อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่ 1023 ทำลาย
กู้ชูหน่วนก็อยากชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีเหมือนกัน จะได้เพิ่มพลัง ใครบ้างไม่อยาก?

แต่เจ้าเสือน้อยกลับมาอยู่ตรงหน้านางพร้อมบาดแผล เอ่ยลับๆ ล่อๆ “นายหญิง คันฉ่องหงส์อยู่ในถ้ำข้างๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี”

“เจ้าเสือน้อย? ข้าให้เจ้าอยู่คุ้มครองเซียวหยู่เซวียนไม่ใช่หรือ? เจ้ามาได้อย่างไร?”

“เซียวหยู่เซวียนห่วงท่าน จะให้ข้ามาให้ได้”

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าคันฉ่องหงส์อยู่ที่ถ้ำข้างๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี?”

“งาวๆ…สหายของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์บอกมา”

เจ้าเสือน้อยชี้งูพิษตัวที่มีลวดลายห้าสีสองสามตัว แล้วงอกรงเล็บทื่อๆ

กู้ชูหน่วนกวาดตามองหมู่คนสำนักและสัตว์อสูรทั้งหลายเลือดตกยางออก จากนั้นก็วิ่งเข้าถ้ำข้างๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสีทันที

คนมากมายแย่งชิงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามสี แต่เวลานี้หากนางต้องการชิงอาหารจากปากเสือ เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น มิสู้ไปเอาคันฉ่องหงส์มาก่อนแล้วค่อยว่ากัน

กู้ชูหน่วนนึกว่าไม่มีใครรู้ว่าคันฉ่องหงส์อยู่ในถ้ำนี้ จึงคิดว่าหากจะเอามันมาก็น่าจะง่ายมาก

แต่นางคิดผิด

ก่อนที่นางจะเข้าไป ข้างในมียอดฝีมือสองคนต่อสู้กันจนพสุธาบรรพตสั่นสะเทือน ลมเมฆเปลี่ยนสีอยู่แล้ว

พอดูให้ดี

สองคนนี้ก็คือชายสวมหน้ากากกับเจ้าผีเสื้อไม่ใช่หรือ?

เจ้าผีเสื้ออยู่ที่นี่ เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เล่า?

หรือจะกลับถ้ำที่เซียวหยู่เซวียนกำลังรักษาตัวแล้ว?

ยอดฝีมือระดับหกห้ำหั่น รังสีที่แผ่ออกมาสามารถทำลายภูเขาลูกนี้ได้ในทันที

ประกายแสงอันร้อนระอุทำจนกู้ชูหน่วนลืมตาไม่ขึ้น ไม่อาจดูว่าพวกเขาต่อสู้กันอย่างไร

แต่พวกเขากลับเหมือนไม่ต้องการให้คนข้างนอกรู้ว่าพวกเขากำลังทำศึกใหญ่กันอยู่ในนี้ ดังนั้นบริเวณในการต่อสู้จึงจำกัดอยู่แต่ในนี้เท่านั้น หากมองจากข้างนอก จะไม่เห็นว่าในนี้มียอดฝีมือเลื่องชื่อสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่

“นายหญิง พวกเขาร้ายกาจเหลือเกิน คิดจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกเขาคงลำบากอยู่บ้าง เราหนีไปก่อนไหม?”

หนี?

ยังหาคันฉ่องหงส์ไม่เจอแล้ว จะหนีอะไร

ดวงตาดำขาวตัดกันชัดของนางกำลังกลิ้งกลอก หาคันฉ่องหงส์จากในถ้ำไม่หยุด

และในที่สุด นางก็เห็นคันฉ่องบานหนึ่งอยู่บนแท่นดอกบัวข้างหน้า

คันฉ่องนั้นคร่ำครึปราศจากความแวววาว เหมือนกับคันฉ่องธรรมดาทั่วไป ไม่มีจุดไหนเป็นพิเศษเลย

แต่หากจะว่าจุดที่พิเศษ นั่นก็คือคันฉ่องบานนี้แกะสลักได้ไม่เลว ประณีตมาก

นางพยายามหลบหลีกคลื่นที่แผ่ออกมา เดินไปทางแท่นดอกบัวอย่างเสี่ยงอันตราย

สองคนที่กำลังสู้กันดุเดือดสังเกตเห็นกู้ชูหน่วนกับเจ้าเสือน้อยนานแล้ว เพียงแต่พวกเขากำลังติดพันกันอยู่ อยู่ในช่วงวรยุทธ์สูสี ไม่มีเวลาสนใจกู้ชูหน่วน

หากวอกแวก ย่อมต้องถูกอีกฝ่ายสังหาร ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้นางเข้าใกล้คันฉ่องหงส์ทีละก้าว

เย่จิ่งหานเป็นกังวลกับคันฉ่องหงส์มาก ประมือไปก็ตะโกนไป “มู่หน่วน จะเอาคันฉ่องหงส์ต้องให้มันรับเป็นเจ้าของก่อน ไม่อย่างนี้คันฉ่องหงส์จะกลายเป็นคันฉ่องธรรมดา เจ้าอย่าแตะไปเรื่อย”

“รับเป็นเจ้าของ? แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะให้มันรับข้าเป็นเจ้าของล่ะ?”

“หลีกไป ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยเอามันมาให้ข้า”

“ใครบอกว่าข้าจะเอามาให้เจ้า?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เย่จิ่งหาน

นางคนนี้ เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าเชื่อไม่ได้

เขาเสียไหล็อกวิญญาณไปแล้ว วิญญาณของอาหน่วนก็สลายไปหมดด้วย คันฉ่องหงส์คือโอกาสเดียวของเขา เขาจะไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นอีก

ด้วยความกังวล พอเขาวอกแวกก็ถูกพิณหิมะของเวินเส้าหยีทำร้ายบาดเจ็บหนัก

“อั๊ก…”

เย่จิ่งหานกระเด็นถอยออกไปล้มทั้งคนและเก้าอี้ กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

เย่จิ่งหานไม่กล้าประมาทอีก รีบเป่าขลุ่ยหยกขาวทันที ทัดทานกับรังสีพิฆาตของพิณเวินเส้าหยี

รีบจัดการเวินเส้าหยีก่อน จะได้ไปเอาคันฉ่องหงส์

เย่จิ่งหานร้อนรน

เวินเส้าหยีก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ทั้งสองต่างต้องการกำจัดอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด

ทว่า พวกเขาคนหนึ่งเพื่อปกป้องคันฉ่องหงส์

ส่วนอีกคนหนึ่งกลับเพื่อทำลายคันฉ่องหงส์