“ไอ้ห่าเอ้ย ไอ้เวรนี่มันโอหังเกินไปแล้ว!” มีจอมยุทธ์คนหนึ่งจากเผ่าปีศาจร้ายอยากก้าวไปข้างหน้า แต่กลับถูกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังดึงไหล่เอาไว้ “เจ้าดาซีมันมีพลังเท่ากับมหายุทธ์ขั้นสุดยอดแล้ว นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรที่ชั้นสองของหอคอยเทวแล้ว เจ้าเข้าไปก็ทำได้แค่เพียงมอบแต้มคุณความดีให้มันเท่านั้น”

หลัวซิวได้ยินบทสนทนานี้ ในใจก็รู้สึกสั่นระรัวขึ้นมา ดูแล้วทั้งสามชั้นของทุก ๆ หอคอยเทว คือแบ่งตามผลการฝึกตน

ชั้นที่หนึ่งต่างเป็นแดนมหายุทธ์ ชั้นที่สองคือเจ้ายุทธจักร เช่นนั้นชั้นสูงสุดชั้นที่สาม ก็น่าจะต้องเป็นเขตแดนของผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ในโลกเชิ่งถิงนั้นมีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น หลัวซิวคาดการณ์ว่าที่ชั้นสามต้องไม่มีความคึกคักเท่ากับอีกสองชั้นด้านล่างอย่างแน่นอน

สำหรับคู่ต่อสู้ของแดนมหายุทธ์ หลัวซิวไม่ได้มีความสนใจใด ๆ แม้แต่น้อย เช่นนั้นจึงได้วางแผนว่าจะหาทางขึ้นไปที่ชั้นสองแทน

ที่ตำหนักเทวมืด ไม่นานนักหลัวซิวก็หาบันไดทางขึ้นไปชั้นที่สองเจอแล้ว

แต่ด้านหน้าของทางขึ้นบันได กลับมีจอมยุทธ์สองคนที่สวมชุดสีดำยาว รอบตัวแผ่กระจายไปด้วยออร่าแห่งกฎเทวมืดคอยเฝ้ารักษาอยู่

“เจ้าหนุ่ม แต้มห้วงกระบี่ของเจ้าไม่เพียงพอที่จะขึ้นไปชั้นสองได้”

เมื่อเห็นว่าหลัวซิวเดินเข้ามา ชายชราชุดดำคนหนึ่งก็เอ่ยปากพูดด้วยเสียงแหบพร่า

หลัวซิวรับรู้ได้ถึงตัวสำนึกที่กวาดมายังตราประทับบริเวณหน้าอกของเขา เห็นได้ชัดว่าอยู่ที่นี่ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลในตราประทับของผู้อื่นได้

“ไม่ทราบว่า จำต้องมีแต้มห้วงกระบี่เท่าใดจึงจะสามารถขึ้นไปที่ชั้นสองได้หรือ?” หลัวซิวเอ่ยปากถาม

“สามร้อยแต้มห้วงกระบี่” ชายชราชุดคลุมสีดำเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ

“เจ้าหนุ่มคนนี้ดูแล้วน่าจะเพิ่งเข้ามาใหม่ มีเพียงแค่ผลการฝึกตนระดับมหายุทธ์ช่วงกลางแต่กลับอยากขึ้นไปที่ชั้นสอง?”

มองตามแผ่นหลังของหลัวซิวที่หมุนตัวเดินออกไป ชายชราชุดคลุมสีดำคนหนึ่งที่เฝ้าอยู่หน้าบันใดก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยัน

“ตราประทับของเขามีแต้มห้วงกระบี่เพียงแค่ไม่กี่สิบ แต่พลังนั้นอ่อนแอไปเสียเล็กหน่อย ต่อให้รวบรวมได้ครบสามร้อยแต้มห้วงกระบี่ เมื่อขึ้นไปที่ชั้นสองได้ แต่ก็มีเพียงแค่เส้นทางแห่งความตายเท่านั้น”

หลัวซิวได้ยินบทสนทนาของชายชราชุดคลุมสีดำทั้งสองคนอย่างแผ่วเบา

เห็นได้ชัดว่าชั้นที่หนึ่งนี้ มีคนมากมายที่มีแต้มห้วงกระบี่บรรลุถึงเงื่อนไขในการขึ้นไปชั้นที่สองแล้ว แต่พวกเขาคิดเองว่าตนนั้นมีพลังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงเลือกที่จะยื้อเวลาอยู่ที่ชั้นที่หนึ่ง

เพราะต่อให้เป็นจอมยุทธ์จากค่ายเดียวกัน ก็สามารถท้าประลองกันเองได้ ที่เมืองทวยเทพ จอมยุทธ์จากค่ายเดียวกันท้าประลองกันเองจำเป็นต้องมีตำหนักเทวมาเป็นพยาน แต่ว่าที่หอคอยเทว กลับไม่ได้มีข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่สามารถฆ่าอีกฝ่ายบนแท่นประลองได้ ก็จะสามารถได้รับ แต้มห้วงกระบี่และสมบัติจากการรบทั้งหมดของอีกฝ่ายได้

จอมยุทธ์จากค่ายมืด ส่วนใหญ่จะชั่วร้าย แค่เพียงพูดจาขัดหูก็สามารถเข่นฆ่ากันได้เป็นเรื่องปกติ ไม่เหมือนกับทางฝั่งค่ายสว่าง ถึงแม้จะมีการต่อสู้ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเท่ากับค่ายมืดเช่นนี้

“ฆ่า! ฆ่ามัน!”

การต่อสู้บนแท่นประลองบรรยากาศมาคุอย่างมาก ค่ายมือและค่ายสว่างเผชิญหน้ากัน ที่โลกเชิ่งถิงนี้มันยาวนานนับหมื่นปี ก็เหมือนกับที่โลกแสงดาว เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์มารสู้รบกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

ในค่ายมืดนี้ กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดคือเผ่าปีศาจร้าย ก็มีผู้แข็งแกร่งจากเผ่าพันธุ์มนุษย์บ้างประปราย เพราะฝึกตนวรยุทธ์สายดำ ต่อให้ก่อนหน้านี้มีผมสีทอง ก็จะกลายเป็นผมสีดำในที่สุด

สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่า บางทีอาจจะสามารถใช้จุดนี้ ปลอมเป็นคนของค่ายมืด ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวตนของยอร์คเพื่อหลบซ่อน

“ฮ่า ๆ พวกขยะค่ายมืดช่างอ่อนแอเสียจริง!”

การต่อสู้แห่งชีวิตและความตายบนแท่นประลองได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่ายสว่างมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก ใบหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความท้าทายและความโอหัง

ดาซีชนะรวดมาถึงสิบสามครั้งแล้ว คนคนเดียวราวกับว่ามาท้าประลองกับทุกคนในชั้นที่หนึ่งของตำหนักเทวมืด