สีหน้าราชากระทิงไฟประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว

“นังหนู เจ้ารู้ภาษาสัตว์หรือ?” ผู้เฒ่าหนิงไม่ได้ถามเพราะสงสัย แต่เขามั่นใจ

กู้ชูหน่วนลูบจมูกด้วยความเคยชิน “เหมือนจะว่ารู้นิดหน่อย”

นางก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมนางถึงเข้าใจถ้อยคำที่สัตว์อสูรพูดทั้งหมด

“แม่นาง สำนักเทียนเซิ่งแม้จะไม่เทียบเท่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งทวีปปิงหลิน แต่ก็มีหน้ามีตา เป็นสำนักใหญ่อันดับต้นๆ เจ้าสนใจจะเข้าสำนักเทียนเซิ่งของพวกเราหรือไม่ ขอเพียงเจ้ายินยอม ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ของข้าทันที” เจ้าสำนักเทียนเซิ่งเอ่ย

“สำนักเทียนเซิ่งมีอะไรดี พวกเราพรรคเย่เซียวไม่ว่าจะเป็นอิทธิพล วรยุทธ์ หรือแม้แต่ฐานะก็สูงกว่าพวกเขามาก ถ้าเจ้าเข้าพรรคเย่เซียวของเรา ข้าจะให้เจ้าเป็นถันจู่เลย เป็นอย่างไร?”

“ถึงพรรคเย่เซียวจะเก่งกาจเพียงไรก็มิสู้พรรคคุนซานของพวกเรา พวกเราพรรคคุนซานมีประวัติยาวนานเกือบพันปี ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่ก็ต้องยอมให้พวกเราสามส่วน เจ้ามิสู้เข้าพรรคคุนซานของเราเถอะ พวกเราต้องฝึกฝนเจ้าให้เป็นบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ ของทวีปปิงหลินแน่”

“…”

เห็นกู้ชูหน่วนอายุน้อยๆ ก็มีฝีมือระดับสองแล้ว ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์ หากฝึกฝนอีกนิดต้องกลายเป็นนักฝึกสัตว์ยอดเยี่ยมแน่ อีกอย่าง สัตว์อสูรระดับสูงอย่างกระทิงไฟเก้าเขายังกลัวเกรงนางระดับหนึ่ง ไม่ดึงนางเข้าพวกก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว

เมื่อตระกูลใหญ่ทั้งหลายเห็นดังนั้นก็คิดจะดึงเข้าพวกด้วย

ทว่าตระกูลไป๋หลี่มีความขัดแย้งกับกู้ชูหน่วน ดังนั้นโดยรวมแล้วการดึงเข้าร่วมจึงเจรจาไม่สำเร็จ

ตระกูลซ่างกวนเพิ่งยกเลิกการหมั้นหมายของซ่างกวนหมิงหลางกับนาง แล้วนางจะเข้ากับตระกูลซ่างกวนได้อย่างไร

ตระกูลเวินมีกฎ การรับศิษย์แซ่อื่นเข้มงวดยิ่ง ต้องเป็นผู้ที่เจ้าบ้านเห็นชอบจึงจะรับเข้ามาได้

แต่ตอนนี้…

เจ้าบ้านของพวกเขาไม่อยู่ พวกเขาก็ตัดสินใจไม่ได้

ส่วนผู้เฒ่าหนิงเห็นกู้ชูหน่วนเป็นหลานสะใภ้

เขาลูบเคราขาว ไม่เกรงใจเอ่ย “ไปๆๆ นังหนูหน่วนเป็นคนของตระกูลหนิงเรา พวกเจ้าใครก็อย่าฝันไปเลย”

“เจ้าบ้านหนิง เหมือนว่าแม่นางมู่ยังไม่เคยรับปากว่าจะเข้าตระกูลหนิงของพวกท่านกระมัง?”

“พอๆ พูดพล่ามอะไร ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าไปไหนมาไหนคนเดียวจนชิน ไม่เข้ากับใครทั้งนั้น แต่ปราการไร้รูปเนี่ย เมื่อไรจะหายไปสักที?”

“ไม่นาน อย่างมากอีกหนึ่งชั่วยามก็หายไปแล้ว”

กู้ชูหน่วนกระซิบกระซาบกับกระทิงไฟเก้าเขา “เจ้ากระทิงโง่น้อย พวกเจ้ามีใครมาเพื่อชิงคันฉ่องบานนั้นหรือไม่?”

“คันฉ่อง? คันฉ่องอะไร?”

“พวกเจ้าไม่ได้มาเพื่อคันฉ่องหรือ?”

“ไม่ใช่อยู่แล้ว ใครจะไปอยากได้คันฉ่องเน่าๆ นั่นกัน จะบอกเจ้าตามตรง พวกเรามาเพื่อดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีต่างหาก”

“ดอก…ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี?”

“ก็ใช่น่ะสิ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีเพิ่มพลังยุทธ์ได้พรวดพราดเลยนะ แล้วยังทำให้ฟื้นคืนชีพได้ด้วย ถึงมันจะสู้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีไม่ได้ แต่คนที่อยู่ระดับห้าขั้นสูงกินลงไปก็มีโอกาสขั้นระดับหกได้เหมือนกัน พวกเราสัตว์อสูรกิน พลังจะเพิ่มขั้นหลายระดับ ใครบ้างไม่อยากได้?”

กู้ชูหน่วนพลันกระจ่าง

ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีก็คือศิษย์ลูกศิษย์หลานของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี่เอง

กระทิงไฟเก้าเขาเอ่ยพึมพำ “แปลก ตอนที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีปล่อยลำแสงกลับมีเสียงหงส์ด้วย พวกเรายังเหมือนจะเห็นหงส์ตัวหนึ่งสยายปีกบินสูง หรือว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีจะผิดปกติ?”

“ปราการไร้รูปอ่อนลงแล้ว พวกเราเข้าไปได้แล้ว”

ไม่ทราบว่าใครในนั้นตะโกนขึ้น ทุกคนจึงพากันมุ่งหน้าเข้าไป เหล่าสัตว์อสูรก็เช่นกัน

แต่เพราะต้องการเข้าไปช่วงชิง ดังนั้นจึงเกิดการเข่นฆ่ากันขึ้นอีก

เพียงแต่การเข่นฆ่ากันหนนี้ กู้ชูหน่วนถูกละเลย

ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีอยู่ตรงหน้านี่แล้ว จึงไม่มีผู้ใดสนใจนาง