ทั้งสองต่อสู้กันเสียงดังโกลาหล ซูจิ่นซีและถังเสวี่ยได้ยินการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ซูจิ่นซีพูดว่า “พวกเขาทะเลาะกันอีกแล้วหรือ? ”
สีหน้าของถังเสวี่ยเผยความอับจนหนทาง ทว่าหากมองไม่ละเอียด ย่อมไม่มีผู้ใดพบว่าสายตาที่นางมองอู๋จุนนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง จากนั้น นางจึงหลับตาเก็บกดอารมณ์ที่สับสน และจ้องใบหน้าของซูจิ่นซี
“จะต้องพูดอันใดอีก คงเป็นเพราะพี่ถังเป่าอวี้พูดล่วงเกินทำให้โยวอ๋องเดือดดาลเป็นแน่”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “จริงๆ เลย จนป่านนี้แล้ว สองคนนี้ยังคิดจะต่อสู้กันอีก อู๋จุนพูดล่วงเกินอันใดกันแน่? เขาไม่รู้จักหยุดปากเสียบ้าง”
เมื่อเยี่ยโยวเหยาต่อสู้กับผู้อื่น นอกจากซูจิ่นซีแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปห้ามปรามเขา
ทว่าซูจิ่นซีก็รู้ว่า แม้ตนเองจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมก็คงไม่มีประโยชน์ ยกเว้นเยี่ยโยวเหยาจะหยุดด้วยตนเอง นางจึงไม่ออกไปเสนอหน้าห้ามปราม
ไม่นานนัก การต่อสู้ระหว่างเยี่ยโยวเหยากับอู๋จุนก็รู้ผลแพ้ชนะ เยี่ยโยวเหยากำราบอู๋จุนจนล้มลงกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จบก็คงเลิกรากันเหมือนเดิม อย่างไรเสีย ทุกคนยังต้องเดินทางไปหาทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ต่อ เพราะยังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิด อู๋จุนกลับสบถอีกครั้ง
“เยี่ยโยวเหยา บัดซบ ข้าสู้เจ้าไม่ได้ เจ้าจะทำอย่างไรกับข้า? ข้าไม่ยอมรับเจ้า ข้าไม่ยอมรับเจ้า เจ้าจะทำอันใดกับข้าได้”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของอู๋จุน ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์พลันรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของเยี่ยโยวเหยาทวีความเย็นชามากขึ้น ทั้งยังเป็นไอสังหาร
ภายในใจของซูจิ่นซีพูดออกมาว่าแย่แล้ว ทันใดนั้น เยี่ยโยวเหยาก็ยื่นมือไปด้านข้างและพลิกฝ่ามืออย่างรุนแรง กระบี่เสวียนหยวนพลันปรากฏอยู่ในมือของเขา
ผู้ใดก็ตามที่รู้จักเยี่ยโยวเหยา หากกระบี่เสวียนหยวนถูกชักออกมาจากมือเขา มันจะต้องลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดแน่นอน ตราบใดที่เยี่ยโยวเหยาชักกระบี่เสวียนหยวนออกมา เขาไม่มีทางเก็บกลับคืนโดยไม่ลงมือ และต้องสังหารคนเท่านั้น
เยี่ยโยวเหยาต้องการสังหารอู๋จุนให้ได้ในวันนี้จริงๆ
เหตุใดอู๋จุนต้องท้าทายความอดทนของเยี่ยโยวเหยา? เมื่อครู่เจ้าพูดอันใดกับเยี่ยโยวเหยากันแน่? จึงทำให้เยี่ยโยวเหยาต้องจัดการเขาให้ได้?
เยี่ยโยวเหยาถือกระบี่เสวียนหยวน ค่อยๆ เดินไปหาอู๋จุนทีละก้าว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยเฉพาะองครักษ์วิหารวิญญาณต่างมองไปที่เยี่ยโยวเหยาด้วยความหวาดกลัวและไม่กล้าส่งเสียง
ถังเสวี่ยรู้ทันทีว่าจะเกิดอันใดขึ้นกันแน่ นางรีบเข้าไปฉุดแขนของซูจิ่นซี
“ซูจิ่นซี เยี่ยโยวเหยาคิดจะสังหารพี่เป่าอวี้แล้ว? ”
“ข้าควรทำอย่างไร? เจ้ารีบเข้าไปขอความเมตตาจากโยวอ๋อง! รีบเข้าไปช่วยเถิด! ”
“พี่เป่าอวี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้โยวอ๋องต้องขุ่นเคืองแน่ เขาไม่ได้ตั้งใจท้าทายความอดทนของโยวอ๋อง ซูจิ่นซี พี่เป่าอวี้ชอบเจ้ามาก เจ้าไม่ควรเห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วยกระมัง! ”
หากถังเสวี่ยไม่พูดคำว่าอู๋จุนชอบซูจิ่นซียังดีเสียกว่า เพราะเมื่อพูดคำนี้ออกไป ทุกคนก็รู้สึกว่าไอสังหารรอบตัวของเยี่ยโยวเหยารุนแรงขึ้นมากทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีไม่มีทางยืนดูเฉยๆ ให้เยี่ยโยวเหยาสังหารอู๋จุนเป็นแน่!
ต่อให้ถังเสวี่ยไม่ร้องขอความเมตตา นางก็ต้องเข้าไปห้ามเยี่ยโยวเหยาอยู่แล้ว
ซูจิ่นซีตบมือซีดขาวของถังเสวี่ยที่คล้องอยู่บนแขนของตน พลางส่งสัญญาณให้ถังเสวี่ยรู้ว่าไม่ต้องกังวล
จากนั้นจึงเดินไปทางเยี่ยโยวเหยา
ทว่าซูจิ่นซีเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ยังไม่ทันเข้าไปเอ่ยปากห้ามเยี่ยโยวเหยา ร่างสีขาวราวกับหิมะก็เหาะลงมาเบื้องหน้านาง
อวิ๋นจิ่นเดินนำหน้าซูจิ่นซีไปจับมือเยี่ยโยวเหยา
“ท่านอ๋อง โปรดทบทวนให้รอบคอบ! ”
“ออกไปให้พ้น! ” เยี่ยโยวเหยาไม่ชายตามองอวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย กระชากเสียงต่ำอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์ต้องลำบากใจ”
อวิ๋นจิ่นไม่ได้ปล่อยมือ และยิ่งไม่ยอมถอย แม้จะแสดงสีหน้าเคารพนอบน้อม ทว่าไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“ท่านอ๋อง แม้จะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างกระหม่อมกับเจ้าหุบเขาอู๋ที่คบหากันมาเนิ่นนาน พระองค์ก็ควรคำนึงถึงพระชายาและทารกในครรภ์ด้วยพ่ะย่ะค่ะ! เลือดอาจทำร้ายท่านอ๋องน้อยได้พ่ะย่ะค่ะ! ”
ต้องบอกว่า ซูจิ่นซีชื่นชมอวิ๋นจิ่นเป็นอย่างมาก คำพูดของเขาถูกต้องและถูกเวลา ทั้งหาออกที่ดีที่สุดให้กับเยี่ยโยวเหยา และยังทำให้การโน้มน้าวของเขาไม่มากจนเกินพอดี
ยิ่งไปกว่านั้น เขาออกหน้าเพื่อเกลี้ยกล่อมเยี่ยโยวเหยาครั้งนี้ เหมาะสมกว่าซูจิ่นซีมากนัก
หากซูจิ่นซีออกหน้า เยี่ยโยวเหยาจะหยุดหรือไม่นั้นยังไม่แน่ใจ มิหนำซ้ำอาจเพิ่มความเข้าใจผิดระหว่างสามีและภรรยาอีกด้วย
อวิ๋นจิ่นมักจะมองเหตุการณ์ของนางได้เป็นอย่างดีและรอบด้าน
เมื่อพูดถึงซูจิ่นซีและทารกในครรภ์ ไอสังหารของเยี่ยโยวเหยาพลันลดลงอย่างมาก เขาหันไปมองซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีต้องการพูดอันใดบางอย่าง ทว่านางกลับเม้มปากและไม่พูดอันใด
นางเชื่อในอวิ๋นจิ่น นางจึงปล่อยให้อวิ๋นจิ่นจัดการเรื่องนี้
มือของอวิ๋นจิ่นที่จับมือเยี่ยโยวเหยา ค่อยๆ เลื่อนไปที่กระบี่เสวียนหยวนในมือของเยี่ยโยวเหยา
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดัง ‘ฉึก’ ฝ่ามือของอวิ๋นจิ่นเลื่อนผ่านคมกระบี่เสวียนหยวนที่แหลมคมที่สุด จากนั้น เลือดสีแดงสดก็เปื้อนชุดสีขาวหิมะของเขาไปทั้งตัว
ภายในใจของซูจิ่นซีราวกับถูกบางสิ่งบางอย่างดึงรั้งไว้ สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างประหลาดใจ โดยเฉพาะถังเสวี่ย นางปิดปากอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น และค่อยๆ เลื่อนสายตาจากฝ่ามือที่ได้รับบาดเจ็บของอวิ๋นจิ่นมายังใบหน้าของซูจิ่นซี
สีหน้าเช่นนั้น ดูเหมือนกำลังค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่บางอย่าง
นางคิดเสมอว่า นอกเหนือจากโยวอ๋องแล้ว พี่เป่าอวี้คือคนที่รักซูจิ่นซีมากคนหนึ่ง ทว่านางไม่คาดคิดว่าจะมีอีกคนที่รักซูจิ่นซีเหมือนโยวอ๋องและพี่เป่าอวี้
ความรักนั้นสงบเงียบ ความรักนั้นเสียสละ เป็นรักที่ลึกซึ้ง
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางจ้องดวงตาอวิ๋นจิ่น “อวิ๋นจิ่น เจ้าคิดจะทำอันใด? เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก! ”
อวิ๋นจิ่นยกยิ้มด้วยความเคารพนอบน้อม “ท่านอ๋อง กระหม่อมรู้ดีว่าทำให้ท่านอ๋องทรงไม่พอพระทัย และรู้ว่าเมื่อกระบี่เสวียนหยวนชักออกจากฝักจะต้องเห็นเลือด กระหม่อมใช้เลือดของกระหม่อมเพื่อสักการะวิญญาณกระบี่เสวียนหยวนนี้พ่ะย่ะค่ะ
ท่านอ๋อง หากมีเรื่องอันใด หลังจากพวกเรากลับออกมาจากแคว้นเป่ยอี้อย่างปลอดภัยแล้ว ค่อยคิดบัญชีกับเจ้าหุบเขาอู๋และกระหม่อมก็ยังไม่สาย! เวลานี้ฟ้ามืดมากแล้ว วันนี้หากพวกเราไม่สามารถหาทางเข้าแคว้นเป่ยอี้ได้ ยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดอันใดขึ้นอีก
อีกทั้งพระชายายังทรงรอพระองค์อยู่ทางนั้น! ท่านอ๋องมิควรให้พระชายาต้องรอนานนะพ่ะย่ะค่ะ”
สายตาของเยี่ยโยวเหยาเลื่อนมาหยุดที่ซูจิ่นซีอีกครั้ง
ซูจิ่นซีมองดวงตาของเยี่ยโยวเหยาด้วยสายตาอ่อนโยน
เยี่ยโยวเหยาหันไปมองอวิ๋นจิ่นอีกครั้ง ดวงตาดำขลับลึกล้ำจนไม่สามารถคาดเดาการแสดงออกในหัวใจของเขาได้ ทันใดนั้น เขาก็หยิบกระบี่เสวียนหยวน
“อวิ๋นจิ่น… เจ้าแน่มาก! เจ้าแน่มาก! ”
ดวงตาของเยี่ยโยวเหยาหรี่ลงเล็กน้อยโดยไม่รู้ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ จากนั้น เขาก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปหาซูจิ่นซี ก่อนจะจูงมือซูจิ่นซีขึ้นไปบนรถม้า
รอยยิ้มที่เคารพและอ่อนน้อมถ่อมตนบนใบหน้าอวิ๋นจิ่นไม่เคยเปลี่ยนไป จนกระทั่งซูจิ่นซีและเยี่ยโยวเหยาเข้าไปในรถม้าแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปประคองอู๋จุน
อู๋จุนบอกว่าไม่กลัวนั้นเป็นเรื่องไม่จริงอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่มีทางยอมเสียเปรียบต่อหน้าเยี่ยโยวเหยา!
ทันทีที่เขาเห็นเยี่ยโยวเหยาเรียกกระบี่เสวียนหยวนออกมา ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวราวกับกระดาษ หลังจากอวิ๋นจิ่นออกหน้าเพื่อยับยั้งเขา ใบหน้าซีดขาวก็เปลี่ยนเป็นเม็ดเหงื่อเย็นยะเยือก
“เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? ”
อู๋จุนลูบคอตนเองไปมาอย่างลนลาน ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับอวิ๋นจิ่น
หากอวิ๋นจิ่นไม่พยุงเขาไว้ ขาของเขาคงอ่อนระทวยจนแทบล้มพับลงกับพื้น
“บัดซบ เมื่อครู่เจ้าเยี่ยโยวเหยาต้องการสังหารข้าจริงๆ ! ”
ถังเสวี่ยเดินเข้ามาหาและช่วยประคองอู๋จุน นางพูดสำทับคำพูดของเขา “เพราะฉะนั้น ถังเป่าอวี้ เจ้าก็รู้ว่าปากของเจ้ามีปัญหาชอบหาเรื่อง ต่อไปก็พูดให้น้อยๆ หน่อย!”