“ไปยืนด้านข้างเลย! ”
อู๋จุนต้องการสะบัดมือของถังเสวี่ย ทว่าทันทีที่เขาออกแรง เขากลับขมวดคิ้วแน่นเพราะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ถังเสวี่ยพูดด้วยท่าทีร้อนใจ “เป็นอันใด? พี่เป่าอวี้ เจ็บที่ใดหรือ? เจ็บที่ใด? ”
“บัดซบ ข้าเจ็บไปทั้งตัว! ”
“เจ็บไปทั้งตัวหรือ หรือว่าออกแรงสะบัดเมื่อครู่จนกระดูกหัก ให้ข้าดูหน่อย! ”
อู๋จุนไม่หลบ เขาปล่อยให้ถังเสวี่ยประคองตนเอง
มีถังเสวี่ยคอยดูแลอู๋จุน อวิ๋นจิ่นจึงไม่ต้องกังวลอันใดมากนัก เขาปล่อยให้ถังเสวี่ยดูแลอู๋จุนแทน
เม็ดทรายสีเหลืองเต็มท้องฟ้า เสียงร้องของอู๋จุนราวกับหมูถูกเชือด และเสียงอ่อนโยนของถังเสวี่ยก็ดังขึ้นเป็นครั้งคราว
“จี๊ด จี๊ด! ”
จิ้งจอกเก้าสีร้องเรียกและกระโดดออกจากแขนเสื้อของอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นกดหัวจิ้งจอกเก้าสีเข้าไป ก่อนจะเดินไปจัดระเบียบสิ่งของที่อูฐของตน
บนรถม้า
ซูจิ่นซีรู้ว่านางไม่ควรถามเรื่องของอู๋จุนให้มากเกินควร นางจึงไม่พูดอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอันใดเกิดขึ้น
องครักษ์ส่งจดหมายใหม่มาสองฉบับ เยี่ยโยวเหยาเปิดอ่านทันที
ซูจิ่นซีชงชาและยื่นให้เยี่ยโยวเหยา
เยี่ยโยวเหยาไม่รับ ทว่าเขาจิบชาจากมือของซูจิ่นซี
“ชามีฤทธิ์เย็น เจ้าดื่มไม่ได้! ”
ซูจิ่นซีหัวเราะ “ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลไป อย่างไรข้าก็เป็นหมอเช่นกัน ความรู้พื้นฐานเช่นนี้พอรู้อยู่บ้าง”
เยี่ยโยวเหยาย่อมรู้ดี เพียงตักเตือนสักคำก็เท่านั้น
เขาโอบไหล่ซูจิ่นซี และดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด
“ร่างกายยังไหวหรือไม่? หากไม่มีปัญหา อีกสักครู่จะออกเดินทาง! ”
“เยี่ยโยวเหยา ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น! ”
จุดนี้ เยี่ยโยวเหยาย่อมรู้ดีเช่นกัน ทว่าเขาเพียงเป็นห่วงเท่านั้น
ทั้งสองกำลังสนทนากัน ทันใดนั้น เสียงของตงหลิงหวงก็ดังมาจากด้านนอกรถม้า
“พระชายาโยวอ๋อง? ”
ซูจิ่นซีผลักมือของเยี่ยโยวเหยาออกและยืนขึ้น จากนั้นจึงเปิดม่านรถม้า “รัชทายาทตงเฉิน มีเรื่องอันใด? ”
ตงหลิงหวงยังไม่พูดออกมาว่าเรื่องอันใด นางเหลือบมองเยี่ยโยวเหยาที่อยู่ด้านหลังซูจิ่นซี
เยี่ยโยวเหยาเข้าใจในทันที เขาพูดกับซูจิ่นซีว่า “ข้าจะลงไปสำรวจดูว่าพวกเราจะเดินทางกันอย่างไรต่อไป! ”
“เพคะ! ” ซูจิ่นซีรับคำ
หลังจากเยี่ยโยวเหยาออกไป ซูจิ่นซีก็ให้ตงหลิงหวงขึ้นมาบนรถม้า
ตงหลิงหวงนั่งลงและหยิบม้วนภาพออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะยื่นให้ซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีแสดงสีหน้าสงสัย ทว่าไม่ได้เปิดมันในทันที
“นี่คือสิ่งใด? ”
ตงหลิงหวงพูด “ขณะที่ข้าพบเจ้าหุบเขาอู๋และแม่นางถังเสวี่ย พวกเขาอยู่ในปราสาทแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าปราสาทหลานลั่ว ภาพวาดนี้ข้าพบในปราสาท เจ้าลองเปิดดูเถิด! ”
ซูจิ่นซีค่อยๆ เปิดม้วนภาพตามที่ตงหลิงหวงบอก
ม้วนภาพเปิดออกเพียงครึ่งเดียว เมื่อซูจิ่นซีเห็นใบหน้าของสตรีในม้วนภาพ สีหน้าของซูจิ่นซีพลันเปลี่ยนไป
นางไม่ได้เปิดภาพออกจนสุด ทว่าจ้องไปที่ม้วนภาพอย่างละเอียด
ตงหลิงหวงสังเกตการแสดงออกของซูจิ่นซีอย่างระมัดระวัง
“พระชายา ท่านคิดว่าสตรีในภาพนี้ดูคุ้นตาหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีไม่ได้ตอบคำถามของตงหลิงหวงในทันที ทว่าเปิดม้วนภาพออกจนสุด หลังจากดูภาพทั้งหมดอย่างละเอียดแล้วจึงเงยหน้าขึ้น
“รัชทายาทตงเฉิน ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าม้วนภาพนี้ถูกพบในปราสาทโบราณหลานลั่ว? ”
“ใช่! ” ตงหลิงหวงพยักหน้าตอบด้วยความมั่นใจ
“ปราสาทโบราณหลานลั่วอยู่ที่ใด พาข้าไปดูสักครั้งได้หรือไม่? ”
“ไม่ได้แล้ว! ” ตงหลิงหวงส่ายศีรษะ
“เพราะเหตุใด? ”
“ปราสาทโบราณหลานลั่วซ่อนตัวอยู่ในจุดที่เป็นอันตรายอย่างมาก เจ้าหุบเขาอู๋กับข้าหนีออกมาได้ด้วยความยากลำบาก อย่างไรก็ตาม หลังจากพวกเราหลบหนีออกมาได้ ปราสาทโบราณหลานลั่วก็สลายหายไป”
“มันหายไปหรือ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? ” ซูจิ่นซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่ง! ”
คนอื่นๆ อาจไม่เชื่อ ทว่าซูจิ่นซีพบเห็นเรื่องแปลกประหลาดมากมายในอาณาจักรนี้ และเชื่อว่าตงหลิงหวงไม่พูดโกหกแน่ นางจึงเชื่อคำพูดของตงหลิงหวง
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีจึงหันไปมองที่ม้วนภาพในมือของนางอีกครั้ง
“ตามที่รัชทายาทตงเฉินกล่าว สตรีในภาพนี้เหมือนผู้ใด? ”
ตงหลิงหวงส่ายศีรษะ “ข้าก็ไม่แน่ใจนัก สตรีในภาพสวมผ้าคลุมใบหน้า ข้าเห็นไม่เต็มหน้า ทว่าข้ารู้สึกว่าดวงตาคู่นี้คุ้นตาเป็นอย่างมาก เหมือนเคยพบที่ใดสักแห่ง”
ตงหลิงหวงใช้มือปิดใบหน้าสตรีในม้วนภาพให้เห็นเพียงดวงตาคู่นั้น แล้วค่อยๆ ยกมือออก
“หากเป็นผู้อื่นก็พอทำเนา ทว่าดวงตาคู่นี้พิเศษอย่างมาก ตอนที่ข้าเห็นดวงตาคู่นี้ของนาง ข้าถูกดวงตาคู่นี้ดึงดูดอย่างลึกซึ้ง”
ตงหลิงหวงตกตะลึงเล็กน้อย “สตรีในภาพวาดนางนี้ พระชายาทรงรู้จักหรือ? ”
ไม่เพียงรู้จักเท่านั้น…
ซูจิ่นซีไม่ได้ตอบคำถามของตงหลิงหวงในทันที ทว่านางยกม่านรถม้าขึ้น และพูดกับลวี่หลีที่ยืนอยู่ด้านข้างว่า
“เยี่ยโยวเหยาอยู่ที่ใด? ”
“กำลังคุยอยู่กับหมอหลวงอวิ๋นทางนั้นเจ้าค่ะ คุณหนูจะให้บ่าวไปเชิญท่านอ๋องมาที่นี่หรือไม่เจ้าคะ? ”
“รีบไปเชิญท่านอ๋อง! ”
จากนั้น ซูจิ่นซีก็พูดกับตงหลิงหวงด้วยสีหน้าจริงจัง “รัชทายาทตงเฉิน หากพบม้วนภาพนี้ที่อื่นก็ไม่เป็นอันใด ทว่ามันอยู่ที่ปราสาทโบราณหลานลั่ว ซึ่งปราสาทโบราณหลานลั่วเป็นสถานที่ลึกลับที่สุดในทะเลทราย ทั้งยังใกล้กับแคว้นเป่ยอี้อีกด้วย ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่เห็นแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ต้องปรึกษาเยี่ยโยวเหยา”
ตงหลิงหวงเข้าใจและไม่ได้คัดค้าน
หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยโยวเหยาก็เดินกลับมาขึ้นรถม้า และเอ่ยถามซูจิ่นซี “เกิดอันใดขึ้น? ”
ซูจิ่นซียื่นม้วนภาพในมือให้เยี่ยโยวเหยา “ม้วนภาพนี้ รัชทายาทตงหลิงหวงได้มาตอนที่ไปตามหาอู๋จุนกับถังเสวี่ยที่บังเอิญเข้าไปในปราสาทโบราณหลานลั่ว ท่านอ๋องลองดู สตรีในภาพนี้ ท่านอ๋องคุ้นตาหรือไม่”
เยี่ยโยวเหยาเปิดม้วนภาพ สายตาของซูจิ่นซีกับตงหลิงหวงจับจ้องไปที่เยี่ยโยวเหยา รอคำตอบของเขา
ทว่าไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า เยี่ยโยวเหยาจ้องม้วนภาพเป็นเวลานาน พลางขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ข้าเคยเห็นสตรีนางนี้หรือ? เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้? ”
ตงหลิงหวงมีสีหน้างุนงง
ซูจิ่นซียกมือก่ายหน้าผาก
นางลืมไปได้อย่างไร? ก่อนที่จะพบกับนาง เยี่ยโยวเหยาไม่เคยใกล้ชิดกับอิสตรี หลังพบกับนางก็ไม่เคยสนใจสตรีนางใดแม้แต่คนเดียว
เยี่ยโยวเหยาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสีหน้าของซูจิ่นซี
“ข้าอาจเคยเห็นมาก่อน ทว่าข้าจำไม่ได้จริงๆ ”
บางทีเรื่องอื่นยังพอทำเนา ทว่าเรื่องเกี่ยวกับอิสตรี เยี่ยโยวเหยาไม่ค่อยว่องไวเท่าใด
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเข้าใจ ท่านอ๋อง! ”
จากนั้น ซูจิ่นซีจึงยกมือปิดใบหน้าของสตรีในภาพวาด เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่นั้น
“ท่านอ๋อง ท่านลองมองดวงตาคู่นี้ ดูเหมือนหลานเสวียนหมิงหรือไม่? ”
หลานเสวียนหมิง?
หากสังเกตให้ดีก็มีความคล้ายคลึงอยู่บ้าง
ทว่าคนในภาพวาดเป็นสตรี!
ซูจิ่นซีย่อมเข้าใจความสงสัยบนใบหน้าของเยี่ยโยวเหยาและตงหลิงหวง นางค่อยๆ ขยับมือออก
“ท่านอ๋อง ลองดูอีกครั้ง หากถอดผ้าคลุมหน้าออก ท่าทางนี้มีลักษณะเหมือนผู้ใด? ท่านคิดว่าคล้ายกับบุตรสาวคนสุดท้องของหลานเสวียนหมิงที่เพิ่งกลับมาที่จวนหลานเมื่อปีที่แล้วหรือไม่”
หลานเยวี่ยหลี???