คืออวิ๋นจิ่น
เขากำลังจูงอูฐมายังทิศทางของพวกเขา
จิ้งจอกเก้าสีนั่งอยู่บนหลังอูฐ หางห้อยเหมือนพัดโบกสะบัดไปมา
ทันทีที่ถังเสวี่ยเห็นอวิ๋นจิ่น นางก็รีบเข้าไปทักทายเขาด้วยความดีใจ
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ท่านจะไปที่ใด? ”
อวิ๋นจิ่นเหลือบมองตงหลิงหวง อู๋จุน และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังถังเสวี่ย
“แม่นางถังเสวี่ย ท่านกับเจ้าหุบเขาอู๋ปลอดภัยดีหรือไม่? ข้าออกมาตามหาพวกท่าน! ”
“หมอหลวงอวิ๋น ท่านออกมาตามหาพวกเรา! ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทำให้พวกท่านต้องเป็นกังวล! พี่เป่าอวี้กับข้าปลอดภัยดี”
“ไม่เป็นอันใด ข้าก็เหมือนกับพวกท่านสองคน ข้าก็พลัดหลงกับพระชายาและคนอื่นๆ เช่นกัน ท่านอ๋องเป็นคนตามหาข้าจนพบ ในเมื่อปลอดภัยแล้ว พวกเราก็รีบกลับกันเถิด ท่านอ๋องและพระชายาเป็นห่วงท่านทั้งสองคนมาก”
หลังสิ้นเสียงพูดของอวิ๋นจิ่น อู๋จุนก็กระโดดไปข้างหน้าอวิ๋นจิ่นราวกับเมฆสีแดง
“จริงหรือ แม่นางพิษน้อยเป็นห่วงข้า นางพูดเองหรือ”
อวิ๋นจิ่นแย้มยิ้ม ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
ถังเสวี่ยผลักอู๋จุน “พี่เป่าอวี้ เจ้าก็อย่าเออออไปเองนักเลย หมอหลวงอวิ๋นบอกแล้วว่า ซูจิ่นซีเป็นห่วงเจ้ากับข้า เจ้ากับข้า! เราสองคน
ต่อให้แมวและสุนัขสักตัวหลงทาง เจ้าของก็ต้องเป็นห่วงเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้น เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้า พวกเขาเป็นเพื่อนกัน นี่คือธรรมชาติของมนุษย์”
“เชอะ! ”
อู๋จุนถลึงตาใส่ถังเสวี่ย
“หลบออกไป ข้าคร้านจะสนใจเจ้า! ”
เขาพูดพลางขึ้นไปบนอูฐ และขี่นำหน้าไปก่อนคนอื่น
“หึ! ข้าก็คร้านที่จะพูดกับเจ้า! ” ถังเสวี่ยขี่อูฐตามอู๋จุนไปทันที
“ลำบากรัชทายาทตงเฉินแล้ว! ”
“ไม่เป็นอันใด! หมอหลวงอวิ๋นปลอดภัยก็ดีแล้ว! ”
จากนั้นทุกคนก็ขึ้นหลังอูฐ และเดินทางมาถึงจุดที่ตั้งของซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยา และคนอื่นๆ ภายใต้การนำทางของสัตว์เทพกิเลน
…….
ตั้งแต่เยี่ยโยวเหยากลับมา เขาไม่อนุญาตให้ซูจิ่นซีออกจากรถม้า อ้างว่าด้านนอกมีพายุทรายแรงเกินไป ไม่ดีต่อสุขภาพของซูจิ่นซี และไม่ดีสำหรับทารกในครรภ์ อีกทั้งยังต้องการดูแลซูจิ่นซีที่อยู่ภายในรถม้าเอง
เพราะฉะนั้น ซูจิ่นซีจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะออกมาสูดอากาศด้านนอก นางอยู่ในรถม้าจนจะขึ้นราอยู่แล้ว
หลังจากใช้วิชาลับของเผ่าเม้ยแล้ว ดวงจิตของนางก็เข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้นไม่ได้เลย นางต้องการพบมู่หรงฉี มู่หรงอวิ๋นไห่ และจงซีจือ ทว่านางก็ทำไม่ได้ ซูจิ่นซีจึงทำได้เพียงจัดระเบียบในระบบถอนพิษและเริ่มฝึกฝนระบบถอนพิษ
ทว่าตั้งแต่ระบบถอนพิษเพิ่มระดับขั้นครั้งล่าสุด มันก็ไม่ได้เพิ่มระดับขั้นอีกเลย ระยะเวลาห่างกันนานพอสมควรแล้ว
ไม่รู้ว่าครั้งต่อไปที่ระบบถอนพิษเพิ่มระดับจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงของแม่นมฮวาดังมาจากด้านนอกรถม้า
“ทางนั้น องค์รัชทายาทตงเฉินกับหมอหลวงอวิ๋นมิใช่หรือ? ”
จากนั้น เสียงของลวี่หลีก็ดังขึ้น “ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นเจ้าหุบเขาอู๋กับแม่นางถังเสวี่ย”
แม่นมฮวาเปิดม่านรถม้าขึ้น “พระชายา รัชทายาทตงเฉินกลับมาแล้วเพคะ นางตามหาเจ้าหุบเขาอู๋และแม่นางถังเสวี่ยพบแล้วเพคะ”
ซูจิ่นซีกำลังจะลงจากรถม้าเพื่อออกไปดู ทันใดนั้น นางก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ได้ เพราะนางเป็นห่วงอวิ๋นจิ่นมากเกินไป จึงส่งผลให้อารมณ์ของเยี่ยโยวเหยาผิดปกติ นางจึงกลับไปนั่งลงที่เดิม และเหลือบตามองเยี่ยโยวเหยา
เดิมที ซูจิ่นซีคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะไม่พูดอันใดแล้ว กลับไม่คาดคิดว่าเยี่ยโยวเหยาจะสวมเสื้อคลุมขนาดใหญ่ให้ซูจิ่นซีและพูดว่า
“ข้างนอกลมแรง ดูแลตัวเองด้วย”
ซูจิ่นซีโล่งใจอย่างมาก นางมองเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาซาบซึ้ง
“เพคะ! ” นางตอบรับคำ
เมื่อนางลุกขึ้นเดินไปถึงประตูรถม้า จู่ๆ ก็หันกลับมาจูบแก้มเยี่ยโยวเหยา
“เยี่ยโยวเหยา ข้ารักท่าน! ”
เยี่ยโยวเหยาตกตะลึงตัวแข็งทื่อ การแสดงความรักอย่างกะทันหันของซูจิ่นซีทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น รอจนตั้งสติได้ ซูจิ่นซีก็ลงจากรถม้าไปแล้ว
ไม่นานนัก ตงหลิงหวง อู๋จุน และคนอื่นๆ ก็มาถึงเบื้องหน้าของซูจิ่นซี
ก่อนที่คนอื่นๆ จะมาถึง อู๋จุนลงมายืนเบื้องหน้าซูจิ่นซีราวกับเมฆสีแดงก่อนผู้อื่น
“แม่นางพิษน้อย พี่จุนกลับมาแล้ว ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นห่วงพี่จุนมาก! ไม่เห็นพี่จุน เจ้าคงคิดถึงพี่จุนมากใช่หรือไม่? ”
ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดตอบ อู๋จุนจึงพูดอีกครั้ง
“ไม่ต้องเป็นห่วง พี่จุนปลอดภัยดี! เห็นหรือไม่? ไม่เป็นอันใดแม้แต่น้อย! ”
เขาพูดพลางกางแขนหมุนตัวอยู่ด้านหน้าซูจิ่นซี แสดงท่าทางว่าเขาปลอดภัยดี
จากนั้น ถังเสวี่ยก็เข้ามาผลักอู๋จุนออกไป
“อย่าทำเออออไปเอง ต่อให้ซูจิ่นซีเป็นกังวล ก็ควรเป็นห่วงโยวอ๋องเสียมากกว่า นางจะเป็นห่วงเจ้าเรื่องอันใด? ”
“เชอะ! ” อู๋จุนถลึงตาใส่ถังเสวี่ย “คนที่ถูกพายุทรายพัดหายไปเป็นข้า ไม่ใช่เขา แม่นางพิษน้อยจะเป็นห่วงเขาเพื่ออันใด? ”
“พี่เป่าอวี้ ข้าว่าเจ้าเบาปัญญายิ่งนัก ทั้งยังโง่เขลาอีกด้วย เจ้าบอกว่าซูจิ่นซีจะเป็นห่วงโยวอ๋องเพื่ออันใดหรือ? ”
“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด”
อู๋จุนด่านางไปหนึ่งคำ ทว่าเขาไม่ได้สนทนากับซูจิ่นซีต่อ และจูงอูฐของตนเองเดินจากไป
ในเวลานี้ อวิ๋นจิ่นและตงหลิงหวงก็เดินเข้ามาถึงแล้วเช่นกัน
ทว่าอวิ๋นจิ่นลดท่าทีลงอัตโนมัติ และยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคนโดยไม่พูดหรือทักทายซูจิ่นซี ทำเพียงจัดสิ่งของบนหลังอูฐของตนเอง
ซูจิ่นซีทำทีราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอันใดเกิดขึ้น นางแย้มยิ้มทักทายอวิ๋นจิ่นและตงหลิงหวง
“รัชทายาทตงเฉิน หมอหลวงอวิ๋น ลำบากท่านทั้งสองคนแล้ว! ”
“พระชายาเกรงใจเกินไปแล้ว นี่คือสิ่งที่กระหม่อมควรทำพ่ะย่ะค่ะ” ขณะที่อวิ๋นจิ่นเงยหน้าขึ้น เขาก็แย้มยิ้มราวกับดอกไม้บาน
ตงหลิงหวงยังพูดอีกว่า “ทุกคนปลอดภัยก็ดีแล้ว! ”
ถังเสวี่ยบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับซูจิ่นซีใกล้ชิดกันตั้งแต่เมื่อใด นางคว้าแขนของซูจิ่นซีและพูดว่า “ซูจิ่นซี เจ้าคงยังไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับพี่เป่าอวี้และข้า หลังจากถูกพายุทรายพัดไป พวกเราเกือบตาย เกือบไม่ได้กลับมาแล้ว! ”
ถังเสวี่ยลากซูจิ่นซีออกมา และเริ่มสนทนาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางและอู๋จุน เยี่ยโยวเหยาลงจากรถม้าเช่นกัน หลังจากปลอบใจตงหลิงหวง อวิ๋นจิ่น อู๋จุน และคนอื่นๆ แล้ว เขาก็เริ่มหารือกับทุกคนเกี่ยวกับแผนการขั้นต่อไป
อู๋จุนฟังถังเสวี่ยพูดกับซูจิ่นซีเสียงเจื้อยแจ้วอีกด้านหนึ่ง เป็นเรื่องราวเหตุการณ์อันตรายในตอนนั้น เขาอดสังเกตสีหน้าของซูจิ่นซีไม่ได้ เพื่อดูว่าซูจิ่นซีได้ฟังเรื่องราวอันตรายของเขาแล้ว นางจะแสดงสีหน้าเช่นไรเมื่อเขาตกอยู่ในอันตราย?
น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อย ทันใดนั้น ร่างดำทะมึนก็ปรากฏเบื้องหน้าเขา บดบังทัศนวิสัยของเขา
อู๋จุนมองตามลายเมฆบนร่างนั้นไปจนสุด ก่อนจะสบสายตาเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา เห็นได้ชัดว่าเป็นดวงตาที่ระแวดระวังและเป็นศัตรู เขาขมวดคิ้วดุดัน
“บัดซบ เยี่ยโยวเหยา เจ้ากำลังบังข้า! ”
เยี่ยโยวเหยาพูดเสียงต่ำ “ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง ซูจิ่นซีเป็นพระชายาของข้า หากเจ้ากล้าแอบมองอยู่เช่นนี้ ข้าจะไม่ไว้หน้าแล้ว”
อู๋จุนแสดงท่าทางไม่แยแส “บนหน้าของแม่นางพิษน้อยหาได้มีชื่อเยี่ยโยวเหยา เจ้ามีสิทธิ์อันใดไม่ให้ข้ามอง? ข้าชอบมอง เจ้าจะทำอันใดกับข้า? ”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของอู๋จุน ฝ่ามือเย็นยะเยือกของเยี่ยโยวเหยาก็จู่โจมมาที่ใบหน้าของเขา
สีหน้าของอู๋จุนเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเอียงตัวหลบ ทว่าฝ่ามือต่อมาของเยี่ยโยวเหยากลับตามมาทันที ในไม่ช้า ทั้งสองก็เข้าต่อสู้พัวพันกันอีกครั้ง