หญิงสาวสวมชุดสั้นสีเขียวมรกต ร่างกายอรชรอ้อนแอ้น ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนหลงใหล ทั้งสองฝั่งเผยแขนขาวนวลราวกับหยวกกล้วยออกมา ผิวมีลำแสงสีทองสว่างวาบไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะมีอาวุธรูปทรงเหมือนลูกศรที่ดูเหมือนทองก็ไม่ใช่ทองความยาวสองสามชุ่นฝังอยู่สองสามเม็ด แต่ดวงตาคู่งามพลันมองไปที่มัจฉาประหลาดตรงหน้า สีหน้าแฝงไว้ด้วยสีหน้าอมยิ้มน้อยๆ

มัจฉาประหลาดเหล่านั้นดูเหมือนอยู่ในวัยยังหนุ่มยังแน่น ล้วนลอยอยู่กลางอากาศสูงขึ้นไปสองสามจั้ง แม้ว่าจะส่งเสียงร้องคำรามข่มขู่และล้อมหญิงสาวให้อยู่ตรงใจกลาง ใบหน้ากลับเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

“พวกเจ้าส่งคนของเผ่าออกมาสองคน หรือจะให้ข้าลงมือด้วยตัวเอง หากไม่ได้เห็นแก้หน้าของพวกเจ้า สิ่งที่มีประโยชน์สำหรับพวกเราล้วนถูกสังหารจนเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะเหลือไว้ให้พวกเจ้า” หญิงสาวอ้าปากบางๆ ออก กลับเอ่ยสิ่งที่ทำให้ผู้คนใจหายวาบออกมา

“ฝัน…ฝันไปเถอะ พวกเราไม่…ไม่มีทาง…ส่งคนของเผ่าออกไป…” มัจฉาประหลาดเพศผู้ร่างกายสูงใหญ่เป็นพิเศษคนนหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวมากกว่าคนอื่นหลายเท่า เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว คาดไม่ถึงว่าจะร้องคำรามพ่นคำพูดมนุษย์ออกมา

หานลี่ที่ซ่อนตัวอยู่สูงกว่าได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ ใบหน้ากลับฉายแววประหลาดใจสว่างวาบ แต่ก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ

คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะใช้ภาษาโบราณที่อยู่ในบันทึกคัมภีร์แดนวิญญาณ นี่จึงทำให้เขาประหลาดใจและดีใจ

“หึ เป็นพวกที่ไม่รู้จักชั่วดีจริงๆ ข้าเพิ่งจะกินข้าวได้ไม่นาน เดิมก็ไม่อยากทำให้เจ็บปวดอันใด แต่หากไม้อ่อนไม่ชอบๆ ไม้แข็ง กินมากขึ้นอีกหน่อยจะเป็นไรไป” หญิงสาวได้ยินคำนี้ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม รอยยิ้มในแววตาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

มัจฉาประหลาดเพศผู้มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้น แล้วร้องคำรามอีกครั้ง ผิวของมัจฉาประหลาดเพศผู้และเมียตนอื่นๆ มีลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งเข้าไปในลาวาด้วยความเร็วปานสายฟ้า บ้างก็ชูอาวุธใบมีดขึ้น บ้างก็โบกสะบัดมือไปมา

ชั่วขณะนั้นลาวาด้านล่างก็หมุนวน รัศมีสีแดงร้อนฉ่าทะลักออกมาเป็นสายๆ แล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของมัจฉาประหลาด

ผิวของมัจฉาประหลาดเพศผู้และเมียเหล่านั้นมีเพลิงลำแสงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วขยายใหญ่ขึ้น ทยอยกันขยายใหญ่จนมีขนาดสองสามจั้งและแผ่กลิ่นอายระดับเทพแปลงออกมา

มัจฉาประหลาดเพศผู้ที่เป็นผู้นำผู้นั้นเข้าสู่ระดับหลอมสูญขั้นต้นแล้ว

“ดูแล้วพวกเจ้าคงลืมความเจ็บปวดไปแล้วสินะ นอกจากเคล็ดวิชาชำระเพลิงแล้ว ยังมีวิธีใดให้สำแดงอีก ช่างเถิด สั่งสอนพวกเจ้าหน่อยก็แล้วกัน”

หญิงสาววัยดรุณีเห็นเช่นนี้ ก็ไม่ตกตะลึงกลับหัวเราะ”คิกๆ” ออกมา พลิ้วกายร่างกายเลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะมีมัจฉาประหลาดเพศผู้และเมียปรากฏขึ้นตรงใจกลาง ไม่เห็นนางเคลื่อนไหวใดๆ ผิวกลับมีลำแสงสว่างวาบ เส้นไหมผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น!

มัจฉาประหลาดบุรุษและสตรีแทบจะส่งเสียงร้องแล้วล้มตึงลงพร้อมกัน

ผิวของพวกเขาดูเหมือนจะมีลำแสงสีแดงหนาๆ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานการโจมตีด้วยการทะลวงของเส้นไหมผลึกได้

แววตาของหญิงสาววัยดรุณีกวาดตามองเรือนร่างของมัจฉาประหลาดที่ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยได้แวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมที่ไม่เข้ากับใบหน้าบอบบางออกมา แขนข้างหนึ่งขยับ ฝ่ามือข้างหนึ่งตะปบไปที่มัจฉาประหลาดเพศเมียสองตัว

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น มัจฉาประหลาดเพศเมียสองตัวก็ใจเต้น หัวใจทั้งสองถูกพลังมหาศาลไร้รูปร่างตะปบอกอมา แล้วพุ่งไปหาหญิงสาว

สตรีผู้นี้อ้าปากออก พ่นเส้นไหมผลึกสองสายออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็ทะลวงผ่านหัวใจและปอดทั้งสอง แล้วม้วนวนกลับมาอีกครั้งพลางกลืนลงไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“รสชาติยังล้ำเลิศไม่ธรรมดา กินไม่เบื่อจริงๆ น่าเสียดายเผ่ามัจฉาว่างเปล่าของพวกเจ้าแพร่พันธุ์ได้น้อยมาก เพื่อไม่ให้เสียเปล่า ครั้งนี้จะเอาพวกนางมาเป็นเครื่องสังเวยสองตัวพอ ทว่าโทษตายไม่อาจละเว้นได้!” หญิงสาววัยดรุณีใช้ลิ้นเลียคราบโลหิตที่มุมปาก ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ได้ลิ้มลองรสชาติล้ำเลิศออกมา แต่น้ำเสียงกลับน่าสะพรึงกลัวขึ้น

สตรีผู้นี้พลันอ้าปากออกพ่นลำแสงสีฟ้าออกมา มือหนึ่งตะปบไปตรงกลาง

ลำแสงหม่นแสงลง แส้ยาวสีฟ้าอ่อนในมือปรากฏขึ้น ผิวมีหนามแหลมคมสีฟ้าเต็มไปหมด

หญิงสาววัยดรุณีมีสีหน้าโหดเหี้ยมฉายแวบผ่าน สะบัดข้อมือไป แส้ยาวกลายเป็นเงาลวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มไปที่มัจฉาประหลาดที่ยังมีชีวิตอยู่

เสียง “เปรี้ยะๆ” ดังขึ้น

ไม่รู้ว่าแส้เส้นนี้สร้างขึ้นจากวัตถุดิบใด ดูเหมือนว่าจะควบคุมมัจฉาเหล่านี้ได้โดยเฉพาะ แค่โจมตีเบาๆ ก็โจมตีลำแสงวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างของพวกเราให้สลายออกไปได้อย่างง่ายดาย และมีรอยโลหิตลึกปรากฏขึ้นเป็นสายๆ

ชั่วขณะนั้นเสียงร้องครวญครางต่ำๆ ดังขึ้น แล้วสร้างขึ้นบนทะเลลาวา

มัจฉาประหลาดเพศผู้ที่เป็นผู้นำผู้นั้นถูกแส้ปกคลุมไว้มากที่สุด และจ้องเขม็งไปที่หญิงสาววัยดรุณีด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นครั้งแรก แต่เมื่อถูกโจมตีไปสักพัก ก็ทำได้เพียงกุมศีรษะบิดกายไปมา คนอื่นๆ ก็ถูกแส้ทำให้โลหิตเปียกชุ่ม เรือนร่างไร้ซึ่งผิวหนังที่เรียบร้อยอีก

หญิงสาววัยดรุณีถึงได้ชะงักข้อมือ เก็บแส้ และหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย

“แส้เส้นนี้น่าจะทำให้พวกเจ้าจำได้นานหน่อย และจะได้ทำตัวดีขึ้นสักหน่อยสินะ หากรู้จักวางตัวก็รีบให้กำเนิดคนในเผ่าออกมา เช่นนั้นแม้ว่าจะมีส่วนหนึ่งที่ถูกสังเวย แต่เผ่าของพวกเจ้าก็ยังแข็งแกรงได้ เช่นนั้นมารดาเผ่าของพวกเราก็จะดีใจ และอาจจะ

ไม่จำเป็นต้องมอบประโยชน์แก่พวกเขา ครั้งหน้าถ้ามาอีกหากเผ่ามัจฉาว่างเปล่าของพวกเจ้ายังมีสมาชิกแค่นี้ ก็ไม่ใช่แค่โดนฟาดแส้เดียวจะไม่เป็นไรแล้ว”

หญิงสาวผู้นี้เอ่ยประโยคข่มขู่ที่เคยชินออกมาแล้วไม่สนใจมัจฉาประหลาดตัวอื่นๆ อีก พลางอ้าปากพ่นฟองสบู่สีขาวออกมา หลังจากขยายใหญ่ขึ้น แล้วห่อหุ้มซากมัจฉาประหลาดเพศเมียที่ตายสองตัวเอาไว้ พลางชี้นิ้วออกไป

ชั่วขณะนั้นฟองอากาศรวมทั้งซากศพที่อยู่ด้านในพลันหดเล็กลงจำนวนนับไม่ถ้วน ถูกหญิงสาววัยดรุณีสูบเข้าไปในปากแล้วกลืนเข้าไปในร่าง

หญิงสาวผู้นี้พลิ้วกายท่ามกลางสายตาโกรธแค้นของมัจฉาประหลาดตัวอื่นๆ กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งแหวกอากาศไป หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็จมหายเข้าไปในกำแพงหินที่อยู่ไม่ไกลนัก พลางหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากนั้นไม่นานมัจฉาประหลาดเหล่านี้ถึงได้ก้มหน้าประคองกันไปด้วยสีหน้าโศกเศร้า หลังจากปรึกษากันเล็กน้อยก็ทยอยกันกระโดดเข้าไปในลาวาแล้วหายวับไปปอย่างไร้ร่องรอย

เหนือทะเลสาบลาวาในยามนี้พลันกลับมาเงียบสงบ

แต่ผ่านไปเพียงชั่วครู่ กลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาร่างคนที่เลือนรางพลันปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ และดูเหมือนจะกวาดตาไปทางทะเลสาบลาวาแวบหนึ่ง

นั่นก็คือหานลี่ที่อำพรางกายอยู่

ทุกอย่างเมื่อครู่ เขาย่อมเห็นอย่างชัดเจน

“น่าสนใจ ตามบันทึกในคัมภีร์โบราณแล้ว เผ่ามัจฉาว่างเปล่าเคยปรากฏตัวในอดีตกาลครั้งหนึ่ง น่าจะหายสาบสูญไปจากแดนต่างๆ นานแล้ว คิดไม่ถึงว่าจนถึงยามนี้จะยังดำรงอยู่ในแดนซิวหลัว ดูเหมือนว่าเผ่านี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจเป็นพิเศษ ถึงได้ปรากฏตัวแล้วเกิดหายนะถูกทำลายล้างเผ่าพันธุ์ แต่จะเป็นแบบใดนั้นกลับมีแค่ไม่กี่คนที่รู้”

หลังจากที่หานลี่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง แต่หญิงสาววัยดรุณีก็มองไปทางที่หายวับไปแวบหนึ่ง แล้วอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้

“น่าจะแปลงมาจากแมงมุมซิวหลัว แต่พลังยุทธ์ของสตรีผู้นี้อยู่แค่ระดับหลอมสูญเท่านั้น แมงมุมซิวหลัวน่าจะต้องโตเต็มวัยก่อนถึงจะแปลงร่างได้? นี่มันแปลกไปหน่อย”

หานลี่ลูบใต้คาง ก้มหน้าครุ่นคิด หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้สั่นศีรษะแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

“ไม่ว่าอย่างไร ไปดูรังของแมงมุมซิวหลัวก่อนแล้วค่อยว่ากัน เรื่องอื่นค่อยคิดทีหลังก็ยังไม่สาย มัจฉาว่างเปล่าเหล่านี้เองก็ไม่อาจไม่สนใจได้ ออกมาเถิด!”

หานลี่ตะโกนเสียงต่ำๆ ออกมา แล้วสะบัดแขนเสื้อ

ชั่วขณะนั้นลูกบอลลำแสงสีทองพลันพุ่งออกมา หลังจากกะพริบวาบก็กลายเป็นคนตัวเล็กสีม่วงทองความสูงครึ่งฉื่อไม่มีปากและจมูก ดวงตาทั้งสองข้างเย็นชา ไร้ซึ่งความรู้สึก

“ลงไปตรวจสอบมัจฉาว่างเปล่าเหล่านั้น รอข้ากลับมาค่อยจัดการ”

หานลี่ออกคำสั่งอย่างไม่ใส่ใจเลยสักนิด

คนตัวเล็กสีม่วงทองพยักหน้า กลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งม้วนวนกลางอากาศ แล้วม้วนวนเข้าไปในทะเลสาบลาวา

คนตัวเล็กก็คือราชาแมลงกลืนทองที่เพิ่งพัฒนาระดับขั้นสำเร็จ

ส่วนอสูรมิคาทนตัวน้อยตัวนั้น เป็นเพราะพลังยุทธ์ต่ำกว่าหานลี่ในตอนนี้มากเกินไป ดังนั้นก่อนออกเดินทางจึงทิ้งให้มันกักตัวฝึกฝนอยู่ที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น หานลี่ถึงได้ยักไหล่ ร่างกายเลือนรางไปอีกครั้ง กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งไล่ตามไป

จากอิทธิฤทธิ์ของหานลี่ ทิ้งจิตสัมผัสไว้ที่เรือนร่างของหญิงสาวคนเมื่อครู่โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้นั่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ดังนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะคลาดกับเป้าหมายแล้ว

เมื่อหานลี่ตามหญิงสาววัยดรุณีไปด้านหลังอย่างเงียบๆ นั้น ก็ใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งกาน้ำชา

ร่างของหานลี่กลายเป็นโปร่งใส และยิ่งไปกว่านั้นลำแสงหลีกหนีก็ไร้รูปร่างและไร้สุ้มเสียง ตามอยู่ไกลๆ ห่างออกไปสิบลี้เศษ

หญิงสาววัยดรุณีบินไปโดยไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

จากนั้นหานลี่ก็เห็นด้วยตาของตนเองว่าหญิงสาวผู้นี้ไปที่หนองน้ำแล้วสังหารสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนหมูยักษ์สีดำที่เพิ่งพัฒนาระดับขั้นเป็นหลอมสูญได้ และไปในหุบเขาลึกลับแห่งหนึ่ง พลางเห็นเด็กผลสีทอง

นิรนามมากกว่าสิบกว่าผล จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังทิศทางเดิมโดยไม่หยุดพักใดๆ อีก

หานลี่ตามไปติดๆ อย่างไม่ลดลงด้วยสีหน้าราบเรียบ

หากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคือแมงมุมซิวหลัว จากพละกำลังของนางย่อมไม่อาจฝึกฝนเส้นไหมลำแสงทมิฬจากแดนผลึกได้ เป้าหมายของเขาก็คือแมงมุมซิวหลัวโตเต็มวัย มิเช่นนั้นคงลงมือที่ทะเลสาบลาวาใต้ดินแล้ว

ทว่ายามที่ปรากฏตัวที่เทือกเขายักษ์ที่เชื่อมโยงท้องฟ้ากันผืนดินเอาไว้อีกแห่ง หานลี่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าความเร็วของหญิงสาววัยดรุณีลดงลง และเริ่มลดต่ำลงตรงขอบของเทือกเขา

หลังจากเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น ส่วนลึกของเทือกเขาก็มีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น จากนั้นวิหคประหลาดเจ็ดแปดตัวที่ขนาดมากกว่าสิบจั้งก็บินออกมา หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งก็บินมาอยู่ใกล้ๆ หญิงสาววัยดรุณี

พวกมันร่อนลงอย่างเชื่องช้า ระลอกคลื่นจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวยื่นออกมาจากในเทือกเขา กวาดผ่านทุกอย่างที่ริมเทือกเขาอย่างรวดเร็ว แทบจะกวาดผ่านข้างกายของหานลี่ไป