ต่อให้ไม่มีพลังแห่งกฎความตายดั้งเดิมให้ได้เรียนรู้ ถ้ามีพลังดั้งเดิมกฎเทวมืดก็สามารถได้รับการสัมผัสรู้ได้ สามารถช่วยในการยกระดับแดนกฎความตายได้

เข้าไปฝึกตนในแดนกฎดั้งเดิมหนึ่งครั้ง จำเป็นต้องใช้ถึง 1,000 แต้มห้วงกระบี่

ว่ากันตามข้อบังคับของที่นี่ มกุฎยุทธ์ช่วงต้นมีค่าเท่ากับหนึ่งแต้มห้วงกระบี่ มกุฎยุทธ์ช่วงกลางเท่ากับสองแต้มห้วงกระบี่ มกุฎยุทธ์ช่วงปลายเท่ากับสี่แต้มห้วงกระบี่ หากว่ากันตามกฎเกณฑ์นี้ ผลการฝึกตนยิ่งสูง เมื่อฆ่าได้ก็จะได้รับแต้มห้วงกระบี่ที่มากยิ่งขึ้น

หากว่ากันตามผลการฝึกตนของหลัวซิวในตอนนี้คือมหายุทธ์ขั้นห้า เทียเท่ากับมหายุทธ์ช่วงต้น คุณค่าเท่ากับ 16 แต้มห้วงกระบี่

หากต้องการจะรวมให้ครบหนึ่งพันแต้มห้วงกระบี่ ก็จำเป็นต้องฆ่าราว ๆ 500 กว่าคนจึงจะครบ

เพราะฉะนั้น สำหรับจอมยุทธ์ที่มาฝึกตนที่หอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์ หากคิดจะรวบรวมแต้มห้วงกระบี่หรือแต้มคุณความดีเพื่อเข้าฝึกตนในแดนกฎดั้งเดิม จำเป็นต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวคือมีชีวิตให้รอด ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ถือได้ว่าลำบากมากทีเดียว

ต่อให้จะจงใจเลือกคู่ต่อสู้ที่มีผลการฝึกตนด้อยกว่าตนเอง แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะได้พบกับคนที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง สามารถที่จะตายคามือคู่ต่อสู้ได้ตลอดเวลา

อีกทั้งผู้ที่มีพลังผลการฝึกตนอ่อนกว่าตนเอง ต่างก็มักจะเลือกจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นที่กำบัง ถึงอย่างไรคนที่เลือกมาฝึกตนในที่แห่งนี้ ก็ไม่มีใครที่เป็นคนโง่

ในเมืองทวยเทพ จอมยุทธ์เหล่านี้ส่วนมากจะเป็นจอมยุทธ์ชั้นล่าง ที่ไม่มีพลังมากพอจะร้องขอชีวิตในหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์

ที่นอกแดน มกุฎยุทธ์ มหายุทธ์ สามารถเรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษ แต่ในหอคอยแห่งเทพศักดิ์สิทธิ์นั้น กลับเป็นได้เพียงแค่กลุ่มคนชั้นล่างเท่านั้น

เมื่อได้รู้เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของเมืองทวยเทพแห่งนี้แล้ว เป้าหมายของหลัวซิวก็ถูกกำหนดไว้ที่ตำหนักเทวมืด

ทุก ๆ หอคอยเทวต่างก็มีด้วยกันสามชั้น เมื่อหลัวซิวเข้าไปในชั้นที่หนึ่งของตำหนักเทวมืด ก็สามารถรับรู้ได้ถึงออร่าของกฎเทวมืด

โซนภายในหอคอยนั้นกว้างขวางอย่างมาก สูงราวสิบฟุต พื้นที่กว้างนับร้อยฟุต มีห้องลับสำหรับฝึกตนปิดขัง และก็มีจอมยุทธ์ที่ตั้งแผงขายของหลากหลายชนิด

ที่คึกคักมากที่สุด ก็คือแท่นประลองหนึ่งที่อยู่ใจกลางโถง

บริเวณโดยรอบของแท่นประลองเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก และบนแท่นประลอง ผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์คนหนึ่ง กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับหัวเสือจากเผ่ามนุษย์อสูร

ผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในสังกัดค่ายสว่าง ส่วนหัวเสือเผ่ามนุษย์อสูรอยู่ในสังกัดค่ายมืด

พลังของหัวเสือเผ่ามนุษย์อสูรนั้นแข็งแกร่งหาตัวจับยาก แต่ในแง่ของความคล่องตัวกลับด้อยกว่าผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่มาก ในตอนนี้เขาได้ตกเป็นรองแล้ว ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทำให้เขาต้องก้าวถอยหลังอย่างเสียมิได้

“ปุบ!”

ร่างของผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์กระพริบหายไป และปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหัวเสือเผ่ามนุษย์อสูร กระบี่เล่มใหญ่ถูกแทงมาจากด้านหลัง ทะลุขั้วหัวใจของหัวเสือเผ่ามนุษย์อสูร

“ฮ่า ๆ ฆ่าได้ดี!”

“ดาซีสุดยอดไปเลย!”

ทางฝั่งค่ายสว่างมีจอมยุทธ์มากมายรวมตัวกันพากันกู่ร้องชื่นชม ส่วนดาซีนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นชื่อของผมทองเผ่าพันธุ์มนุษย์

เขายืนอยู่ด้านบนแท่นประลอง ตาคู่นั้นปิดสนิท ราวกับกำลังรับรู้ถึงข้อมูลของกฎที่ได้รับหลังจากการฆ่าอีกฝ่าย

“ฮ่า ๆ พวกเจ้าค่ายมืดไม่มีใครแล้วหรือ? มีแต่พวกขยะอ่อนแอพวกนี้หรือ?”

จากนั้นไม่นาน ดาซีก็ลืมตาขึ้น หันไปพูดกับทางคนของค่ายมืดด้วยความโอหัง

ไม่ต้องสงสัย นี่คือกลุ่มจอมยุทธ์แห่งค่ายสว่างที่จงใจมาท้าทายถึงตำหนักเทวมืด

เผ่ามนุษย์อสูรคนหนึ่งที่มีหัวเป็นเสือเช่นกันคนหนึ่งก็พลันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้น แววตาราวกับสามารถฉีกทึ้งได้ทุกสิ่ง คาดว่าเขาน่าจะเป็นเพื่อนกับเผ่ามนุษย์อสูรที่ถูกฆ่าตายบนแท่นประลอง เขาอยากที่แก้แค้น แต่ก็รู้ดีว่าพลังของตนเองนั้นยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับดาซี ดังนั้นร่างกายของเขาจึงได้สั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่กล้าที่จะเดินขึ้นไป

“พวกขยะค่ายมืด ขึ้นมาให้ข้าตัดสินจิตวิญญาณที่สกปรกของพวกเจ้าเสีย!”

รอบกายของดาซีห่อหุ้มไปด้วยลำแสงเจิดจรัสของพลังเทวะสว่าง ราวกับเป็นผู้มีจิตศรัทธาสูงสุดของเทวสว่าง แต่ท่าทางของเขายโสโอหังถึงขีดสุด