโทรมลงทุกทีที่มันถูกโจมตีด้วยพลังงานที่รุนแรง ประตูสึกกร่อนลงในที่สุดหลังจากผ่านไปหลายวัน เผยให้เห็นถึงทางเดินยาวด้านใน

เจี้ยนเฉิน นูบิสและซี่หวังเข้าไปในคลังสมบัติอย่างระมัดระวังพร้อมกับกลุ่ม โมจื่อและอีกทั้งสามคนตามมาด้านหลัง พวกเขาทั้งหมดอยู่ในความระมัดระวัง

มิติด้านหน้าถูกเปิดออกหลังจากที่พวกเขาผ่านทางเดินเข้าไป พวกเขามาถึงพื้นที่ที่ใหญ่มากซึ่งมันดูเหมือนห้องเก็บของ สิ่งของกองใหญ่กองอย่างรกรุงรังด้านใน

ทุก ๆ คนกวาดสายตามองผ่านสิ่งของไปอย่างช้า ๆ พวกเขาเผยให้เห็นถึงความยินดีและความโลภที่อยู่ในดวงตาของเขา ที่จุดกึ่งกลางมีกองเหรียญผลึกอยู่ พวกมันส่องแสงสว่างจ้าและมันยังมีจำนวนมากอีกด้วย พวกมันประเมินค่าไม่ได้

ท่ามกลางกองเหรียญผลึกมีผลึกศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายอยู่ด้วยพลังงานธาตุน้ำที่บริสุทธิ์และทรงพลัง รอบ ๆ มีชั้นเหล็กที่ทำมาจากโลหะมีค่า และโต๊ะที่ทำมาจากไม้วิญญาณ อาวุธมากกว่า 10 ชิ้นที่มีขนาดต่างกันวางอยู่บนชั้น แต่ละชิ้นส่องแสงสว่างจ้าและเปล่งประกายไปด้วยคลื่นพลังงานที่รุนแรง ในขณะเดียวกัน โต๊ะไม้ก็เต็มไปด้วยหนังสือหลากหลาย กล่องไม้เล็ก ๆ ที่ถูกผนึกเอาไว้ และผลึกศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้น

ผลึกมีตั้งแต่ชิ้นเท่ากำปั้นถึงขนาดเท่าหัว พวกมันแวววาวอย่างมีเสน่ห์และมีจำนวนมาก

พวกเขาทั้งหมดทุกคนเพ่งสายตาไปที่ผลึกและเหรียญกองใหญ่ ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโลภ บางทีพวกเขาอาจไม่ได้เห็นว่าเหรียญสำคัญอะไรมาก แต่พวกเขาไม่สามารถต่อต้านความล่อตาล่อใจของผลึกได้

เจี้ยนเฉินมองผ่านทุกอย่างไป ความมั่งคั่งที่เก็บอยู่ที่นี่ทำให้หัวใจของเขาเต็มแรงไปด้วยความตื่นเต้น แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้หยุดมองไปที่ผลึก แทนที่กัน เขาจ้องเขม็งไปที่อาวุธต่าง ๆ ที่อยู่บนชั้น ตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดีที่ปิดเอาไว้ไม่ได้

“ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎ มียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมากมายจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินกรีดร้องอยู่ในใจ สำหรับเขาแล้ว ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎมีค่ามากกว่าผลึกศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าเขานำมันกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนและเอาอาวุธกลับไปที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ความแข็งแกร่งของพวกเขาต้องเพิ่มขึ้นสูงมากแน่

วูบ !

เสียงลมดังขึ้นมา คนหลายคนพุ่งเข้าไปที่ผลึกและกล่องไม้ที่อยู่บนโต๊ะอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่มีใครสนใจยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเลย

ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเป็นสมบัติที่ยากจะปฏิเสธบนทวีปเทียนหยวนแต่สำหรับเผ่าพันธุ์ทะเลแล้ว พวกมันมีค่าน้อยกว่าผลึกศักดิ์สิทธิ์มาก แม้ว่ามันจะมีค่าอยู่บ้าง ดังนั้นเผ่าพันธุ์ทะเลทุกคนสนใจไปที่ผลึกโดยไม่มีใครสนใจยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเลยหรือแม้กระทั่งยุทธภัณฑ์ราชา

เจี้ยนเฉิน นูบิส และซี่หวังพร้อมกับอีกทั้งสี่คนไม่ได้แสดงอาการลังเลเช่นกัน ทั้งหมดพุ่งเข้าไปที่กองสมบัติใหญ่ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ได้พุ่งไปที่ผลึกและสมบัติที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร และแทนที่กันเขาก็พุ่งไปที่ชั้นเหล็กแทน เขาเก็บยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเข้าไปต่อสู้แย่งชิงผลึก

คนหลายสิบคนรีบเก็บสิ่งของ ทำให้ผลึกศักดิ์สิทธิ์และสมบัติทั้งหมดก็ถูกเก็บไปจนหมด ทั้งหมดที่เหลืออยู่มีเพียงเหรียญผลึกกองใหญ่เท่านั้น พวกเขาทั้งหมดยินดีและตื่นเต้นอย่างปิดบังเอาไว้ไม่อยู่ ในขณะที่พวกเขาได้สิ่งของไปอย่างมาก

เจี้ยนเฉินก็เก็บเกี่ยวไปได้อย่างมากเช่นกัน ไม่เพียงแต่เขาจะได้ยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎเท่านั้น แต่เขายังได้ผลึกหลายชิ้นพร้อมทั้งกล่องไม้ที่เก็บสิ่งที่เขาไม่รู้อยู่ด้านใน

“ด้วยเหรียญผลึกชั้นยอดและแกนอสูรระดับสูงที่มากมายขนาดนี้ ร่างบรรพกาลของข้าคงจะสำเร็จไปถึงขั้นที่ 3 ได้อย่างรวดเร็วแน่” เจี้ยนเฉินคิด ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ตัดสินใจ เขาจะไปเก็บตัวฝึกฝนทันทีที่เขาได้ออกไป เขาวางแผนที่จะทุ่มเทให้กับการพัฒนาการไปเป็นขั้นที่ 3

“มีจดหมายของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดอยู่ที่นี่ด้วย” บางคนตะโกนออกมา คนหนึ่งได้เปิดกล่องออกและพบกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือเป็นปึกกวางอยู่ด้านใน

“ข้าได้บันทึกประจำวันของจักรพรรดิซามิคมาด้วย” บางคนตะโกนออกมา ครั้งนี้คนนั้นคือไทนิช ในตอนนี้เขาถือหนังสือเอาไว้ที่มือของเขา ในขณะท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและตกตะลึง

“อะไรนะ! มีบันทึกประจำวันของจักรพรรดิซามิคหรือ…”

“นี่ใช่จักรพรรดิซามิคที่ตายไปแล้วเมื่อสามหมื่นปีก่อนหรือเปล่า? ทำไมบันทึกประจำวันของเขาถึงตกอยู่ในมือของจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดหล่ะ…”

“ว่ากันว่าจักรพรรดิซามิคเป็นคนที่เป็นตำนานที่ลึกลับมากกว่าจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดเสียอีก ตอนที่อยู่ในยุดของจักรพรรดิซามิค จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดยังไม่เกิดมาเลยด้วยซ้ำ จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดได้เอาของของจักรพรรดิซามิคมาหรือเปล่า…”

ทุกคนเริ่มถกเถียงในขณะที่พวกเขาตกใจ หลังจากนั้นไม่นานคนหลายคนก็เริ่มเปิดกล่องไม้ของพวกเขาออก

“อ้าก ! ” เสียงโหยหวนดังออกมาทันที ชายชราดิ้นพล่านอยู่บนพื้นในขณะที่เขากุมหัวอย่างทุกข์ทรมานและกล่องไม้ในมือของเขาก็หล่นลง หนังสีสีโลหิตวางอยู่ข้างข้างเขา หนังสือดูค่อนข้างชั่วร้าย

สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนสนใจ ทุกคนจ้องไปที่ชายชรา ในขณะที่ทุกคนจ้องไปที่หนังสือครั้งแล้วครั้งแล้ว พวกเขาทั้งหมดทั้งสงสัยและประหลาดใจ

“นั่นมันหนังสือบ้าอะไร? ทำไมมันถึงได้ทรงพลังขนาดนั้น ? ขอข้าดูหน่อย” ชายวัยกลางคนในชุดเทาจับหนังสือขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาแตะต้องมัน ท่าทางงของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงและเขาก็โยนหนังสือออกไปไกล เขากุมหัวและโหยหวนออกมาอย่างทุกข์ทรมาน

หลายคนเคร่งเครียดเมื่อได้เห็นปบบนี้ พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่หนังสือที่อยู่บนพื้น ไม่มีใครกล้าที่จะเตะต้องมัน

ในตอนนี้ ความเจ็บปวดของชายชราก็ค่อยลดลงช้า ๆ เขาจ้องไปที่หนังสือสีโลหิตด้วยความสยองและพูดด้วยเสียงสั่นเทา “นั่นเป็นคู่มือการฝึกฝนของจักรพรรดิเลือดปีศาจ มันยังมีปราณสังหารของจักรพรรดิเลือดปีศาจอยู่ในนั้น วิญญาณของข้าได้รับบาดเจ็บเพราะมัน”

หลายคนเผยท่าทางสงสัยออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินชื่อจักรพรรดิเลือดปีศาจ เห็นได้ชัดว่า หลายคนไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

สายตาของไทนิชเป็นประกายในขณะที่เขาตะโกนออกมา “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ? จักรพรรดิเลือดปีศาจ เจ้าแน่ใจหรือเปล่าว่านั่นคือจักรพรรดิเลือดปีศาจ ? ” จิตใจของไทนิชเริ่มปั่นป่วน เขาเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับตำนานของจักรพรรดิเลือดปีศาจจากบันทึกโบราณที่เผ่าของเขา

จักรพรรดิเลือดปีศาจเป็นจอมยุทธที่สุดยอดที่มีชีวิตอยู่เมื่อห้าหมื่นปีที่แล้ว ว่ากันว่าเขาสำเร็จระดับ 18 ดาวและน่ากลัวมาก เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรทะเลและทรงพลังมากกว่าเจ้าศาลาทั้งสามคน

จักรพรรดิเลือดปีศาจฝึกฝนด้วยการสังหาร เขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือด เขาเป็นศูนย์กลางของพายุเลือดในอาณาจักรทะเลตลอดหลายปีตอนนั้นและเขาได้จบชีวิตของจอมยุทธ 14 ดาวไปนับไม่ถ้วนและแม้แต่นักรบวิญญาณ 15 หรือ 16 ดาวอีกหลายคน เขาได้ชื่อว่าราชาปีศาจแห่งการสังหาร

ในยุคนั้น มีหลายคนที่สงสัยว่าเขาโจมตีคนธรรมดาโดยไม่กังวลเกี่ยวกับการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้อย่างไร นี่เป็นเพราะการสังหารคือการวิธีฝึกฝนของเขา เฉพาะการสังหารเท่านั้นที่จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในตอนสุดท้าย ศาลาทั้งสามก็อดทนกับการกระทำของเขาไม่ได้อีกต่อไป เจ้าศาลาทั้งสามคนเคลื่อนไหวพร้อมกันและร่วมมือกันต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่ที่มิติด้านนอกกับเขา ในตอนสุดท้าย เขาก็พลาดท่าให้เจ้าศาลาทั้งสาม

อย่างไรก็ตาม เจ้าศาลาทั้งสามก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เจ้าศาลาของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลและศาลาเทพเจ้าอสรพิษได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่เจ้าศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ถูกสังหาร ตำแหน่งเจ้าศาลาของศาลาวิญญาณสวรรค์ว่างอยู่อย่างนั้นเป็นพันปีเพราะแบบนั้น เรื่องนี้ทำให้อาณาจักรทะเลตกใจอย่างมาก

..

ในขณะที่ไทนิชอธิบายตำนานของจักรพรรดิเลือดปีศาจ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออก ไม่มีใครกล้าที่จะแตะต้องหนังสืออีกต่อไป แต่พวกเขาทั้งหมดก็จ้องเขม็งไปที่มัน ในขณะที่หัวใจของพวกเขาเต้นแรง

นี่เป็นเพราะวิธีการฝึกฝนของจักรพรรดิเลือดปีศาจ ถ้ามีใครได้มันไป พวกเขาคงจะสามารถฝึกฝนด้วยวิธีที่สุดยอดเหมือนจักรพรรดิเลือดปีศาจได้ มันน่าล่อลวงเพียงใด ? อย่างไรก็ตาม มันน่าเสียดายที่ยังมีปราณสังหารที่เหลืออยู่ของจักรพรรดิเลือดปีศาจ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะแตะต้องมัน มันยากมากที่จะฟื้นฟูถ้าวิญญาณของพวกเขาได้รับความเสียหายและมันอาจจะถึงขั้นกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้ตลอดไปและทำให้ไม่สามารถพัฒนาการไปขั้นต่อไปได้ตลอดชีวิตที่เหลือ

ทุกคนเงียบสนิท พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่หนังสือที่ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิเลือดปีศาจในขณะที่ใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเสียดาย

มันช่างน่าล่อตาล่อใจต่อพวกเขาเหลือเกิน แต่พวกเขาก็ไม่มีพลังที่จะเอามันมาได้ ทุกคนเต็มไปด้วยความเสียดายแต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้