บทที่ 1937 ยังไงก็มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง
พันธมิตรอู๋เว่ยที่เร่งรุดมาด้วยไฟโทสะสุมอกต่างก็อึ้งกิมกี่แล้ว
ไม่รอให้ฝั่งพันธมิตรอู๋เว่ยเอ่ยปาก เจียงเหยียนก็โกรธจนสติหลุด “ว่าไงนะ…นอน…นังจิ้งจอก เธอมันใจกล้าบ้าบิ่นจริงๆ!”
เยี่ยหวันหวั่นเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดไม่ออกอยู่บ้าง คลังคำพูดของเจ้าหมอนี่น้อยจนน่าสงสาร บทพูดไม่เปลี่ยนทั้งปีทั้งชาติ
เยี่ยหวันหวั่นยั่วมั่วโมโหเจียงเหยียนจนติดใจแล้ว จึงจงใจเอ่ยอย่างยั่วยวน “ใช่ๆ ฉันไม่แค่มานอนนะ แต่ยังนอนกับนายแห่งอาชูร่าของนายด้วย ทำไมเหรอ”
แต่น่าเสียดายนะ เบบี๋ของเธอสั่งว่าห้ามไม่ให้คนอื่นล่วงรู้เรื่องที่ว่าพวกเธอสมคบคิดกัน เธอจึงได้แต่อดทนไม่พูดออกไป
เจียงเหยียนพูดไม่ออก
เป่ยโต่วก็พูดไม่ออก
ชีซิงนิ่งเงียบ
หัวกะทิ หัวหน้าสาขา และย่อยผู้อาวุโสทุกคนต่างก็นิ่งเงียบ
สถานการณ์ในตอนนี้เงียบงันอยู่นานอย่างน่าประหลาด
ลั่วหลินน่าหัวหน้าสาขาย่อยคนหนึ่งเกาหัว “งั้นที่พวกเราร้อนใจวิ่งมาช่วยคนจากวิกฤต ผลก็คือผู้นำของพวกเราแค่มาหาที่นอนเฉยๆ งั้นเหรอ”
เป่ยโต่วเอ่ยเสริม “เพราะงั้นพวกเรารีบร้อนมาช่วยคนจากวิกฤต ผลก็คือพี่เฟิงกลับมาล่อลวงคนงามเหรอ”
ทุกคนพูดไม่ออก
ครั้งนี้เจียงเหยียนโกรธจนใกล้จะเป็นบ้าแล้ว “นังจิ้งจอก! แก…สามหาว!”
เป็นอย่างที่คิด บทพูดนี้อีกแล้ว…
“วันนี้ฉันต้องทำให้แกหายไปตลอดกาล!” เจียงเหยียนสะบัดชีซิงออก แล้วพุ่งเข้าไปหาเยี่ยหวันหวั่นปานสายฟ้าแลบ
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนพลางยิ้มน้อยๆ แม้แต่หัวคิ้วก็ไม่ขมวดสักนิด
อืม ยังไงซะเธอก็มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง
เป็นอย่างที่คิด ชั่วพริบตาที่ฝ่ามือของเจียงเหยียนกำลังจะตกลงบนตัวเยี่ยหวันหวั่นประดุจสายฟ้ากัมปนาท ก็มือเรียวยาวข้างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง สกัดกั้นการโจมตีของเขาทันที
เมื่อเห็นผู้มาเยือน เจียงเหยียนก็เบิกตากว้าง “นะ…นายท่าน…”
สมาชิกอาชูร่าเผยสีหน้าหวาดกลัวในทันที พากันทำความเคารพอย่างนอบน้อมหาใดเปรียบ “นายท่าน!”
มือของนายแห่งอาชูร่ายังคงรักษาท่าขวางกั้นเจียงเหยียนไว้ “เจียงเหยียน ถอยไป”
เจียงเหยียนเผยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความไม่เข้าใจ “แต่นายท่านครับ…”
หลังจากเยี่ยหวันหวั่นไปหลบอยู่ด้านหลังของคนคนหนึ่งอย่างปลอดภัย ก็ยื่นหัวออกมาพลางยิ้มตาหยี เอ่ยอย่าน่ากวนโมโหเป็นที่สุด “หึๆ มาสิๆ ตีฉันสิ!”
เจียงเหยียนโกรธจนแทบกระอักเลือด “นังจิ้งจอก! แก!”
ดวงตาของซือเยี่ยหานวาบแววจนใจและอ่อนโยนอย่างยากที่จะสังเกตเห็น ใช้หางตาเหลือบมองหญิงสาวอย่างตักเตือน เตือนสติเธอให้พูดแค่พอเหมาะ “ผู้นำไป๋”
เยี่ยหวันหวั่นเบ้ปาก สุดท้ายก็ไม่ยุแหย่เจียงเหยียนแล้ว “ก็ได้ๆ เห็นแก่หน้านายท่านของนาย ฉันจะปล่อยนายไปก็แล้วกัน”
เจียงเหยียนหมดคำพูด
เขาอาจเป็นองครักษ์อาชูร่าคนแรกที่ถูกยั่วโมโหจนตายก็ได้…
“ว้าว…ละ…หล่อจัง…นายแห่งอาชูร่าก็หล่อเกินไปแล้ว…ยังหล่อกว่าตอนที่เห็นครั้งก่อนอีก…ถ้าตกผู้ชายคนนี้ได้ ชีวิตนี้ก็ไม่เสียดายแล้ว…” เวลานี้หัวหน้าสาขาย่อยของพันธมิตรอู๋เว่ยลั่วหลินน่าจ้องชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าเคลิบเคลิ้ม ดวงตาขยับไม่ได้แล้ว
เมื่อเยี่ยหวันหวั่นได้ยินคำพูดนี้ในกลุ่มคนอย่างเฉียบแหลม จึงพลันหรี่สองตาเล็กน้อย สายตายิงไปทางลั่วหลินน่าราวกับคบเพลิง
“เฮ้ เธอสำรวมหน่อย ลืมการสั่งสอนที่บาร์ครั้งก่อนไปแล้วหรือไง” หัวหน้าสาขาย่อยอีกคนเตือนเสียงแผ่ว
ลั่วหลินน่าได้รับสายตาตักเตือนจากผู้นำของตนก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น นึกได้ทันควัน ไม่กล้ามองอีกต่อไป
ซือเยี่ยหานย่อมสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของหญิงสาว แววอ่อนโยนในดวงตาแทบจะทะลักออกมา
หลินเชวียที่ตามมาข้างหลังถอนหายใจพลางตบบ่าเจียงเหยียน “เฮ้อ เสี่ยวเจียง ใจเย็นๆ นะ เรื่องวันนี้แค่เข้าใจผิดกันเท่านั้นเอง”
—————————————————-
บทที่ 1938 ให้ผู้นำของนายตามฉันไป
เจียงเหยียนสูดหายใจเข้าลึกๆ “เข้าใจผิด? ไป๋เฟิงมองอาชูร่าเป็นสวนดอกไม้ในบ้านตัวเอง อยากเข้าก็เข้าอยากออกก็ออก แม้แต่พันธมิตรอู๋เว่ยก็บุกมาถึงหน้าประตูบ้านแล้ว ยังจะบอกว่าเข้าใจผิด! หัวหน้าสาขาหลิน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป งั้นอาชูร่าของพวกเราจะยืนยังไงในรัฐอิสระ นายท่าน โปรดออกคำสั่งด้วยครับ!”
หลินเชวียแสดงท่าทางเข้าใจหัวอกเจียงเหยียนมาก เฮ้อ ด้วยนิสัยถือหางของผู้นำตัวเองแล้ว จะไปทำอะไรเธอได้ละ!
“เฮ้อ งั้นเอาอย่างนี้ มาตัดสินกันอย่างยุติธรรมกันสักรอบเถอะ! พวกเราสู้กันหนึ่งยก ถ้านายชนะ ฉันจะอยู่ที่อาชูร่าปล่อยให้พวกนายลงโทษ แต่ถ้าฉันชนะ…” เยี่ยหวันหวั่นเว้นวรรคแล้วพูดต่อ “ถ้าฉันชนะ ก็ให้ผู้นำของนายตามฉันไป?”
คิดดูแล้ว ไม่ว่ายังไงเธอก็มีแต่ได้!
เมื่อชีซิงเห็นว่าผู้นำของตัวเองเริ่มรนหาที่ตายอีกแล้วก็สุดแสนจะปวดหัว จึงรีบเดินเข้าไปและมองเธออย่างตักเตือน “พี่เฟิง!”
เยี่ยหวันหวั่นถูกขัดจังหวะปฏิสัมพันธ์อันยากลำบากกับคนงามของตัวเอง เวลานี้จึงอัดอั้นตันใจมาก ดังนั้นย่อมอดที่จะทำอะไรไม่ได้ “เฮ้ ว่ายังไง แผนฉันนี้ดีขนาดไหน ยุติธรรมขนาดไหน?”
เห็นเยี่ยหวันหวั่นยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด ยิ่งกล่อมยิ่งกระตือรือร้น ชีซิงเกือบร้อนใจจะตายแล้ว “พี่เฟิง เลิกพูดได้แล้ว!”
คราวนี้ผู้นำดูแลยากเกินไปแล้วจริงๆ …
ซือเยี่ยหานมองหญิงสาวที่ก่อเรื่องอย่างสนุกสนาน ก็ถอนหายใจอย่างยากที่จะสังเกตเห็น ได้แต่เอ่ยเสียงเข้มเล็กน้อย “บันยะบังยัง”
แต่ว่าด้วยตอนนี้อารมณ์ของชายหนุ่มนั้นไม่เลว คนที่เฝ้าคำนึงถึงอยู่ตรงหน้า ต่อให้เป็นคำพูดต่อว่าตักเตือนก็ฟังดูไร้แรงคุกคามแม้แต่นิดเดียว
ก็แม้แต่ชีซิงยังสัมผัสได้อย่างฉับไว ว่าน้ำเสียงที่นายแห่งอาชูร่าพูดกับผู้นำครั้งนี้…เหมือนจะ…อ่อนโยนเกินไปหน่อยแล้ว…
แต่ที่ทำให้เขาหมดคำพูดยิ่งกว่าก็คือ ท่าทางของผู้นำของตัวเองที่ให้ตายก็กล่อมไม่ฟังนั้นกลับบิดพลิ้วชนิดร้อยแปดสิบองศา เชื่อฟังประดุจโดนเข้าสิง
“โอ้ ฉันผิดไปแล้ว ล้อเล่นเองน่า!”
เยี่ยหวันหวั่นยอมขอโทษแต่โดยดี จากนั้นก็มองเจียงเหยียนด้วยท่าทางที่จริงใจมาก “ท่านองครักษ์เจียง ครั้งนี้เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ ถ้ามีจุดที่ล่วงเกินก็ขออภัยด้วย”
เข้าใจผิด? ก่อความวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ เข้าใจผิดประโยคเดียวก็ไม่เป็นไรแล้ว?
แต่…เจียงเหยียนก็รู้ดีว่า หากพันธมิตรอู๋เว่ยกับอาชูร่าสู้กันตอนนี้จะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อทั้งสองฝ่าย
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นายท่านอดทนแล้วอดทนเล่ากับพันธมิตรอู๋เว่ย
เมื่อคิดถึงแผนการอันลึกซึ้งในระยะยาวของนายท่าน นึกถึงการสะกดกลั้นอารมณ์ของนายท่าน เจียงเหยียนก็อับอายกับความหุนหันพลันแล่นของตัวเองอย่างยิ่ง สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันถอยหลังไป
“นายแห่งอาชูร่า งั้นก็…ไว้เจอกัน” เยี่ยหวันหวั่นโบกมือลา
นายแห่งอาชูร่าที่คร้านจะสนใจไป๋เฟิงมาตลอด แต่ครั้งนี้กลับพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ยืนอยู่กับที่เงียบๆ มองส่งหญิงสาวเดินจากไป
เยี่ยหวันหวั่นหันกลับไปมองเงาร่างที่แทบจะกลมกลืนไปกับความมืดของชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ในใจก็บ่นกระปอดกระแปด
ปากเอาแต่พูดว่าให้เธอระวังอย่าให้คนอื่นล่วงรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เจ้าตัวละ เย้ายวนเธอไม่หยุด…
…
“โห! ผู้นำเก่งกาจเกินไปแล้ว บุกเดี่ยวเข้าไปในอาชูร่าแต่ก็ยังกลับมาได้ครบสามสิบสอง!”
“แม้แต่นายแห่งอาชูร่าก็กล้าอยากครอบครอง ผู้นำของพวกเราสมกับเป็นวีรสตรี!”
“ผู้นำเจ๋งเป้ง! เรื่องวันนี้ผมเอาไปคุยโม้ได้ทั้งชาติแล้ว!”
เมื่อได้ยินลูกน้องที่ด้านข้างเอ่ยชมกันเซ็งแซ่ เยี่ยหวันหวั่นก็พูดไม่ออก
นี่เป็นเรื่องที่ควรจะเอาคุยโม้นักเหรอ
งั้นอย่างน้อยก็รอให้เธอคบกันอย่างเปิดเผยเป็นทางการเสียก่อนค่อยโม้!
………………………………………………….